ตอนที่ 661 ต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อย / ตอนที่ 662 มีบางอย่างไม่ปกติ

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 661 ต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อย

 

 

พอคุณนายใหญ่อวี๋พูดจบ ก็เอื้อมมือไปนวดหัวคิ้วของตัวเองราวกับพูดจนเหนื่อยแล้ว

 

 

ไม่ให้พวกลุงๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหลายได้มีโอกาสพูดแย้งอะไร กวักมือเรียกพ่อบ้านให้ส่งแขก

 

 

แม้ว่าคุณนายใหญ่อวี๋จะอายุมากแล้ว

 

 

แต่ตอนที่ยังสาวอยู่ก็เคยตักเตือนสั่งสอนคนพวกนี้มาก่อน เมื่อเธอประกาศออกไปแล้ว แม้ว่าในใจของทุกคนจะมีข้อโต้แย้งอย่างไรก็ทำได้แต่อดทนเอาไว้

 

 

ต่างมองสบตากันแล้วจากไป

 

 

พ่อบ้านเรียกให้คนรับใช้มาเก็บกวาดเศษกระเบื้องที่แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วก็ปลีกตัวออกไปพร้อมกัน

 

 

ภายในห้องรับแขกก็เปลี่ยนเป็นกว้างขวางขึ้นในทันที

 

 

“คุณย่าคะ……”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่จับมือคุณนายใหญ่อวี๋เอาไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำ

 

 

เธอไม่ได้โง่ เธอเข้าใจสิ่งที่คุณนายใหญ่อวี๋ตั้งใจทำให้

 

 

แม้เธอจะไม่กลัวว่าจะถูกใครเข้าใจผิด แต่ว่าความรู้สึกที่มีคนในครอบครัวมาปกป้องแบบนี้ ไม่อาจมีอะไรมาแทนที่ได้

 

 

คุณนายใหญ่อวี๋จงใจพูดให้เด็ดขาด บังคับให้ทุกคนยอมรับว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นนายหญิงของตระกูลอวี๋วันนี้ ก็เพราะอยากให้คนในตระกูลอวี๋ปกป้องเธอ ให้เธอเป็นคนในครอบครัวเหมือนกับอวี๋เยว่หาน

 

 

“เฮ้อ ตาแดงหมดแล้ว จะร้องไห้เหรอ ซาบซึ้งใจมากใช่มั้ย” คุณนายใหญ่อวี๋หันหน้ากลับมา สีหน้าแสดงอำนาจเมื่อครู่เปลี่ยนมาเป็นหญิงชราใจดีตามเดิม

 

 

ยิ้มตาหรี่มองดูเหนียนเสี่ยวมู่ที่หูตาแดงไปหมดแล้วเอ่ยแซวเล่นๆ

 

 

“ไอ้พวกไม่ได้เรื่องพวกนั้นใช้ชีวิตดีกันเกินไป ทนความลำบากไม่ได้ เมื่อกี้ย่าแค่อยากจะขู่พวกนั้นเฉยๆ ไม่ได้จะทำให้เธอตกใจนะ!” คุณนายใหญ่อวี๋ดึงเหนียนเสี่ยวมู่มาด้านหน้า จากนั้นก็เหลือบไปมองอวี๋เยว่หานที่ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาว

 

 

ดวงตาชราของคุณนายใหญ่อวี๋มีประกายขึ้นเล็กน้อย ลูบไปที่หลังมือของหญิงสาว

 

 

เปลี่ยนเรื่องพูด “ถ้าอยากจะขอบใจย่าจริงๆ พวกเธอก็ให้ของขวัญย่าสักชิ้นสิ”

 

 

“……คุณย่าอยากได้อะไรคะ” เหนียนเสี่ยวมู่กำลังซาบซึ้งอยู่จึงรีบเอ่ยถามอย่างไม่รีรอ

 

 

วินาทีต่อมา คุณนายใหญ่อวี๋ก็หัวเราะขึ้น

 

 

“ย่าแก่แล้ว อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องใช้ แต่อยากเลี้ยงหลานชาย เสี่ยวลิ่วลิ่วคนเดียวมันเหงาเกินไป!”

 

 

คุณนายใหญ่อวี๋พูดพลางเอื้อมมือไปลูบท้องของหญิงสาว ลูบไปมาอยู่สองสามที

 

 

แล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเอง “คบกันนานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่มีวี่แววเลยล่ะ เยว่หานนี่ไม่มีน้ำยาจริงๆ……”

 

 

อวี๋เยว่หาน “……”!!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…….”!!

