เล่ม 1 ตอนที่ 282 ข้าจะคัดเลือกชายหนุ่มรูปงามเข้าวัง

ราชินีพลิกสวรรค์

อวี้ซูมองเจียงหลีด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้ในใจจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ

“เพคะ ฝ่าบาท” นางย่อเข่าก้มหน้า

“พระราชโองการนี้ยกเลิก แต่จะเพิ่มพระราชโองการใหม่” เจียงหลีกล่าวอย่างมีเลศนัย

อวี้ซูยืนอยู่กับที่ รอเจียงหลีรับสั่ง

เจียงหลีเงียบไปสักพัก แล้วค่อยๆ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ไม่ทราบจุดประสงค์ “ข้าก็อายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะเลือกคนเข้าวังหลังแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป แต่ละเมือง แต่ละวงศ์ตระกูล เลือกชายหนุ่มที่รูปงามที่สุดส่งเข้าซั่งตู ข้าจะเลือกพระสวามี”

ฮะ! อวี้ซูมองนางอย่างตกตะลึง

นาง…นางฟังไม่ผิดใช่หรือไม่ ฝ่าบาทจะเลือกสวามีหรือ นี่…เป็นเรื่องใหญ่นะ! อีกอย่าง ฝ่าบาทอายุยังไม่ถือว่ามากนี่!

เอ่อ แน่นอนว่า ก็ถึงอายุที่จะคุยเรื่องแต่งงานแล้วจริงๆ

แต่ว่า ในใจของฝ่าบาทมีนายน้อยอยู่ตลอดเวลามิใช่หรือ เอ่อ…นายน้อยไม่อยู่แล้ว จักรพรรดินียอมเดินออกจากความโศกเศร้า ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพียงแต่ ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่ากะทันหันเพียงนี้ อีกยังยากที่จะเชื่อเล่า

“ทำตามที่ข้าสั่ง” เจียงหลีไม่สนท่าทีตกตะลึงของนาง

“เพคะ…เพคะ…” อวี้ซูจนใจ ได้แต่รับบัญชาแล้วออกไป

จักรพรรดินียกเลิกราชโองการตามหาทารกชายไป ทำให้เหล่าพ่อแม่ทั้งประเทศ ต่างก็แอบโล่งใจกันไป แต่ว่า ยังไม่รอให้พวกเขาโล่งใจเสร็จ ราชโองการที่ทำให้ตกตะลึงกันทั้งอาณาจักรจยาเซียนนั้นก็ปรากฏขึ้นอีก

ครั้งนี้ จักรพรรดินีไม่ได้จะหาทารกชาย แต่เป็นชายรูปงาม!

“เฮ้อ จักรพรรดินีของเรา ช่างมักมากในกามจริงๆ!”

“ก็นั่นสิ แต่ว่า ยังดีที่ยอมปล่อยทารกชายที่เพิ่งจะเกิดออกมาแล้ว”

“คงเป็นเพราะ นางคิดว่าต้องเลี้ยงทารกชายจนเติบใหญ่ จึงจะเสพสุขได้ นานเกินไปหน่อย เลือกชายหนุ่มรูปงามที่โตแล้วจะง่ายกว่า”

“เจ้านี่พูดจามีเลศนัยนะ!”

“เราเข้าใจก็พอ”

“…”

แก๊งๆๆ…!

ในตลาดนั้น เสียงฆ้องขัดจังหวะการถกเถียงอย่างดุเดือดของเหล่าชาวบ้านไป

ทุกคนต่างทยอยกันมองไปทางทหารทางการที่ถือฆ้องอยู่บนถนน

“ทุกท่าน ฟังให้ดี! ฝ่าบาทจะคัดเลือกพระสวามี นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไต่เต้า คนที่ในบ้านมีชายรูปงาม รีบไปลงทะเบียนที่จวนเจ้าเมือง ใต้เท้าจะคัดเลือกด้วยตนเองแล้วส่งเข้าวังให้ฝ่าบาทคัดเลือก หากบ้านใดไม่มีชายรูปงามแต่รู้ว่าที่ใดมีชายรูปงาม ก็สามารถไปให้เบาะแสที่จวนเจ้าเมืองได้ หากคนที่หามางดงามสะดุดตาจริง คนแนะนำก็จะได้รางวัลก้อนใหญ่เช่นกัน”

ผู้คนเสียงดังอึกทึกกันขึ้นมา!

