ตอนที่ 592

Elixir Supplier

592 การทดสอบตอนกลางคืน

 

“อีกรอบ!”

 

หวังเย้าพยายามที่จะใช้สมุนไพรทั่วไป เพื่อดูว่า เขาจะสามารถนำมันไปรักษาโรคได้หรือไม่ แต่ในสถานการณ์แบบนี้กลับเป็นไปได้ยาก

 

ช่างมันเถอะ!

 

บนเนินเขาหนานชาน เขาได้ปลูกดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกที่เก็บมาจากปากหลุมไว้ที่แปลงสมุนไพรของเขา ต้นพืชเหล่านี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวาและได้รับการรดน้ำด้วยน้ำแร่โบราณ ด้วยหมู่เมฆที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น จึงทำให้พวกเขามันโตได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า

 

“ในเมื่อฉันลองกับคนไข้ไม่ได้ ฉันก็คงจะต้องรบกวนเจ้ากระต่ายอีกรอบแล้ว!” สายตาของเขาตกลงไปที่กระต่ายตัวน้อย ที่ขุดคู้อยู่ภายในกรงเงียบๆ

 

มันดูป่วยหนักและไร้เรี่ยวแรง มันมีอาการแบบนี้ตั้งแต่คืนก่อน ทั้งๆที่ในตอนแรก มันก็ยังเป็นปกติดีอยู่

 

ในตอนแรก หวังเย้าไม่เข้าใจถึงสาเหตุ แต่หลังจากที่เขาสงบสติและคิดดูดีดีแล้ว เขาก็คิดได้ว่า มันอาจจะเป็นเพราะผลจากสมุนไพรรากที่เขาปลูกเอาไว้

 

หญ้าพิษสามารถปล่อยพลังงานที่ขับไล่แมลงได้ทุกชนิด เซียนชิวหลัวสามารถผลิตกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมันสามารถสร้างภาพลวงตา รวมไปถึงทำให้คนที่ดมกลิ่นของมันเกิดอาการหัวใจเต้นเร็วและคลื่นไส้ แม้แต่มนุษย์ยังได้รับผลกระทบจากมัน ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงกระต่ายที่มีความต้านทานต่ำกว่า มันสามารถอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ ก็ต้องขอบคุณยาที่หวังเย้าป้อนให้มันกินในตอนแรก

 

“อดทนไว้ก่อนนะ! เรามีเรื่องสำคัญที่ยังต้องทำอีก” หวังเย้าพูด

 

อันดันแรก เขาต้องต้มยาสมุนไพร ซึ่งมีป้านจือเหลียน, ขู่ชาน, หลงต๋าน, จินหยินฮวา, และกานเฉา ทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรที่เขาได้เลือกเอาไว้ก่อนแล้ว รวมไปถึงดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกด้วย

 

ฟืนกำลังลุกไหม้อยู่ภายในกระท่อมเกิดเสียงแตกของไม้ เขาใช้หม้ออเนกประสงค์และเทน้ำแร่โบราณลงไป สมุนไพรถูกใส่ลงไปในหม้อทีละต้นๆ ไม่นาน ยาภายในหม้อก็เริ่มเดือด มันส่งกลิ่นฉุนลอยออกมา ในเวลาไม่นาน ตัวยาก็ได้ที่

 

ต่อมา หวังเย้าก็ต้องนำยาไปให้กับกระต่ายที่ติดเชื้อ ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันนะ? จริงด้วย!

 

เขาได้เก็บเนื้อเยื่อของกระต่ายที่มีอาการบ้าคลั่งในครั้งก่อนเอาไว้ เขาจัดการห่อมันและเก็บเอาไว้ในช่องเก็บของ

 

เมื่อมีแหล่งเพาะเชื้ออยู่ เขาก็สามารถทำให้กระต่ายขาวตัวน้อยติดเชื้อได้ในที่สุด ไม่นาน มันก็เริ่มแสดงอาการให้เห็น

 

ในตอนเริ่มแรกของอาการ ที่กระต่ายเริ่มมีอาการบ้าคลั่งเล็กน้อย หวังเย้าก็จัดการบังคับให้มันกินยาที่เขาทำขึ้นมาเข้าไปส่วนหนึ่ง กระต่ายมีอาการต่อต้านอย่างรนแรงและไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย มันพยายามจะกัดหวังเย้า แต่ก็ไม่สำเร็จ และทำให้ฟันของมันแตกแทน

 

แม้แต่สิงโตคลั่ง หวังเย้าก็สามารถบังคับให้มันกินยาได้ถ้าเขาต้องการ ดังนั้น กระต่ายตัวเล้กแค่นี้ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย หลังจากบังคับให้มันกินยาเข้าไปสำเร็จแล้ว เขาก็วางกระต่ายกลับลงไปในกรง

 

โฮ่ง!

