ตอนที่ 260 เปิดเผยความจริง (๔)

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

ซูฉิงที่แผ่รังสีน่าเกรงขามออกมา จนอู๋ชิงหร่านก็ถึงกับก้าวถอยหลายไปหนึ่งก้าว
“ถึงจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าฉันเป็นคนให้คนใส่ทองคำขาวลงไปในช่อดอกไม้แล้วยังไง เธอก็แค่เกิดภูมิแพ้เท่านั้น อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว”อู๋ชิงหร่านจ้องหน้าซูฉิงนิ่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
หลักฐานแน่นหนาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว อู๋ชิงหร่านก็คร้านจะรั้นต่อไปแล้ว
แต่ว่า ถ้าหากแค่ภูมิแพ้กำเริบ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรนี่
“อย่าพึ่งรีบร้อนไป นี่เป็นเพียงแค่ครั้งแรกที่เธอทำร้ายฉันก็เท่านั้น “ซูฉิงระบายยิ้มออกมา แล้วพูดเสียงเย็นชา “ต่อไปยังมีอีกสามครั้ง”
บัญชีนี้ เธอจะต้องคิดกับอู๋ชิงหร่านให้หมดแน่!
“เรื่องที่เหลือไม่เกี่ยวกับฉัน “อู๋ชิงหร่านยังทำเป็นดึงดันครั้งสุดท้าย “เรื่องพวกนั้นล้วนเป็นเจียงเสว่ยี๋เป็นคนทำ เธอริษยาเธอ ไม่ชอบหน้าเธอ เลยอยากทำร้ายเธอ……”
เจียงเสว่ยี๋ได้ยินอย่างนั้น ก็จ้องหน้าอู๋ชิงหร่านด้วยความโกรธ แล้วพูดแทรกเธอขึ้นมา”เธออย่ามาพูดเหลวไหลใส่ร้ายฉันนะ!”
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เจียงเสว่ยี๋ก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว
เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของอู๋ชิงหร่าน
เป้าหมายของอู๋ชิงหร่านคือทำร้ายซูฉิง แล้วก็โยนความผิดให้เธอ
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ร้ายจริงๆ
แต่น่าเสียดาย ตอนนี้อู๋ชิงหร่านถูกซูฉิงเปิดโปงต่อหน้าทุกคน ได้ยกหินที่ทับเท้าเธออยู่ออกไป
สมน้ำหน้าจริงๆๆ
แววตาของซูฉิงหันไปหยุดอยู่ที่พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉาก แล้วพูดเสียงขรึม”นายตั้งใจทำสกรูสลิงให้หลวมเพื่อทำร้ายฉัน เป็นความผิดโทษฐานเจตนา ถ้าหากตอนนี้นายยอมพูดความจริง พูดออกมาว่าคนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังตัวจริงคือใคร ฉันอาจจะพิจารณาไม่ให้นายรับผิดชอบก็ได้”
พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากคิดอยู่สักพัก มองไปทางอู๋ชิงหร่าน
อู๋ชิงหร่านส่งสายตาเตือนกลับไปให้ทันที เธอจะแพ้ไม่ได้!
พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากที่ได้รับสายตาของอู๋ชิงหร่าน ก็รู้สึกกลัว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าแล้วพูด”ที่ผมพูดเมื่อกี้ก็คือความจริง เป็นเจียงเสว่ยี๋ที่บงการให้ผมทำ”
ซูฉิงที่ได้ยินเขายืนกรานว่าพูดความจริงแล้วก็หรี่ตาลง จากนั้นก็หยิบเอาเช็กที่อยู่ในมือของพนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากมาแล้วพูดเสียงขรึม “เมื่อกี้นายบอกว่าเช็กใบนี้เป็นเจียงเสว่ยี๋ที่เป็นคนให้มา เพื่อเป็นค่าจ้างนายถูกต้องมั้ย”
“ใช่ครับ “พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากพูดยืนยัน
“เป็นลายเซ็นที่เจียงเสว่ยี๋เซ็นด้วยตัวเองมั้ยนั้น พวกเราตรวจสอบก็น่าจะรู้แล้ว”ซูฉิงยกยิ้มมุมปาก แล้วพูดเสียงเรียบ
และทันใดนั้นเอง ก็มีชายย้อมผมสีทองเดินเข้ามาหาซูฉิงแล้วเอ่ยทักทาย “ไฮ คุณซู พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
สายตาของทุกคนถูกเขาดึงดูดหันไปมอง และไม่นานทุกคนก็รู้จัก เขาก็คือแฮกเกอร์ที่มีเชื่อเสียงโด่งดังแอนโธนี่นั้นเอง
“เป็นแอนโธนี่!” มีคนตะโกนขึ้นมา
“พระเจ้า ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอแอนโธนี่ตัวจริง คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังหนุ่มอยู่เลย”
“คุณซูเชิญเขามาตรวจสอบลายเซ็นหรอ”
ซูฉิงยิ้ม “ต้องรับกวนนายแล้ว”
“คุณซูเกรงใจเกินไปแล้ว เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”แอนโธนี่เลิกทำเป็นหน้ายิ้มแล้วทำหน้าจริงจัง
ซูฉิงเอาใบเช็กยื่นให้แอนโธนี่ “รบกวนนาย ช่วยตรวจดูให้หน่อยว่าลายเซ็นบนเช็กนี้เป็นของเจียงเสว่ยี๋เซ็นด้วยตัวเองรึเปล่า”
แอนโธนี่รับเช็กมา พร้อมกับพยักหน้าพูด”ไม่มีปัญหา”
เขาเปิดโน๊คบุ๊ก กดรหัสเข้าไปจากนั้นก็มีอักษรขั้นมาว่า: “NO
Match!”
แอนโธนี่ชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูด”จากที่ผมได้ตรวจสอบ ลายเซ็นที่อยู่ในใบเช็กใบนี้ไม่ใช่เจียงเสว่ยี๋เป็นคนเซ็น และมีคนตั้งใจลอกเลียนแบบ”
“ขอบคุณมาก!” ซูฉิงเอ่ยขอบคุณแอนโธนี่
เธอหันไปมองรอบๆ ที่อยากรู้อยากเห็น สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉาก “เชื่อว่าทุกคนน่าจะไม่คัดค้านกับการตรวจสอบของแอนโธนี่ ว่าเช็กใบนี้มีคนตั้งใจลอกเลียนแบบลายเซ็นของเจียงเสว่ยี๋ อยากจะใส่ร้ายเธอ”
ซูฉิงหยุด แล้วหันไปทางพนักงานอุปกรณ์อุปกรณ์ประกอบฉากด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “นายมีอะไรจะอธิบายมั้ย”
พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากยังไม่ทันได้พูดอะไร หวังลี่น่าก็เดินมาตรงหน้าซูฉิงแล้วคุกเข่าลง “คุณซู ฉันพูดเอง ฉันพูด! เป็นอู่ชิงหร่านที่บงการฉันเองค่ะ!”
ทันใดนั้นหวังลี่น่าก็ยอมพูดเรื่องจริง เรื่องนี้ทำให้ซูฉิงรู้สึกแปลกใจมาก
เธอก้มหน้ามองหวังลี่น่า “เธอลุกขึ้นมาพูด ว่าเรื่องเป็นยังไง”
หวังลี่น่าพยักหน้า “คุณซู ฉันรู้เรื่องทั้งหมด ล้วนเป็นอู๋ชิงหร่านที่บงการอยู่เบื้องหลัง เธอให้ฉันไปใส่ยากระตุ้นที่คุณขี่กิน แล้วยังให้ฉันแอบไปเปลี่ยนมีดในห้องอุปกรณ์ประกอบฉาก ขอโทษด้วยค่ะ คุณซู!”