ข่าวสาร แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วดั่งติดปีก

เพียงไม่นาน ในอาณาจักรจยาเซียน ชายหนุ่มที่พอมีความงดงามอยู่บ้างนั้นไม่ว่าแต่งงานแล้ว หรือยังไม่แต่ง ก็เริ่มหวั่นไหวกันแล้ว

ถึงแม้ การเลือกพระสวามี หัวข้อนี้จะไม่น่าฟังนัก อีกอย่าง ยังต้องปรนนิบัติหญิงคนเดียวกันกับชายอื่น น่าขยะแขยงไปบ้าง

แต่ว่า เมื่อนึกถึงทรัพยากรในราชสำนักแล้ว เมื่อนึกถึงอนาคตอันงดงามแล้ว พวกเขาต่างก็มีความหวั่นไหวกันขึ้นมา

ที่สำคัญที่สุดคือ ได้ยินว่าจักรพรรดินี ถึงแม้อายุยังน้อย แต่รูปโฉมงดงาม เสน่ห์เหลือล้น ยากจะทนไหว

เมื่อราชโองการสั่งการลงไปแล้ว ธรณีประตูของแทบทุกจวนเจ้าเมืองล้วนถูกเหยียบจนราบไปหมด

จิตใจของเหล่าชายหนุ่มอาณาจักรจยาเซียนนั้น ล้วนกระวนกระวายไม่เป็นสุข

ขุนนางเก่าในพระราชวัง ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าหลวงลู่วั่งชวน รายงานความเหิมเกริมหลังการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดินี

โดยเฉพาะในครั้งนี้ เรื่องเลือกชายหนุ่มรูปงามเข้าวัง!

เรื่องใหญ่เพียงนี้ เกี่ยวข้องกับเรื่องการสืบทอดเชื้อสายของราชนิกูล เหตุใดถึงกระทำการบุ่มบ่าม

ทว่า พวกเขารายงานกันเสร็จ ลู่วั่งชวนกลับตรัสอย่างนิ่งเฉย “เจียงหลีนางรู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่ พวกเจ้ารีบเป็นกังวลไปทำไมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เลือกคนงามเข้าวัง ก็เป็นเรื่องปกติที่ฮ่องเต้ทุกพระองค์ทำกันขณะครองราชย์มิใช่หรือ ตอนที่ข้าอยู่ในตำแหน่งนั้น ก็มีคนถวายฎีกาให้ข้ารับคนเข้าวังหลัง สืบเชื้อสายราชนิกูลมิใช่หรือ ทำไม พอมาถึงสาวน้อยหลีแล้ว พวกเจ้ากลับไม่เห็นด้วยแล้วหรือ”

ขุนนางกลุ่มนั้น มองกันด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

นี่…จะเหมือนกันได้อย่างไร

“พระเจ้าหลวง อย่างไรเสียฝ่าบาทก็เป็นหญิง พวกข้าก็ใช่ว่าจะไม่ให้พระองค์เลือกพระสวามี เพียงแต่ ป่าวประกาศไปทั่วเช่นนี้อย่างไรเสียก็ไม่ดีนัก หากฝ่าบาทมีประสงค์นี้จริง พวกเราสามารถเลือกชายหนุ่มที่เหมาะสมกับพระองค์ที่ช่วยเหลือพระองค์ได้ให้ได้ เลือกพระสวามีทั่วทั้งเมือง เหมาะ…เหมาะสมที่ไหนกัน”

“เอาล่ะ คนที่จะเลือกเข้าวัง ก็ต้องให้นางชอบใจเช่นกันมิใช่หรือ หากพวกเจ้ากังวลว่าจะมีมารทำลายชาติ ก็ส่งคนที่พวกเจ้าเลือกเข้ามาด้วย ให้หลีเอ๋อร์เลือก หากคนที่พวกเจ้าเลือกมา ไร้ใครเทียบได้จริง จะกลัวถูกคนอื่นเอาชนะไปทำไม” ลู่วั่งชวนพูดจบ ก็โบกมือ เป็นนัยยะให้ส่งแขก

ทุกคนต่างจนใจ ได้แต่ออกจากตำหนักจรุงจิตที่พำนักของลู่วั่งชวนไป

ทว่า เมื่อออกจากที่นั่นกันแล้ว พวกเขาก็ตื่นตัวกันขึ้นมา ใช่แล้ว! พวกเขาสามารถส่งคนรุ่นหลังของตระกูลตนเองเข้าวังได้เช่นกัน!

