ตอนที่ 593

Elixir Supplier

593 ทรุด

 

“เขาโดนหนูกัดไม่ใช่เหรอ? แล้วหนูอยู่ที่ไหนล่ะ?” อยู่ๆแพทย์คนหนึ่งก็ถามขึ้นมา

 

ทั้งๆที่ไม่มีใครคิดจะถามเรื่องหนูเลยสักคน

 

“ผมคิดว่า มันน่าจะยังอยู่ที่หมู่บ้านนะ” แพทย์อีกคนพูด

 

“หนูตัวนั้นอาจจะไปกัดสัตว์หรือคนอื่นอีกก็ได้นะ” แพทย์คนแรกพูด

 

ทุกคนเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา บางคนได้ติดต่อไปหาหวังเจียนหลี่

 

หวังเจียนหลี่รีบลงมือในทันที แต่เขาก็ยอมแพ้ในเวลาต่อมา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาหนูตัวเล็กๆตัวหนึ่งในหมู่บ้าน

 

เช้าวันต่อมา ได้มีการประกาศเสียงตามสายภายในหมู่บ้าน หวังเจียนหลี่ได้ขอให้ชาวบ้านทุกคนทำกับดักจับหนู และวางแผ่นกาวดักหนู

 

“ทำไมถึงได้มีประกาศเช้าขนาดนี้กันนะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม

 

“ทำไมจะต้องจับหนูด้วย?” ชาวบ้านอีกคนถาม “พวกมันก็มีให้เห็นอยู่เป็นปกตินี่นา”

 

“ฉันว่า ที่มีประกาศให้เราจับหนูจะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่” ชาวบ้านวัยชราพูด

 

ในขณะเดียวกันนั้น หวังเย้าก็ยังคงอยู่บนเนินเขาหนานชาน กระต่ายที่อยู่ในกรงหินยังคงมีชีวิตอยู่ มันยังคงความสงบเสงี่ยมและดูป่วยเล็กน้อย

 

“มันได้ผล!” หวังเย้ารู้สึกตื่นเต้น ถึงแม้ว่าเมื่อคืนเขาจะไม่ได้นอน แต่เขาก็ยังคงกระฉับกระเฉงดีอยู่ การที่ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาเลยสักนิด

 

หืม? เขาหันหน้าไปทางหมู่บ้าน

 

ลำโพงสำหรับใช้กระจายเสียงตามสายถูกติดตั้งเอาไว้ตรงตีนเขาทางทิศตะวันตก และหันหน้าเข้าหาหมู่บ้าน

 

หนูกำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่!

 

หนูมีอยู่ทุกที่ในชนบท มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่ามันทั้งหมด พวกมันเป็นจอมตะกละที่กินได้ทุกอย่าง และมีการแพร่พันธุ์ที่รวดเร็ว มีบางคนพูดเอาไว้ว่า หนูคือผู้รอดชีวิตที่แท้จริงของโลกใบนี้

 

หนูที่บ้าคลั่งสามารถไปโผล่ได้ทุกที มันมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะสังเกตเห็นได้

 

ไม่นาน ก็มีชาวบ้านอีกคนโดนกัด ซึ่งไม่ใช่หนู แต่กลับเป็นแกะที่ปกติมักจะอยู่อย่างสงบ

 

แพทย์ที่อยู่ภายในหมู่บ้านคิด นี่มันเลวร้ายมาก!

 

มีสองคนถูกกัดภายในระยะเวลาสองวันติดต่อกัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เมื่อรอยร้ายปรากฏบนเขื่อน ไม่ช้าก็เร็ว เขื่อนก็จะแตก ไม่มีใครสามารถหยุดมันได้

 

และมีอีกคนหนึ่งที่ต้องถูกแยกตัว มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปก็คือ หญิงชาวบ้านคนนี้ไม่ได้ให้ความร่วมมือ เมื่อพวกเขาต้องการพาตัวเธอไป เธอทั้งร้องไห้และกรีดร้องราวกับคนบ้า โชคดีที่ยาระงับประสาทสามารถใช้ได้ผลกับเธอ เจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดยาเพื่อให้เธอสงบลงเป็นการชั่วคราว

 

ชาวบ้านทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก ไม่กี่วันก่อนหน้า พวกเขายังมีชีวิตที่สงบสุข ในเวลาต่อมา กลับมีชาวบ้านถึงสองคนที่ต้องถูกนำตัวไปโรงพยาบาล พวกเขารู้สึกได้ถึงการคุกคาม

 

ข่าวสารเดินทางรวดเร็วเสมอ

 

“ฉันได้ยินมาว่า หมู่บ้านของเราเป็นเขตกักกันโรค เราออกไปไหนไม่ได้ แล้วใครก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ด้วย” ชาวบ้านวัยกลางคนพูด

 

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ? เราจะติดเชื้อด้วยไหม?” ภรรยาของเขาถาม

 

“ใครจะไปรู้ล่ะ?” ชายวัยกลางคนพูด

 

ความตื่นกลัวที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านเป็นเหมือนกับเมฆฝน ที่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว

 

“พี่” เฉินโจวพูดขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังมองดูท้องฟ้า

 

“มีอะไร? เธอกังวลเหรอ?” เฉินหยิงถาม

 

“ฮะ” เฉินโจวพูด “พี่ได้ยินใช่ไหม ว่ามีสองคนที่ถูกกักตัวน่ะ?”