 

“ไม่ต้องรีบ” หวังเย้าพูด

 

หนึ่งคนและหนึ่งสุนัขนั่งดูปฏิกิริยาของกระต่ายอยู่เงียบๆ

 

 

ภายในโรงพยาบาลเหลียนชาน

 

“อุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 39 องศา อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 90ต่อนาที” แพทย์พูด “มันเริ่มแย่ลงแล้ว!”

 

ภายในออฟฟิสชั่วคราวที่ทางโรงพยาบาลได้เตรียมเอาไว้ มีทั้งผู้เชี่ยวชาญของเขต, เมือง, และจังหวัดกำลังปรึกษากันอยู่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญของทางจังหวัดเป็นผู้นำทีม

 

“อาการของคนไข้เริ่มทรุดลงอย่างต่อเนื่อง และสภาวะทางอารมณ์ของเขากลายเป็นฉุนเฉียวง่าย” แพทย์คนหนึ่งพูด “จากผลเลือดที่ได้มา เชื้อได้กระจายตัวอย่างรวดเร็วและเข้าสู่กระแสเลือดเรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนนี้ปริมาณของเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวลดลงอย่างรวดเร็ว”

 

พวกเขามองผ่านกล้องจุลทรรศน์ ที่สามารถมองได้ด้วยตาข้างเดียว ภายในนั้นมีเชื้อแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก เซลล์ภายในร่างกายถูกลดจำนวนลงอย่างรวมดเร็ว

 

“เพิ่มแอนติไบโอติกเข้าไป” แพทย์คนหนึ่งพูด

 

ในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขายังไม่มีวิธีจัดการที่ดีกว่านี้ แล้วมันยังเป็นเชื้อที่ไม่เคยมีการค้นพบมาก่อนด้วย แล้วอัตราการแพร่กระจายของมันก็ยังรวดเร็วมาก

 

“ปล่อยฉันออกไป ทำไมต้องขังฉันเอาไว้ด้วย?” หวังอีเชิงส่งเสียงคำรามอยู่ภายในห้องผู้ป่วย เขากัดฟันจนสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจน

 

เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง ดวงตาของเขาแดงก่ำและหายใจถี่รัว ในบางครั้ง เขาก็จะเดินไปที่กระจกและใช้มือทุบ

 

“ใช้ยาระงับประสาท” แพทย์คนหนึ่งพูด “ระวังด้วย อย่าเผลอไปทำร้ายเขาเข้าล่ะ”

 

มีคนสวมชุดป้องกันเดินเข้าไปในห้อง

 

“ปล่อยฉันออกไป!” หวังอีเชิงคำรามออกมาอีกครั้ง

 

เมื่อเขาเห็นว่ามีคนเดินเข้ามา เขาก็พุ่งตัวเข้าไปคว้าคอของหมอคนหนึ่งเอาไว้ คนอื่นที่เข้ามาพร้อมกันจึงรีบเข้าไปช่วยกันกดเขาลงกับพื้น แรงต่อต้านของเขานั้นรุนแรงมาก

 

“ยา!” แพทย์คนหนึ่งตะโกน

 

พยาบาลรีบนำยาระงับประสาทฉีดให้กับเขา เขายังคงพยายามดิ้นรนและอ้าปากเพื่อกัดพวกเขา

 

“ระวังด้วย” แพทย์พูด

 

“ยาระงับประสาทไม่ได้ผลค่ะ” พยาบาลพูด

 

“อะไรนะ?” เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในห้องต่างก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

 

แคว๊ก! ชุดป้องกันของหนึ่งในพวกเขาเกิดฉีกขาด

 

“มัดเขาเอาไว้!” แพทย์ตะโกน

 

คนบ้าคนหนึ่งได้สามารถปลดปล่อยพละกำลังและพลังทำลายล้างที่ล้นเหลือจนเกินคาด เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในห้องต้องก็พยายามระวังตัวไม่ให้โดนเขากัด ดังนั้น มันจึงเป็นภาพสถานการณ์ที่ดูชุลมุนมาก

 

เมื่อสถานการณ์ถึงจุดวิกฤต เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายที่สวมชุดป้องกันได้รีบเข้ามาในห้อง ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา ทุกคนก็สามารถจับคนไข้ที่มีอาการบ้าคลั่งมัดแขนขาติดกับเตียงไว้ได้ และอุดปากของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นตัวเอง

 

“นายโอเคไหม? ตอนโดนกัดเจ็บรึเปล่า?” แพทย์คนหนึ่งถาม

 

“ไม่เจ็บ ต้องขอบคุณชุดป้องกันกับชุดที่ใส่ข้างในล่ะนะ” แพทย์อีกคนพูด

 

ทีมแพทย์ทุกคนที่เข้าไปในห้องขังแยก ตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายในการสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ติดเชื้อ

 

“ทำไมยาระงับประสาทถึงไม่ได้ผลล่ะคะ?” นางพยาบาลคนหนึ่งถาม

 

“ยาระงับประสาทจะสร้างปฏิกิริยากับระบบประสาทของมนุษย์” แพทย์คนหนึ่งพูด “ที่มันไม่ได้ผล ก็แสดงว่า ระบบประสาทของคนไข้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก”

