เมื่อเจียงหลีขึ้นครองราชย์ได้หนึ่งเดือน เมืองเล็กอย่างสุ่ยหันที่ตั้งอยู่ชายแดนตะวันตกของอาณาจักรจยาเซียน ประกาศก้องสู่ใต้หล้าว่าจะยกเลิกชื่อราชวงศ์อย่างกะทันหัน เจ้านครพร้อมด้วยตราประทับหยกจำนนต่ออาณาจักรจยาเซียน จากนี้ไปซีฮวงนั้น จะไม่มีเมืองสุ่ยหันอีกต่อไป มีเพียงเขตสุ่ยหันของอาณาจักรจยาเซียน เจ้าเมืองก็กลายเป็นจวิ้นอ๋องของอาณาจักรจยาเซียนไป ยศถาบรรดาศักดิ์สืบทอดต่อชนรุ่นหลัง เสพเงินบำนาญหลวง ส่งเครื่องราชบรรณาการให้แก่ราชสำนักทุกปี เพื่อเป็นการแสดงออกถึงเจตนาของขุนนาง
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ก็กระจายไปทั่วทั้งซีฮวงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนค้นพบว่าหากอาณาจักรจยาเซียนได้เมืองมาอีกเมืองเดียว ก็จะยึดครองพื้นที่สี่ในเจ็ดส่วนของทั้งซีฮววง!
หากจะพูดถึงความกว้างใหญ่ของผืนดิน อาณาจักรจยาเซียนแน่นอนว่าเป็นอันดับหนึ่งของซีฮวง
แต่ อาณาจักรจยาเซียนนี้สถาปนาได้ไม่ถึงสองปี!
…
ณ ซีเฉียน เมืองอู๋อิ๋น พระราชวัง
“พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์! ปัญญาอ่อน!”
ซีเฉียนฮ่องเต้ในท้องพระโรงทรงกริ้ว ข่าวการเสียชีวิตของลู่เจี้ยที่ส่งมาจากราชวงศ์จยาเซียนนั้นต้องใช้เวลานานถึงเพียงนี้เขาจึงได้รู้
เรื่องใหญ่เช่นนี้ เดิมทีควรลอยมาถึงหูของเขาภายในสามวันตั้งแต่ลู่เจี้ยเสีย
ทว่า เขากลับคิดไม่ถึงว่า ข่าวที่ส่งกลับมากับการเสียชีวิตของลู่เจี้ยนั้น จะมีข่าวเรื่องเมืองสุ่ยหันจำนนต่อราชวงศ์จยาเซียนและยอมเป็นขุนนางรับใช้ให้ราชวงซ์จยาเซียนด้วย!
“ไม่เพียงแต่ข่าวการตายของลู่เจี้ยจะส่งมาช้าแล้ว แม้แต่ราชสำนักจยาเซียนลงมือกับเมืองสุ่ยหันไปตั้งแต่เมื่อไรนั้น พวกเจ้าก็ไม่รู้!” ซีเฉียนฮ่องเต้ทรงกริ้วก่นด่า
ในท้องพระโรง ขุนนางทั้งหลายของซีเฉียนต่างก็ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ในพระตำหนัก ฟังราชาระบายความโกรธแค้น
องค์รัชทายาทเฉียนลี่กล่าวเยาะเย้ย “ลู่เจี้ยตายแล้ว ไม่รู้ เมืองสุ่ยหันจำนนแล้ว ก็ไม่รู้ ข่าวกรองของซีเฉียนเรา แย่ถึงเพียงนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน อีกอย่าง เสด็จพ่อ ลูกได้ยินมาว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของอาณาจักรจยาเซียนนั้น ก็คือเจียงหลีนั่น นางฝึกบำเพ็ญอยู่ในสถาบันไป๋หยวนของซีเฉียน แล้วแอบไปสืบทอดบัลลังก์ตั้งแต่เมื่อไร องค์ชายสองกับนางเป็นศิษย์ร่วมสำนักกัน แต่กลับไม่รู้”
