ตอนที่ 591

Elixir Supplier

591 หนู

 

พันจวินอยู่รอสักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเห็นหวังเย้าเดินลงมาจากเนินเขาหนานชาน พันจวินจึงรีบเดินเข้าไปหาหวังเย้า

 

“สวัสดีครับ อาจารย์” พันจวินพูด

 

“สวัสดีครับ พี่มาที่นี่ทำไมเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“เพื่อนที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลพูดเรื่องหมู่บ้านของอาจารย์กัน ฉันก็เลยมาที่นี่ เพื่อดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างรึเปล่า” พันจวินพูด

 

เขาได้ยินหลายคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เขายังได้ยินมาว่า โรคที่เกิดในหมู่บ้านมีอัตราการแพร่ระบาดที่สูงมาก และมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น เขาจึงรู้สึกกังวลถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เดิมที เขาคิดจะโทรหาหวังเย้า แต่คิดอีกที เขาคิดว่าไปคุยต่อหน้าน่าจะดีกว่า

 

“เชิญครับ” หวังเย้าเชิญพันจวินเข้าไปในคลินิกและชงชาให้กับเขา เขารู้สึกประทับใจในท่าทีของลูกศิษย์ของเขา

 

“มีข่าวจากทางโรงพยาบาลบ้างไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ไม่มีข่าว มีแต่ข่าวลือทั้งนั้น” พันจวินพูด “พวกเขาพูดกันว่า มีโรคระบาดเกิดแพร่กระจายในหมู่บ้านของอาจารย์ และทำให้คนตายไปเยอะมาก ฉันได้ยินมาว่า มีผู้เชี่ยวชาญทั้งจากห่ายชิวและจังหวัดพากันมาที่หมู่บ้าน และหมู่บ้านก็ถูกปิด ตอนที่ฉันมาถึง ฉันเห็นมีตำรวจเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านด้วย”

 

“จริงเหรอเนี่ย!” หวังเย้าไม่รู้เรื่องที่มีตำรวจมาที่หมู่บ้านเลย

 

“โรคนี่มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?” พันจวินถาม “ฉันได้ยินมาว่า มันเกิดจากเชื้อที่ไม่เคยมีการค้นพบมาก่อนด้วย”

 

“มันเลวร้ายมากจริงๆ” หวังเย้าพูด

 

ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีการประกาศของทางหมู่บ้านดังขึ้น

 

“คนที่ยังไม่ได้ตรวจสุขภาพ กรุณามาติดต่อกับที่ทำการหมู่บ้านโดยด่วน”

 

จากนั้น ก็มีการประกาศรายชื่อของคนที่ยังไม่ได้ตรวจ

 

พันจวินไม่ได้อยู่นานนัก เขาอาสามาที่หมู่บ้านนี้เพราะไม่มีหมอคนไหนอยากมา ดังนั้น หัวหน้าของเขาจึงชื่นชมเขามาก เขาจำเป็นต้องไปตรวจสุขภาพของชาวบ้าน ดังนั้น เขาจึงอยู่ที่คลินิกของหวังเย้านานมากไม่ได้

 

หลังพันจวินออกไปแล้ว หวังเย้าก็เริ่มงานของเขา เขาจำเป็นต้องหาสมุนไพรสักอย่างหนึ่ง หรืออาจจะหลายชนิดเพื่อรักษาโรคนี้ สมุนไพรจะต้องสามารถนำมาทดแทนหญ้าพิษหรือสมุนไพรถอนพิษได้ และทั้งหมดจะต้องเป็นสมุนไพรทั่วไป

 

ป้านจือเหลียน, ขู่ชาน, หลงต๋าน, จินหยินฮวา…

 

หวังเย้าเขียนรายการสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการลดความร้อนและกำจัดพิษในร่างกายได้ เขายังมีสมุนไพรเหล่านี้เก็บเอาไว้บางส่วนอีกด้วย

 

เดี๋ยวก่อนนะ! อยู่ๆหวังเย้าก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ ฉันควรจะลองไปดูที่หลุมนั่นดู

 

หวังเย้าพอจำได้ลางๆว่า มีต้นหญ้าอยู่รอบๆหลุมด้วย ต้นหญ้าเหล่านั้นจะต้องสามารถต่อต้านเชื้อจากในหลุม จึงทำให้มันสามารถเติบโตในบริเวณนั้นได้ ดังนั้น พวกมันก็สามารถนำมาเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคนี้ได้ด้วย

 

ใช่แล้ว! หวังเย้ารีบลงมือทันที

 

เขาเดินออกไปจากคลินิกและมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก เขาสามารถมองเห็นแพทย์ที่อยู่ด้านนอกตัวบ้านของเฉินเจียกุ้ยได้จากที่ไกลๆ

 

มันผ่านไปได้หลายวันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่า พวกเขาจะยังไม่ได้ทำอะไรกับร่างของเฉินเจียกุ้ย

 

เขามุ่งหน้าสู่เนินเขาซีชาน

 

รอบๆหลุมถูกกั้นเอาไว้ด้วยเทปเหลือง หวังเย้าได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่เข้มข้นลอยออกมา ตัวหลุมถูกปกคลุมไปด้วยปูนขาว มีรอยเท้าย้ำอยู่ทั่วบริเวณ

 

ดูเหมือนจะมีคนมาที่นี่กันหลายคนเลย

 

หวังเย้าเดินไปรอบๆปากหลุม เขาพบพืชพันธุ์เติบโตอยู่ใกล้ๆกลับปากหลุม

 

พวกนี้ใช่ดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกรึเปล่านะ?