“หวังลี่น่า เธอพูดเหลวไหลอะไร?!” อู๋ชิงหร่านที่ได้ยินหวังลี่น่าพูดกลับลำ ก็จ้องตาหวังลี่น่าเขม็ง
“คุณอู๋ ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่อยากไร้จิตสำนึก ฉันแค่อยากพูดความจริง”หวังลี่น่าตาแดงก่ำขึ้นมา
“เป็นฉันที่ไม่ดีเอง เพราะฉันที่ทำเพื่อเงิน ถึงได้ทำเรื่องทำร้ายคุณซูได้ แต่ว่า ที่ฉันทำไปก็เพราะว่า……น้องชายของฉันป่วยเป็นโรคหัวใจอาการหนัก คุณหมอบอกว่าจะต้องทำการผ่าตัดถึงจะรักษาชีวิตให้พ้นอันตรายได้ ฉันรอเงินก้อนไม่ไหว ดังนั้น…..”หวังลี่น่าพูดเสียงเครือ
“และตอนนั้นเอง คุณอู๋ก็มาหาฉัน บอกว่าจะให้เงินก้อนกับฉัน แค่ให้ฉันช่วยเธอทำอะไรให้ แล้วจะให้คุณหมอมาผ่าตัดให้น้องชายของฉัน
เพื่อน้องชาย ฉันก็เลยจำต้องรับปาก น้องชายของฉันปีนี้อายุแค่ 17 ปีเอง ฉันทนเห็นเขาทรมานจากอาการป่วยไม่ได้ ฉันไม่อยากให้เขาจากฉันไป……”หวังลี่น่าพูดไปทั้งน้ำหูน้ำตาก็ไหลออกมา
“แต่ว่าหลายวันมานี้ ฉันนอนไม่หลับทุกวัน ทุกวันต้องนอนฝันร้าย ฉันผิดไปแล้ว คุณซู ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ควรทำเพื่อเงิน แล้วทำเรื่องผิดต่อคุณ!” หวังลี่น่าทั้งพูดทั้งหัวโขลกพื้น
ซูฉิงคิ้วขมวดเป็นปม แล้วก้าวออกมาพยุงหวังนี่น่าขึ้นมา “เธอลุกขึ้นมาก่อน”
เธอพยุงหวังลี่น่าขึ้นมา แล้วหันไปมองอู๋ชิงหร่านด้วยสายตาเย็นเยือก “อู๋ชิงหร่าน ตอนนี้เธอยังมีอะไรจะพูดมั้ย?!”
“ฉันไม่ได้ทำ เธอใส่ร้ายฉัน……”อู๋ชิงหร่านหน้าซีดเผือด พูดยืนกรานคำเดิม
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า หวังลี่น่าจะกล้าทรยศเธอ แล้วพูดความจริงต่อหน้าทุกคน
อู๋ชิงหร่านแอบรู้สึกหมดหวังอยู่ภายในใจ พร้อมกับกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง
ไม่ เธอจะยอมแพ้ไม่ได้ !
อู๋ชิงหร่านยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นก็มีชายสวมสูทชุดดำ พร้อมกับสวมแว่นตากรอบทองเดินเข้ามาอย่างเร็ว แล้วพูดกับเธอเสียงดุ”หุบปาก!”
“พี่?”อู่ชิงหร่านเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความตกใจ
ซูฉิงหรี่ตาลง ถ้าหากเธอจำไม่ผิดละก็ ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นพี่ชายของอู๋ชิงหร่าน อู๋เฉิงเจ๋อ
“ชิงหร่าน เธอทำเรื่องผิดอย่างนี้ได้ยังไง เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก!”อู๋เฉิงเจ๋อคิ้วขมวดเป็นปม มองอู๋ชิงหร่านด้วยสายตาริ่งขรึม แล้วเอ่ยสั่งเสียงดัง “ยังไม่รีบขอโทษคุณซูอีก!”