พูดจบ สายตาอันเย็นเยือกของเขาก็กวาดไปยังเฉียนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงข้าม รอยยิ้มเต็มไปด้วยการเสียดสี
ซีเฉียนฮ่องเต้สายตาดั่งคมมีด มองบุตรชายทั้งสองของตนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ช่วงนี้ ระหว่างทั้งสองคนนั้นต่อกรกันเองอย่างหนักหน่วง จนถึงเวลานี้แล้ว องค์รัชทายาทยังไม่ลืมที่จะซ้ำเติมน้องชายของตนอีก คนจิตใจเช่นนี้ จะเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร
จวิ้นเอ๋อร์ดูเจริญตากว่ายิ่งนัก สายตาของฮ่องเต้ซีเฉียน ย้ายมาที่เฉียนจวิ้น
ความรู้สึกของเฉียนจวิ้นในตอนนี้ก็ร้อนรนยิ่งนัก
ช่วงเวลานี้ เขาตั้งใจจดจู่อยู่กับการต่อสู้กับเสด็จพี่ จนละเลยการสอดส่องภายในสถาบันไป๋หยวนไปจริงๆ แต่ว่า เจียงหลีออกไปตั้งแต่เมื่อไร เขากลับไม่รู้ข่าวเลยสักนิด
เมื่อเผชิญหน้ากับการแทงข้างหลังของเสด็จพี่แล้ว เฉียนจวิ้นกลอกตาแล้วทูลต่อฮ่องเต้ซีเฉียนขึ้นเอง “เรื่องนี้ เป็นเพราะลูกละเลยเอง ขอเสด็จพ่อลงโทษลูกด้วย”
ท่าทีที่ขอรับโทษเองของเขานั้น ทำให้ความเยือกเย็นในดวงตาของฮ่องเต้ซีเฉียนนั้นน้อยลง “เรื่องนี้จะโทษเจ้าทั้งหมดก็ไม่ได้ เจ้าตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ไม่สามารถสังเกตสถานการณ์ด้านนั้นได้ตลอดเวลา”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” เฉียนจวิ้นใช้สายตาที่แฝงไปด้วยชัยชนะ มองเฉียนลี่ด้วยความท้าทาย
เฉียนลี่สายตาคร่ำเครียด มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ลำเอียง! ลำเอียง! ต่อหน้าขุนนางบู๊บุ๋นทั้งหลาย ยังลำเอียงถึงเพียงนี้! เสด็จพ่อของข้า ท่านอยากจะบอกข้าว่า องค์รัชทายาทอย่างข้ายังไม่แน่ว่าจะได้ขึ้นครองราชย์ใช่หรือไม่
“เจียงหลีไปแล้ว แล้วลู่เสวียนและเจียงเฮ่าเล่า” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสถาม
เอ่อ…
ในบรรดาเหล่าขุนนาง ต่างก็เงียบสงัด
เฉียนลี่เผยสีหน้าได้ใจ แล้วก้าวออกมาเอ่ยขึ้น “ทูลเสด็จพ่อ หลังจากที่ลูกได้ข่าวมา ก็รีบนำคนไปสถาบันไป๋หยวน แต่กลับพบว่า ก่อนหน้านี้ไม่นานทั้งสองได้หายไปจากซีเฉียนอย่างเงียบๆ คาดว่าน่าจะกลับอาณาจักรจยาเซียนไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ! เจ้ามันไร้ประโยชน์! ให้คนในสายตาของเจ้าหนีไปได้!” ฮ่องเต้ซีเฉียนทรงกริ้วตำหนิ
เฉียนลี่เบิกตากว้าง เปลวไฟประกายในดวงตา ไม่ยอมรับคำตำหนิของพ่ออยู่ในใจ!
