บ้านครอบครัวอัน 

 

 

เมื่อมาถึงทางเข้าบ้าน อันซย่าซย่าก็หยิบเอาหน้ากากปิดหน้าแบบใช้แล้วทิ้งออกมาสวม ซ่อนมือที่บาดเจ็บซุกไว้ในแขนเสื้อก่อนจะเข้าบ้าน แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

 

 

“ป๊า หนูกลับมาแล้ว! ขอขึ้นข้างบนเลยนะคะ” อันซย่าซย่ากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นก็วิ่งขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว 

 

 

ป่าป๊าอันยิ้มพลางบอก “ซย่าซย่า ระวังด้วย” 

 

 

อันซย่าซย่าทำหูทวนลม ส่วนเซิ่งอี่เจ๋อทำหน้าล้อเลียนก่อนกล่าวทักทายป่าป๊าอัน จากนั้นเขาก็ขึ้นข้างบนเช่นกัน 

 

 

ชายหนุ่มนั่งๆ นอนๆ อยู่บนชั้นสามอยู่พักหนึ่ง แต่ใจก็เอาแต่พะว้าพะวง ระหว่างนั้นฉือหยวนเฟิงก็เข้ามาพูดคุยปรึกษาอะไรสักอย่างในห้องของเขา แต่ก็ถูกกั้นออกไปห่างๆ ด้วยท่าทีเมินเฉยเย็นชาของเซิ่งอี่เจ๋อ 

 

 

เขาเอาแต่คิดถึงแผลของอันซย่าซย่าจนหน้านิ่วคิ้วขมวด หลังจากครุ่นคิดวนเวียนไปมาอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องลงไปชั้นสอง 

 

 

เขารู้ว่าห้องของเธออยู่ตรงไหน พอเดินมาถึงหน้าประตูห้องและกำลังจะเคาะเรียกก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดังออกมาจากภายในห้อง 

 

 

“พี่ใหญ่ อย่าลืมซื้อของฝากกลับมาด้วยนะ! สัญญานะว่าจะไม่ลืม” 

 

 

“ทำไมถึงถามหนูล่ะว่าหนูเป็นยังไงบ้าง… ฮ่าๆ แน่นอนว่าต้องสบายดีอยู่แล้ว ทุกอย่างที่โรงเรียนใหม่โอเคเลย เพื่อนร่วมชั้นก็ดีหมดทุกคน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดี๊ดี” พอพูดจบ น้ำเสียงใสๆ ของเด็กสาวก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสียงขึ้นจมูก 

 

 

สีหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อนั้นเฉยชา ทว่าความเจ็บปวดนิดๆ เริ่มก่อตัวขึ้นที่ไหนสักแห่งลึกลงไปข้างในหัวใจ 

 

 

เธอร้องไห้เหรอ เซิ่งอี่เจ๋อคิด 

 

 

“หนูสบายดีจริงๆ นะ ไม่ได้โกหกเลยแล้วก็ไม่ได้ร้องไห้ด้วย… หนูแค่คิดถึงพี่ เพราะงั้นรีบๆ กลับมาเลยนะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ หนูต้องทำการบ้านแล้ว” อันซย่าซย่าวางสายพลางสะอื้น จากนั้นเธอก็หยิบสำสีแล้วกลับไปจัดการทำแผลต่อ 

 

 

พอแอลกอฮอล์แตะเข้าที่บาดแผล เด็กสาวก็ร้องด้วยความเจ็บ ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดผลัวะ เธอหันหลังมามองด้วยความประหลาดใจ เมื่อตระหนักว่าเป็นเซิ่งอี่เจ๋อ สำลีก็ร่วงหลุดจากมือ 

 

 

“อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องคนอื่นได้ไงเนี่ย!” อันซย่าซย่าหน้าแดงระเรื่อ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก เขาถูจมูกพลางนิ่วหน้าเมื่อดวงตาจับไปที่บาดแผลของเธอ “ทำไมไม่บอกให้ลุงอันช่วยดูแผลให้” 

 

 

“ฉันไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง อีกอย่างมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร…” อันซย่าซย่าบ่นอุบอิบกับตัวเองจากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้เซิ่งอี่เจ๋อ “ฉันยังไม่ได้ขอบคุณนายเลย ขอบคุณที่เชื่อว่าฉันไม่ได้จะใช้มีดนั่นทำร้ายยายพวกนั้นนะ… ว่าแต่นายเข้ามาที่ห้องฉันทำไมกัน” 

 

 

เขาต้องการบางอย่างงั้นเหรอ! 

 

 

อันซย่าซย่ายกแขนป้องหน้าอกอย่างประหม่า 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเป้ปากเล็กน้อย แม่คนนี้… เธอคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันนะ 

 

 

ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาแล้วหยิบสำลีอีกก้อน จากนั้นก็เริ่มเช็ดบาดแผลรุนแรงที่มือของเธอ 

 

 

“เธอนี่ทักษะการแสดงขั้นเทพเลยนะ แถมยังโกหกเก่งอีกต่างหาก” เซิ่งอี่เจ๋อบอกเนิบๆ 

 

 

หญิงสาวทำตาโตพลางตอบ “นั่นเขาไม่เรียกโกหกนะ! เขาเรียกโกหกเพื่อเหตุอันดีน่ะ รู้จักไหม อื้อ… นายดูมีประสบการณ์ในการพันแผลดีเนอะ ทำบ่อยเหรอ” 

 

 

“ก่อนมีผู้จัดการ พวกเราก็ดูแลกันเองเวลาได้แผลตอนซ้อมนั่นล่ะ ยิ่งเจ็บตัวบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่านั้น” เซิ่งอี่เจ๋ออธิบายให้หญิงสาวฟังด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ 

 

 

เข้าใจแล้ว วงสตาร์รี่ไนต์เองก็เคยมีช่วงเวลาที่ลำบากมาก่อน… 

 

 

“แล้วนายเป็นทายาทสืบสกุลของตระกูลเซิ่งจริงไหม ทำไมถึงได้มาอยู่ในวงการบันเทิง ต้องมาทำงานลำบากตรากตรำอย่างนี้ล่ะ” เธอถามอย่างอยากรู้ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนตอบ “อะไร อยากให้ฉันเป็นงั้นเหรอ” 

 

 

อันซย่าซย่ายิ้มอย่างเขินๆ ก่อนตอบ “เปล่า… ฉันก็แค่คิดว่ามันเหนือจินตนาการมากเลยน่ะ” 

 

 

แต่พอลองมาคิดดูแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ประกอบเข้าด้วยกันอย่างลงตัว 

 

 

ถ้าเขาไม่ใช่นายน้อยแห่งตระกูลเซิ่งละก็ เขาจะหน้าตาท่าทางดีและเจ้าอารมณ์แบบนี้เหรอ… 

 

 

ถ้าเขาไม่ใช่นายน้อยแห่งตระกูลเซิ่ง ทำไมถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของเขาหลังจากที่เปิดตัวเมื่อสามปีก่อนเลยล่ะ…