 

“อืม บ่ายนี้เราไปหาหมอหวังกันเถอะ” เฉินหยิงพูด

 

“โอเค” เฉินโจวพูด

 

หวังเย้ากลับมาทานอาหารกลางวันที่บ้าน

 

“มีคนติดเชื้อแล้วสองคน แล้วตอนนี้พวกเขาก็ถูกกักตัวด้วย” จางซิวหยิงพูด “ในหมู่บ้านวุ่นวายไปหมด ยังมีตำรวจขนกันมาที่หมู่บ้านหลายนายเลยล่ะ”

 

ทุกอย่างหลุดการควบคุมไวมาก! หวังเย้าคิดอยู่แล้วว่า เรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่ง แต่เขาไม่คิดว่า มันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

 

“แม่กับพ่อไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะครับ มีผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถรับประกันได้ว่า คนในครอบครัวของเขาจะอยู่รอดปลอดภัยจากโรคร้ายในครั้งนี้

 

“จ๊ะ” จางซิวหยิงพูด

 

ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ออกไปข้างนอก พวกเขามักออกไปซื้อของใช้ หรือไม่ก็ขายของจากในฟาร์มของตัวเองเป็นครั้งคราวเท่านั้น การกักกันระยะสั้นไม่ได้กระทบชีวิตของพวกเขามากนัก แต่ความรู้สึกที่ต้องถูกแยกตัวจากสังคมไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกเขาเลย พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมูหรือแกะที่สูญเสียอิสรภาพไป

 

“ไม่รู้ว่า หมอพวกนั้นจะหาทางรักษาโรคนี้ได้เมื่อไหร่” จางซิวหยิงพูด

 

เฉินโจวก็พูดในเรื่องเดียวกัน

 

“หมอพวกนั้นทำไม่ได้หรอก” เฉินหยิงพูด

 

หมอเหล่านั้นไม่เคยเจอเชื้อตัวนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ศูนย์ จากทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติจริงคือหนทางที่ยาวไกล

 

“ฉันควรจะช่วยพวกเขาดีไหมนะ?” หวังเย้าพึมพำ

 

“ลูกพูดว่าอะไรนะ?” จางซิวหยิงถาม เมื่อเห็นว่าหวังเย้ากำลังคุยกับตัวเองอยู่

 

“อ่อ เปล่าหรอกครับ” หวังเย้าพูด “แม่ช่วยซื้อกระต่ายมาให้ผมอีกได้ไหมครับ?”

 

“จะเอากระต่ายอีกเหรอ?” จางซิวหยิงถาม “ก็ได้จ๊ะ แม่จะไปหาซื้อมาให้นะ”

 

หลังจากนั้นไม่นาน จางซิวหยิงก็กลับมาพร้อมกระต่ายหลายตัว

 

“นี่จ๊ะ” จางซิวหยิงพูด

 

หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน พร้อมกับกระต่ายที่แม่ของเขาซื้อมาให้

 

ระหว่างทางที่กลับขึ้นไปบนเนินเขา เขาก็ได้เก็บเอาดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกที่หาได้ตามเนินเขากลับไปด้วย ไม่นาน เขาก็เก็บได้ตามจำนวนที่ต้องการ เขาต้องการนำมันไปทำการทดลองขั้นต่อไป เขาอยากจะดูว่า หากเขาใช้ดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกที่เก็บจากบริเวณอื่นมาทำยา มันจะได้ผลเหมือนกันหรือไม่

 

เฉินหยิงและเฉินโจวเดินทางไปหาหวังเย้าที่คลินิก

 

“หมอหวังไม่อยู่ที่นี่” เฉินหยิงพูด

 

“เราขึ้นไปหาเขาบนเขาดีไหมฮะ?” เฉินโจวถาม

 

“ไม่ล่ะ เรารอที่นี่ดีกว่า” เฉินหยิงพูด “ตอนนี้ หมอหวังอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้” เธอพอจะเดาได้ว่า หวังเย้ากำลังทำอะไรอยู่

 

ซานเซียนเดินตรวจตรารอบๆเนินเขา ต้าเซี่ยบินออกไปหาอาหาร ส่วนหวังเย้าก็กำลังต้มยาอยู่ภายในกระท่อม ไม่นาน ตัวยาก็พร้อมใช้งาน

 

สีสันและรสชาติคล้ายกับยาที่เขาทำก่อนหน้านี้

 

เขาตักยาใส่ปากเล็กน้อย รสชาติเดียวกัน ขอลองดูหน่อยนะ

 

เขาทำให้กระต่ายตัวหนึ่งติดเชื้อ และจับมันขังเอาไว้ในกรง

 

ซานเซียนกลับมาจากการเดินตรวจตรา โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง! มันเดินไปรอบๆกรงหินด้วยท่าทีตื่นเต้น กระต่ายเป็นเหมือนเพื่อนใหม่ของมัน