 

นี่เป็นต้นพืชที่มีอยู่ทั่วไป พวกเขาเติบโตอยู่ทั่วเนินเขา รวมไปถึงปากหลุมด้วย ทีมแพทย์ยังได้เยียบย้ำพวกมันไปบางส่วนด้วย

 

ฉันควรจะเก็บพวกมันทั้งหมดกลับไป

 

หวังเย้าถอนพวกมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วนำพวกมันไปปลูกไว้บนเนินเขาหนานชาน

 

ภายในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน มีเสียงกรีดร้องของใครคนหนึ่งดังขึ้น

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้หญิงคนหนึ่งถาม

 

“อย่าเข้ามา! ฉันเพิ่งจะโดนหนูกัดไปเมื่อกี้!” ชายคนหนึ่งมีเลือดไหลออกมาตรงข้อเท้า

 

เขาเจอหนูตัวหนึ่งอยู่ภายในบ้านของเขา เขาไม่รู้ว่าหนูตัวนี้โผล่มาจากไหน มันวิ่งขึ้นๆลงๆและกำลังกัดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านของเขา มันยังไปกัดสุนัขของเขาด้วย แล้วสุดท้าย ก็เป็นเขาที่ถูกหนูบ้าตัวนี้กัด

 

“ล้างเลือดออกซะ แล้วใส่ยาฆ่าเชื้อที่แผล ฉันไม่อยากให้พี่ติดเชื้อจากมัน” ภรรยาของเขาพูด

 

เธอเคยได้ยินมาก่อนว่า คนที่โดนหนูกัดสามารถติดโรคจากหนูได้ด้วย และมันก็อาจจะนำไปสู่ความตาย

 

“ได้” สามีของเธอพูด

 

เขาจัดการล้างแผลและใส่ยาฆ่าเชื้อ หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับบาดแผลนั้นอีก

 

“ฉันว่า พี่น่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยนะ” ภรรยาของเขาเสนอ

 

“ไม่จำเป็นหรอก” เขาพูด

 

“ทำไมพี่ถึงเคยฟังคำแนะนำของฉันบ้างเลย?” ภรรยาของเขาถาม “เห็นไหม ว่ามีหมอมาที่หมู่บ้านของเราเต็มไปหมดน่ะ? พวกเขาตรวจร่างกายของชาวบ้านทุกคน แล้วยังใส่ชุดป้องกันตลอดเวลาเลยด้วย แล้วถ้าเกิดพี่ติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง? เฉินเจียกุ้ยก็ติดเชื้อ และตอนนี้เขาก็ตายแล้วด้วย”

 

“ก็ได้ๆ! เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้” สามีของเธอพูด

 

ก่อนที่เขาจะออกไปจากหมู่บ้าน เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดเอาไว้

 

“นายชื่ออะไร?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“หวังอีเชิง” เขาตอบ

 

“แล้วกำลังจะไปไหน?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“โรงพยาบาล” หวังอีเชิงตอบ

 

“ทำไมต้องไปโรงพยาบาลด้วย?” เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอาการตื่นตัวขึ้นมา หัวหน้าของเขาได้บอกให้พวกเขาใส่ใจชาวบ้านที่มีอาการป่วยเป็นพิเศษ

 

“ฉันโดนหนูกัดน่ะ” หวังอีเชิงบอกไปตามตรง

 

“หนูเหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยเจอใครโดนหนูกัดมาก่อน

 

“รอเดี๋ยวนะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด เขาไม่ได้ปล่อยให้หวังอีเชิงออกไปได้ทันที

 

“ขนาดโรงพยาบาลก็ยังไปไม่ได้อีกเหรอเนี่ย!” หวังอีเชิงรู้สึกไม่พอใจ

 

“ฉันบอกว่า ให้รอเดี๋ยว!” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งมันทำให้หวังอีเชิงรู้สึกกลัว

 

“ก็ได้” หวังอีเชิงพูด

 

ครู่ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กลับมา

 

“ไปตรงนั้นซะ!” เขาชี้ไปที่จุดหนึ่ง “ตามฉันมา”

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจพาหวังอีเชิงไปที่ที่ทำการหมู่บ้าน

 

“คุณตำรวจ ผมมาตรวจไปเมื่อวานแล้วนะ” หวังอีเชิงพูด

 

“นี่ไม่ใช่การตรวจสุขภาพ พวกเขาจะตรวจนายอีกแบบหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด

 

“เขาเป็นอะไรเหรอ?” แพทย์ถาม

 