นี่เป็นโอกาสดีที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของวงศ์ตระกูลเลยนี่!

เหล่าขุนนางที่คิดได้ดังนี้ ต่างก็ทยอยกันกลับเรือนตนเองไป

ไม่ว่าด้านนอกจะเกิดคลื่นใหญ่ถาโถมด้วยเรื่องคัดเลือกพระสวามีเพียงใด ในพระตำหนักหวงจี๋นั้นยังคงไม่ได้รับผลกระทบใด

เพียงแต่ ไม่ว่าจะเป็นอวี้ซูหรือจะเป็นนางกำนัลรับใช้คนอื่นๆ ต่างก็พบว่า ช่วงนี้จักรพรรดินีอารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อยๆ อีกยังทรงกริ้วง่ายขึ้นด้วย

ยังไม่ปรากฏตัวอีกหรือ ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็แสดงว่าเจ้ายังไม่ลืมข้า ในเมื่อยังไม่ลืมข้า แล้วเหตุใดจึงต้องหลบหลีกไม่ออกมาพบ หากเจ้ามีความลำบากใจ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเจ้าแล้ว จะบอกข้ามิได้หรือ ให้ข้าสบายใจมิได้หรือ เจียงหลีเม้มปากแน่น ไม่พูดไม่จามองดูทิวทัศน์ด้านนอก

สีหน้าของนางเย็นเยือก เหมือนดั่งฉาบด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้

หรือว่า เจ้าจะทนเห็นข้าแต่งงานกับคนอื่นจริงๆ เจียงหลีถามตนเองในใจ

เข็มขัดเส้นนั้น วางอยู่ข้างกายนางตลอด นางรอเจ้าของเข็มขัดนั้นปรากฏกายอีกครั้ง แต่ว่า เขากลับไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย

ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด ข้าก็จะบีบให้เจ้าออกมาให้ได้! ในดวงตาเจียงหลี สะท้อนประกายเป็นนัยน์ว่าต้องได้มาให้ได้

“ฝ่าบาท คุณชายจิ่งตระกูลหรงมาขอเข้าเฝ้าเพคะ” อวี้ซูมาด้านหลังเจียงหลีแล้วกล่าวขึ้นอย่างระมัดระวัง

เจียงหลีเก็บอารมณ์ในสายตาไว้ ให้ทุกอย่างกลายเป็นความนิ่งสงบ “เข้ามา”

“เพคะ” อวี้ซูถอยไปอย่างเงียบๆ

เพียงไม่นาน หรงจิ่งก็เข้ามาในพระตำหนักหวงจี๋ มายังด้านหลังของเจียงหลี

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เจียงหลีก็หันหลังกลับ มองดูคุณชายที่หนึ่งในใต้หล้าที่ลู่เจี้ยเป็นคนตั้งชื่อให้

ดวงตาอันนิ่งสงบของนาง ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ทำให้หรงจิ่งเหม่อลอยไป แล้วส่ายหน้ายิ้มเล็กน้อย “เจ้าเหมือนเขาขึ้นเรื่อยๆ”

เขาคนนั้นหมายถึงใคร เจียงหลีไม่ต้องถามก็เข้าใจ

“คุณชายจิ่งวันนี้มามีธุระอะไร” เจียงหลีถาม

หรงจิ่งยิ้มเล็กน้อยแล้วมองลง “ได้ยินว่าฝ่าบาทจะคัดเลือกพระสวามี รวบรวมชายหนุ่มรูปงามจากทั่วทุกทิศเข้าวัง หากในตระกูลมีชายหนุ่มเช่นนี้ก็สามารถเข้าวังได้”

เมื่อฟังเขาพูดจบ เจียงหลีก็ยิ้มมุมปากแล้วหยอกเย้า “ทำไม คุณชายจิ่งเป็นคนที่ตระกูลหรงคัดเลือกมาหรือ”