 

 

ตั้งนานกว่าจะส่งคุณนายใหญ่อวี๋กลับไปได้ ภายในห้องรับแขกจึงเงียบสงบลง

 

 

คำพูดที่เฉิงซิ่วลู่พูดออกมา แม้จะเป็นการยุยงแต่บางส่วนก็เป็นเรื่องจริง

 

 

เพราะสิงลี่เปิดเผยข้อมูลพวกนั้นลงในอินเตอร์เน็ตจึงทำให้ตระกูลอวี๋เดือดร้อนไปด้วย ตอนนี้กลายเป็นประเด็นที่คนให้ความสนใจกันมาก

 

 

การมีอยู่ของคู่หมั้นที่เป็นตัวกาลกิณีถือเป็นรอยด่างพร้อยของอวี๋เยว่หาน

 

 

ขนาดเหนียนเสี่ยวมู่ยังเริ่มสงสัยในตัวเองแล้วเลยว่าเธอไม่เหมาะสมกับอวี๋เยว่หานจริงๆ หรือเปล่า……

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณน่าจะรู้ว่าผมไม่ยอมรับข้ออ้างใดๆ ที่คุณจะใช้อ้างเพื่อทิ้งผมไป”

 

 

ความคิดเรื่อยเปื่อยไปเองของเธอยังไม่ทันจะเป็นรูปเป็นร่าง คำพูดที่อวี๋เยว่หานเคยพูดเอาไว้ก็ดังกระทบโสตหูของเธอเสียก่อน

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่สะบัดความคิดไร้สาระในสมองของตัวเองทิ้งไป

 

 

“พวกลุงๆ พวกนั้น เฉิงซิ่วลู่ยุแยงมาเพื่อก่อความวุ่นวาย ทำไม่คุณย่ารู้เรื่องเร็วขนาดนี้ล่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่นึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปมองอวี๋เยว่หานที่อยู่ทางด้านหลัง

 

 

ทำไมเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้

 

 

อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วขึ้น เดินมาหยุดอยู่ข้างกายหญิงสาว

 

 

อุ้มเธอขึ้นแล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยกัน

 

 

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของเหนียนเสี่ยวมู่ แต่กลับสนใจอีกประเด็นหนึ่งแทน “เหนียนเสี่ยวมู่ เมื่อกี้ย่าหาว่าผมไม่มีน้ำยา”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ ”???”

 

 

แล้วยังไงล่ะ

 

 

อวี๋เยว่หาน “ผมว่า ผมต้องพิสูจน์ตัวเองสักหน่อย”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!

 

 

 

 

 

ตอนที่ 662 มีบางอย่างไม่ปกติ

 

 

ตระกูลอวี๋มีคุณนายใหญ่อวี๋คอยดูแลอยู่ คลื่นยังไม่ทันจะก่อตัวก็สงบลงเสียก่อน

 

 

แต่ว่าข่าวลือในอินเตอร์เน็ตบวกกับการหายตัวไปของสิงลี่ ทำให้ยิ่งดูรุนแรงขึ้นทุกที

 

 

ถึงขนาดมีคนออกมาแสดงความเห็นว่าที่สิงลี่ไม่ปรากฏตัวเป็นเพราะสิงซิงสั่งคนมาจับตัวไปแล้ว

 

 

ไม่แน่อาจถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว…….

 

 

มีการคาดเดาไปต่างต่างนานา ต่างออกมาแสดงความเห็นราวกับหน่อไม้ที่ผุดขึ้นหลังจากที่ฝนตก

 

 

นอกเหนือจากการลงข่าวซุบซิบของสื่อแล้ว มีคนอีกจำนวนมากที่ใช้วิธีของตัวเองแต่งเรื่องที่ไม่มีมูลออกมา แล้วโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต

 

 

ราวกับพวกเขาเห็นด้วยตาของตัวเองว่าใครเป็นคนฆ่าปิดปากสิงลี่

 

 

อีกอย่างคนที่หนุนหลังสิงซิงอยู่ก็คืออวี๋เยว่หาน

 

 

พริบตาเดียว ข้อมูลที่เกี่ยวกับสิงซิงและอวี๋เยว่หาน แค่เริ่มประกาศลงไปเท่านั้นก็กลายเป็นที่สนใจของคนส่วนใหญ่ในทันที

 

 

ความวุ่นวายของยุคอินเตอร์เน็ต เพิ่มความร้อนแรงเข้าไปอีก

 

 

ประเด็นใดก็ตามที่มีคนเริ่มให้ความสนใจ คนอื่นๆ ก็จะตามกันมาเป็นขบวน

 

 

ไม่สนว่าเป็นจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก ขอแค่มีคนชอบอ่าน ก็จะมีคนคอยโพสต์ลงและติดตามอยู่ตลอดเวลา

 

 