“เขาโดนหนูกัดมา ผมก็เลยพาเขามาที่นี่” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด

 

“โดนหนูกัดเหรอ? เมื่อไหร่?” แพทย์จัดการให้คนนำตัวหวังอีเชิงเข้ารับการตรวจ

 

“ประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้วครับ” หวังอีเชิงพูด

 

“อุณหภูมิร่างกายของเขาอยู่ที่ 38.2 องศา และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 82ครั้งต่อนาที” แพทย์อีกคนพูด “ช่วยอ้าปากด้วยครับ”

 

“อ้า!” หวังอีเชิงอ้าปาก

 

“ลำคอของเขามีอาการบวม” แพทย์พูด “ทำการตรวจเลือด”

 

หวังอีเชิงถูกพาไปเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจอย่างรวดเร็ว ทางโรงพยาบาลได้ส่งอุปกรณ์บางส่วนมาที่หมู่บ้าน เพื่อสร้างห้องแล็ปขนาดเล็กเอาไว้ในหมู่บ้านแห่งนี้

 

“ผมเจอเชื้อครับ” เจ้าหน้าที่ห้องแล็ปที่มีประสบการณ์สูงพูด เขาทำการตรวจถึงสองครั้ง ก่อนที่จะรายงานเรื่องนี้ให้กับแพทย์

 

“คุณเจอเชื้อเหรอ?” หมอถาม

 

“หมอหมายความว่ายังไง?” หวังอีเชิงรู้สึกประหลาดใจ เขารู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวเอง

 

“ฉันจะไปรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าเดี๋ยวนี้เลย” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด

 

“รอเดี๋ยวก่อน” แพทย์ส่งสายตากังวลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขากลัวว่า หวังอีเชิงจะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับพวกเขา

 

แพทย์เหล่านี้พอจะรู้ว่า เชื้อตัวนี้อันตรายแค่ไหน เพราะพวกเขาบางคนเคยได้เห็นสภาพร่างกายของเฉินเจียกุ้ยและเห็นความร้ายกาจของไวรัสตัวนี้มาแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก หวังอีเชิงเป็นผู้ป่วยรายแรกที่พวกเขาสามารถยืนยันตัวตนได้ ต่อจากเฉินเจียกุ้ย

 

“เมื่อต้องจัดการกับเรื่องนี้ เราต้องระวังเป็นพิเศษ” แพทย์พูด

 

“ครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด

 

ระวังเป็นพิเศษ ก็หมายถึง หวังอีเชิงจะต้องถูกแยกตัว

 

ไม่นาน หวังอีเชิงก็ถูกพาตัวขึ้นรถฉุกเฉินและถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเหลียนชาน เขาถูกจับแยกอยู่ในห้องเดี่ยวทันที เขาให้ความร่วมมือตลอดทุกขั้นตอน อย่างน้อยๆ เขาก็ดูเหมือนจะให้ความร่วมมือ

 

“หมอ บอกหน่อยได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม?” หวังอีเชิงถาม

 

“อาการของคุณมีความพิเศษ เราเลยจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย” แพทย์ของทางโรงพยาบาลพูด

 

“อาการแบบพิเศษเหรอ? หมายความว่าผมป่วยเป็นโรคประหลาดเหรอ?” ตั้งแต่ที่ถูกพาตัวลงมาจากรถฉุกเฉิน หวังอีเชิงก็รู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก เขารู้ว่า อาการของตัวเองค่อนข้างร้ายแรง ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่ต้องถูกแยกตัวมาอยู่คนเดียวแบบนี้

 

ไม่รู้ว่าเมียฉันจะทำยังไงถ้ารู้เรื่องนี้เข้า หวังอีเชิงคิด

 

ภรรยาของเขารู้เรื่องนี้ก่อนที่เขาจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาล แล้วเธอก็โทรหาเขาทันที

 

“ฉันไม่เป็นไร แค่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลสักพักเท่านั้น เธอไม่ต้องมาหรอก” หวังอีเชิงพยายามกลั้นน้ำตาของเขาเอาไว้

 

หลังจากที่วางสายแล้ว เขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เขาอยากจะร้องไห้ เขาถูกขังอยู่ห้องผู้ป่วยเพียงลำพัง เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะอาการดีขึ้นหรือไม่ เขาไม่มีใครที่สามารถพึ่งพาได้เลย เขายังไม่สามารถบอกความจริงเรื่องนี้กับที่บ้านได้ด้วย เขาไม่ต้องการให้คนที่บ้านต้องเป็นห่วง แล้วอีกอย่าง คนในครอบครัวของเขาจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้? เขาถูกแยกตัวออกจากคนอื่น ซึ่งก็หมายความว่า คนในครอบครัวสามารถมองเขาผ่านทางกระจกได้เท่านั้น การได้มาเห็นเขาในสภาพนี้ มีแต่จะทำให้พวกเขาต้องเสียใจ

 

ในหมู่บ้าน หวังเย้าก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับหวังอีเชิงเช่นกัน