“ยังเหม่ออะไรอยู่ ยังไม่ส่งคนไปตามอีก เมืองสุ่ยหันจำนนต่ออาณาจักรจยาเซียน ฉากกั้นระหว่างซีเฉียนและอาณาจักรจยาเซียนนั้นได้หายไปแล้ว ระหว่างสองเมือง ช้าเร็วต้องเกิดสงครามขึ้นเป็นแน่! หากจับสองคนนี้ได้ อย่างน้อยก็ทำให้เจียงหลีนั่นจะทำอะไรก็กลัวว่าจะถึงกระทบสองคนนี้ ตัวต่อรองสำคัญเช่นนี้ เจ้ากลับให้พวกเขาหนีไปได้!” ฮ่องเต้ซีเฉียนทรงกริ้ว
เฉียนลี่ถูกตำหนิจนสีหน้าเปลี่ยน เขาเหมือนจะเห็นสายตาเหน็บแนมของน้องชาย ทว่า เขายังคงพยายามระงับความโกรธในใจเอาไว้ แล้วอธิบายต่อฮ่องเต้ซีเฉียน “ลูกส่งคนไปไล่ตามแต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีข่าวส่งกลับมา”
“หึ! ถือว่าเจ้ายังไม่โง่เขลาเกินไป” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสอย่างคร่ำเครียด
“…” สีหน้าของเฉียนลี่เคร่งเครียดเพราะคำพูดนี้ เขาก้มหน้าไม่กล้าให้ฮ่องเต้ซีเฉียนเห็นสภาพในตอนนี้ของเขา
“เงียบกันอยู่ทำไม อาณาจักรจยาเซียนจะโจมตีมาถึงซีเฉียนแล้ว พวกเจ้าแต่ละคนกินเงินบำนาญ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรสักคำ” ซีเฉียนฮ่องเต้ตะคอกใส่เหล่าขุนนางทั้งหลาย
“ฝ่า…ฝ่าบาท…กระหม่อม…กระหม่อมมีเรื่องจะทูลรายงาน…” ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในพรรคของเฉียนจวิ้น เอ่ยปากขึ้นก่อน
“ว่ามา!” ฮ่องเต้ซีเฉียนเย้ยหยัน
ขุนนางผู้นั้นรีบกล่าว “ตอนนี้อาณาจักรจยาเซียนเพิ่งจะมีฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ภายในประเทศจะต้องไม่สงบเป็นแน่ แค่หญิงสาวคนหนึ่ง เพียงแต่มีพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญเท่านั้น จะปราบปรามผีห่าซาตานในราชสำนักจยาเซียนได้อย่างไร เมืองสุ่ยหันไปเลียขาในเวลานี้ แต่กลับไม่รู้ว่าฮ่องเต้หญิงของอาณาจักรจยาเซียนองค์นี้ แม้แต่ตนเองก็คงจะดูแลไม่ไหว เราฉวยโอกาสนี้ ส่งทหารโจมตีเมืองสุ่ยหัน แย่งอาณาเขตมา เช่นนี้ เมื่อถึงคราวที่ซีเฉียนต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรจยาเซียนแล้ว เราก็ไม่ต้องถึงขั้นเสียเปรียบ!”
ฮ่องเต้ซีเฉียนชะงักไปทันใด แล้วพิจารณาอย่างรวดเร็ว
จริงสิ! ตอนนี้ในอาณาจักรจยาเซียนนั้นจะต้องไม่สงบเป็นแน่ เมืองสุ่ยหันถึงแม้จะเลือกยอมจำนน แต่ตอนนี้ในสายตาซีเฉียนแล้ว ยังคงเป็นเนื้อที่ไร้เจ้าของ!
“ดี! ทำตามที่เจ้าบอก รีบส่งทหารไปเมืองสุ่ยหัน!” ซีหันฮ่องเต้ตัดสินใจ
“เสด็จพ่อทรงพระปรีชา!” เฉียนจวิ้นรีบประจบก่อนใคร วิธีที่ขุนนางที่สนับสนุนตนเสนอนั้นได้รับการพิจารณา เขาก็ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่
เขาใช้หางตากวาดมององค์รัชทายาทที่อยู่ตรงข้าม มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา…!”
ท่ามกลางเสียงประจบนั้น สีหน้าของซีเฉียนก็ดีขึ้นเล็กน้อย
…
อาณาจักรจยาเซียน ในพระราชวัง
ตั้งแต่คืนนั้นมา ก็ผ่านมาได้อีกหลายวันแล้ว เจียงหลีไม่ได้ ‘ฝัน’ ถึงลู่เจี้ยอีก เข็มขัดที่ทิ้งไว้ เตือนนางตลอดเวลาว่า ลู่เจี้ยกลับมาแล้ว
ทว่า ในเมื่อกลับมาแล้ว เหตุใดจึงไม่ออกมา
จุดนี้ เจียงหลีไม่เข้าใจ
อีกอย่าง…
เจียงหลีหรี่ตาทั้งคู่ มือทั้งสองที่ไขว้หลังอยู่นั้น กำเข็มขัดเส้นนั้นไว้แน่น เขาไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงเป็นสภาพชายหนุ่ม นั่นก็หมายความว่าเขายังไม่ได้ไปเวียนว่ายตายเกิด เช่นนั้น…ที่ปรากฏตัวในคืนนั้นน่าจะเป็นตัวเขาเอง!
ทันใดนั้น เจียงหลียิ้มมุมปาก นางพูดกับอวี้ซูว่า “อวี้ซู ถ่ายทอดคำสั่ง ราชโองการที่ให้ตามหาเด็กทารกชายทั่วประเทศนั้นยกเลิกได้แล้ว”