 

“ถ้าเป็นแบบนี้ พวกยานอนหลับก็คงจะใช้ไม่ได้ผลเหมือนกันสินะคะ” พยาบาลพูด

 

“ถูกแล้วล่ะ แต่มันก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง บางทีปริมาณยาระงับประสาทที่ใช้อาจจะน้อยเกินไปก็ได้” แพทย์พูด

 

“เราให้เป็นแบบน้ำเกลือไม่ได้ด้วย” แพทย์อีกคนพูด

 

“มันจะต้องใช้เข็มฉีดยาเท่านั้น” แพทย์พูด

 

 

ภายในแปลงสมุนไพรบนเนินเขาหนานชาน กระต่ายที่อยู่ภายในกรงเริ่มมีอาการกระวนกระวายและกระโดดไปมา

 

“ไม่ได้ผลเหรอ?” หวังเย้าพูด “อีกครั้ง!”

 

เขานำตัวกระต่ายออกมาจากกรง กระต่ายดีดขาทั้งสองข้างของมันและพยายามจะกัดอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะทันได้แตะต้องหวังเย้า มันก็โดนกำแพงพลังฉีที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้

 

“โอ้ เป็นเด็กดีนะ” หวังเย้าบังคับให้มันกินยาเข้าไปอีกส่วนหนึ่ง ก่อนที่จะใส่มันกลับเข้าไปในกรง

 

กระต่ายยังคงกระโดดไปมา มันไร้สติอย่างสิ้นเชิง มันทั้งกัดกินก้อนหินและใช้ศีรษะพุ่งชนกรงหิน

 

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล” หวังเย้าพูด

 

ในตอนที่เขากำลังคิดหาวิธีอื่นอยู่นั้น กระต่ายก็เริ่มแสดงท่าทีสงบลง มันบอกได้ยากว่าเป็นเพราะ มันเหนื่อยหรือเพราะสาเหตุอื่น

 

เมื่อเห็นภาพนี้ หวังเย้าก็รู้สึกยินดี

 

กริ๊ง!

 

เขามองดูหน้าจอมือถือและเห็นว่าเป็นเบอร์แม่ของเขา

 

“แม่ ผมไม่กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านนะครับ” หวังเย้าพูด “แม่กับพ่อต้องระวังตัวด้วยนะ”

 

เขากลับไปดูกระต่ายต่อ ซึ่งตอนนี้มันดูเชื่องช้าลงกว่าเดิมมาก มันยังคงกระโดดไปมาและกัดกินสิ่งต่าง แต่ความถี่ได้ลดลงไป

 

“ยาแสดงผล หลังจากผ่านไปได้ 5 ชั่วโมง” หวังเย้าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกคงจะเป็นตัวหลักที่ช่วยเรื่องนี้”

 

เขาหยิบกระต่ายออกมาจากกรงและเอายาป้อนให้มันกิน

 

หวังเย้าอยู่บนเขาตลอดทั้งวัน กว่าเขาจะรู้ตัว มันก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

 

กระต่ายเริ่มสงบลง แต่ร่างกายของมันซูบผอมลงไปมาก

 

“ในที่สุด มันก็สงบลงได้” หวังเย้าพูด

 

โฮ่ง!

 

หวังเย้าไม่มีความคิดที่จะกลับไปนอน เขายังอยากจะเฝ้าสังเกตอาการของกระต่ายต่อไป

 

 

ถึงแม้ว่ากระต่ายจะสงบลงแล้ว แต่คนไข้ที่อยู่ภายในห้องผู้ป่วยเดี่ยวของโรงพยาบาลกลับไม่สามารถควบคุมได้เลย

 

“อุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 39.2 องศา และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 100 ครั้งต่อนาที” แพทย์พูด “เชื้อมีการเพิ่มจำนวนขึ้น และปริมาณของเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง”

 

คนไข้ที่ถูกมัดติดกับเตียงได้พยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง ผิวบริเวณแขนของเขาเกิดบาดแผลและมีเลือดออก

 

“ระวังด้วยล่ะ เชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านทางของเหลวในร่างกายได้” แพทย์คนหนึ่งพูด

 

ในตอนนี้ นั่นคือข้อสรุปในขั้นแรกของพวกเขา ที่มากไปกว่านั้นก็คือ การรักษาแต่ละอย่างของพวกเขาไม่ได้ผลเลย พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไงกันต่อ

 

“ไว้มาคิดเรื่องนี้ตอนประชุมกันพรุ่งนี้อีกทีแล้วกัน” แพทย์คนหนึ่งพูด

 

มันคงจะดีกว่านี้ ถ้ามันเป็นแค่เนื้อร้าย เพราะอย่างน้อย มันก็ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่โชคร้ายที่เป็นที่ชัดเจนว่า โรคนี้คือโรคติดต่อที่มีอัตราการแพร่กระจายสูงและร้ายแรงมาก