 

“ซานเซียน พวกมันเล่นกับนายไม่ได้หรอก แล้วนายก็กินพวกมันไม่ได้ด้วย” หวังเย้าพูด

 

โฮ่ง! ซานเซียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังเย้ และมองดูกระต่ายที่อยู่ภายในกรง

 

“นี่เป็นตัวใหม่” หวังเย้าพูด

 

หนึ่งคนและหนึ่งสุนัขนั่งเงียบๆอยู่ภายในแปลงสมุนไพร ในกรงหินอีกกรงหนึ่ง กระต่ายที่ได้รับการรักษาจากการติดเชื้อจนหายดี ดูมีท่าทีง่วงงุน

 

ในขณะเดียวกัน คนไข้ที่ติดเชื้อคนแรกถูกกักตัวอยู่ภายในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลเหลียนชาน

 

“อวัยวะภายในล้มเหลว เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ” แพทย์พูด

 

“ไม่มียาตัวไหนใช้ไห้ผลเลย” แพทย์อีกคนพูด

 

เฮ้อ! แพทย์ต่างก็หมดหนทาง ความเร็วในการทำลายของเชื้อเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งอาการของคนไข้ไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิมได้เลย

 

“คนไข้อีกคน ก็มีอาการแย่ลงเหมือนกันค่ะ” พยาบาลพูด

 

ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็กังวลว่า จะมีชาวบ้านติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

 

“ผมขอเสนอให้ ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านคนไหนออกไปจากหมู่บ้าน” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งพูด

 

มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นที่แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นจะเชื่อคำแนะนำของพวกเขา

 

ผู้นำเขตเหลียนชานตัดสินใจในทันที หมู่บ้านถูกปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด รัฐได้ส่งกองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมสถานการณ์

 

มีเพียงเส้นทางการเข้าออกหมู่บ้านเพียงทางเดียวเท่านั้น พวกเขาได้ปิดถนนได้ แต่ไม่สามารถปิดทางเดินบนเขาได้ รัฐจึงได้ส่งคนเข้าไปมากที่สุดเท่าที่จะส่งไปได้ แต่พวกเขาก็มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ แล้วการมีตำรวจมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ชาวบ้านตื่นกลัวได้

 

“อะไรนะ? พวกเขาไม่ให้พวกเขาออกไปข้างนอกเหรอเนี่ย?” ชาวบ้านคนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจ

 

“ทำไมเหรอ?” ภรรยาของเขาถาม

 

ชาวบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากหมู่บ้าน มันกลายเป็นเหมือนกรงขังขนาดใหญ่ และทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก มันได้กลายเป็นความโกลาหลอย่างแท้จริง

 

“เราควรหนีออกไปดีไหม?” ชายวัยกลางคนถามภรรยาของเขา

 

“พี่จะบ้าเหรอ? เราจะหนีไปไหนได้?” ภรรยาของเขาถาม “ทุกคนในหมู่บ้านต้องลงทะเบียน พี่อยากกลายเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัวเหรอ?”

 

“อาชญากรอะไรกัน?” ชายวัยกลางคนถาม “ไร้สาระ เราไม่ใช่คนร้ายนะ”

 

“อยู่อย่างนี้ไปก่อนเถอะ” ภรรยาของเขาพูด

 

กระต่ายที่อยู่ภายในกรงเริ่มมีอาการกระวนกระวาย

 

“แกกินยาไปสองถ้วยแล้วนะ ทำไมแกยังไม่ดีขึ้นอีก?” หวังเย้าถาม

 

กระต่ายตัวก่อนนั้น มีอาการดีขึ้นหลังจากที่มันกินยาไปสองถ้วย หวังเย้าให้กระต่ายตัวต่อมากินยาถ้วยที่สามเข้าไป เขาอยู่บนเนินเขาไปอีกวันหนึ่ง

 

การทดลองของเขาล้มเหลว กระต่ายที่อยู่ในกรงมีอาการบ้าคลั่งตลอดทั้งเช้า เขาไม่สามารถทำให้มันสงบลงได้เลย

 

หวังเย้าจึงต้องยอมแพ้ เขาใช้พลังฉีปลิดชีวิตของมันลง เขานำร่างของมันไปเผาและนำมันไปทำปุ๋ย

 

เขาตัดสินใจทำการทดลองอีกครั้ง เขาทดลองในตอนเย็น และเป็นอีกครั้งที่ล้มเหลว การทดลองทั้งสองของวันนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

 

สรุปว่า ดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกที่เก็บจากที่อื่นไม่ได้ผลสินะ หวังเย้าทำการสรุป

 

วันต่อมา มีชาวบ้านอีกคนติดเชื้อ เขาเริ่มมีอาการป่วยอยู่ที่บ้านของเขา ภรรยาของเขาสังเกตเห็นความผิดปกติ และขอให้เขาไปตรวจที่โรงพยาบาล เขาปฏิเสธคำแนะนำของเธอและเริ่มมีอาการบ้าคลั่ง ซึ่งมันทำให้ทุกคนในครอบครัวพากันหวาดกลัว