ทำให้ข้อมูลเท็จเหล่านี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วโดยที่ปิดข่าวไม่ทัน

 

 

“คุณชายหาน เราควรจะแถลงข่าวออกไปก่อนดีไหมครับว่าสิงลี่กับคุณเหนียนไม่ได้เป็นพี่น้องกัน” ผู้ช่วยได้รับข่าวก็รีบบึ่งมาที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋อย่างรวดเร็ว

 

 

อวี๋เยว่หานยังไม่ทันจะได้ “พิสูจน์ตัวเอง” ก็ต้องจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันก่อน

 

 

สิงลี่โดนพวกเธอพาตัวไปต่อหน้านักข่าวมากมาย

 

 

ตอนนี้เธอหายตัวไป แม้ว่าจะเป็นการหลบไปด้วยตัวเอง แต่ทุกคนก็ต้องคิดว่าเธอเป็นคนลักพาตัวสิงลี่ไป!

 

 

“สิงลี่ล่ะ” อวี๋เยว่หานกวาดตามองข่าวในอินเตอร์เน็ต เอ่ยถามเสียงนิ่งขรึม

 

 

“ส่งกลับไปพร้อมกับครอบครัวสิงคนอื่นๆ แล้วครับ พอข่าวออกมา ผมก็รีบไปที่บ้านสิงแต่ว่าไม่พบคนแล้ว!”

 

 

ผู้ช่วยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตำหนิตัวเอง

 

 

อวี๋เยว่หานกลัวว่าสิงลี่จะไปพูดอะไรมั่วๆ ต่อหน้านักข่าวอีก แม้ว่าจะส่งทุกคนในครอบครัวสิงกลับไปแล้ว แต่ก็กำชับเอาไว้แล้วว่าห้ามให้เธอหนีไปไหน

 

 

แต่นึกไม่ถึงว่าเพียงพริบตาเดียว สิงลี่ก็หายไปแล้ว

 

 

ตอนนี้ทุกคนต่างเห็นเพียงแค่ว่าพวกเขาพาสิงลี่ไป ไม่มีใครเห็นตอนที่เขาพาสิงลี่ไปส่งที่บ้าน

 

 

ดังนั้น จึงมีการคาดเดาไปต่างต่างนานา

 

 

สิงลี่หายไปตัวไปไม่นาน ทางตำรวจยังเข้ามายุ่งไม่ได้

 

 

แต่ว่าข่าวลือบนอินเตอร์เน็ตทำให้ภาพลักษณ์ของอวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่เสียหายไปมาก แถมยังทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทตระกูลอวี๋ดูแย่ไปด้วย

 

 

ถ้าหากเป็นไปตามข่าวลือในอินเตอร์เน็ต สิงลี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ต่อให้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา แต่ก็ล้างมลทินไม่ได้

 

 

“ตอนนี้ที่ตระกูลสิงมีใครบ้าง” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้น เอ่ยถามขึ้นในทันที

 

 

สิ้นเสียงถาม ผู้ช่วยตอบอย่างรวดเร็ว

 

 

“ตระกูลสิงมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน พ่อแม่บุญธรรมของคุณเป็นพี่ใหญ่ แต่โชคร้ายเสียชีวิตไปก่อน คนที่ดูแลตระกูลต่อก็คือพี่คนรอง ซึ่งก็คือคู่สามีภรรยาที่เลี้ยงสิงลี่มา สามีภรรยาคนที่ออกมายืนปกป้องสิงลี่ตอนที่อยู่ในสนามหญ้านั่นแหล่ะครับ ส่วนสามีภรรยาอีกสองคู่เป็นลูกคนที่สามกับสี่”

 

 

สิ้นคำพูดของผู้ช่วย เหนียนเสี่ยวมู่ก็นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่

 

 

นึกอะไรขึ้นได้ หันหน้าไปหาอวี๋เยว่หาน

 

 

“ฉันอยากไปที่บ้านสิงด้วยตัวเองสักครั้ง!”

 

 

“คุณอยากไปหาสิงลี่เหรอ” อวี๋เยว่หานค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้น

 

 

“เป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้น” เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปากน้อยๆ “ฉันเริ่มรู้สึกว่าคนในตระกูลสิงดูแปลกๆ คุณจำได้ไหม ตอนนั้นลุงรองกับป้ารองตระกูลสิงพูดว่าพ่อแม่บุญธรรมดีกับฉันมาก”

 

 

“……มีปัญหา?” ดวงตำดำขลับของอวี๋เยว่หานนิ่งลง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้า “อือ คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าถ้าฉันถูกรับมาเลี้ยงจริงๆ ทำไมพ่อแม่บุญธรรมของฉันถึงได้ดีกับฉันมากกว่าลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง”