ตอนที่ 663 ทำร้ายตัวเอง / ตอนที่ 664 เธอไม่เหมือนใครตั้งแต่เด็ก

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 663 ทำร้ายตัวเอง

 

 

โดยปกติแล้ว ลูกแท้ๆ ของตัวเองต้องเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่สิ

 

 

แต่ตามที่สิงลี่พูด สามีภรรยาตระกูลสิงรักและเอ็นดูสิงซิง จนกระทั่งอาจจะมากกว่าลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ

 

 

แล้วหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในปีนั้น สามีภรรยาตระกูลสิงก็ต้องมาตายเพราะปกป้องสิงซิงอีก สิงลี่จึงได้โกรธแค้นอยากให้สิงซิงตายตามไปเพื่อชดใช้

 

 

นี่มันดูไม่น่าจะใช่แล้ว……

 

 

ทำไมสามีภรรยาตระกูลสิงถึงได้ไม่ใส่ใจรักใคร่ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง แต่กลับไปรักเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงแทน

 

 

ถ้าเป็นเวลาปกติก็ว่าไปอย่าง

 

 

บางทีสามีภรรยาตระกูลสิงอาจเป็นคนใจดีมีเมตตามากจึงอาจเห็นสิงซิงเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ที่คลอดออกมาเอง

 

 

แต่ว่าหากตอนที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ พวกเขาเอาแต่ปกป้องสิงซิงโดยปล่อยให้สิงลี่ต้องเสียโฉม อันนี้มันดูไม่น่าเป็นไปได้เลย……

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะสิงลี่โกหก

 

 

อย่างนั้นก็ต้องมีเรื่องอื่นที่พวกเธอยังไม่รู้

 

 

พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดออกมา อวี๋เยว่หานก็เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ

 

 

หันไปสั่งผู่ช่วย “เตรียมรถ ไปบ้านตระกูลสิงตอนนี้เลย!”

 

 

“ครับ!”

 

 

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ คนในตระกูลสิงทั้งหมดไม่อยากอยู่เห็นสภาพเดิม จึงย้ายไปที่เมืองหลิน

 

 

แม้ว่าไม่ใช่เมืองเอช แต่ก็อยู่ใกล้กันมาก

 

 

ตอนที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่เมืองหลิน ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท้องฟ้าเป็นสีเหลืองอร่ามงดงาม

 

 

แสงอาทิตย์ของฤดูหนาวไม่ได้แรงจ้าแต่กลับให้ความอบอุ่น

 

 

แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์สาดสะท้อนไปบนกองหิมะ ทำให้ความหนาวเย็นในบริเวณนั้นดูอบอุ่นขึ้นมาทันที

 

 

แม้ว่าคนในตระกูลสิงจะไม่ชอบเหนียนเสี่ยวมู่ แต่ว่าพอรู้ว่าอวี๋เยว่หานมาด้วยก็ต้อนรับอย่างนอบน้อม

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งของบ้านทั้งสี่หลังที่หันหน้าชนกัน พิจารณามองดูภาพตรงหน้า

 

 

พี่น้องสี่คนของตระกูลสิง นอกจากสามีภรรยาที่ตายไปแล้วคู่หนึ่ง พี่น้องสามคนที่เหลือก็ยังคงอาศัยอยู่ด้วยกัน

 

 

พอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ต่างก็ออกมายืนรวมกันที่ลานบ้าน

 

 

มองดูแล้วก็ถือเป็นคนครอบครัวใหญ่ที่ดูคึกคักดี

 

 

“หลายปีที่ผ่านมา ครอบครัวสิงอยู่กันแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ”

 

 

อวี๋เยวหานเห็นสายตาของเหนียนเสี่ยวมู่ผิดปกติไป จึงหันไปมองทางผู้ช่วยแล้วเอ่ยถามแทนเธอ

 

 

ผู้ช่วยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เอ่ยพูดอธิบาย

 

 

 “นอกจากพี่ชายคนโตของตระกูลสิงแล้ว คนอื่นๆ ก็อาศัยอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด แต่ว่ามันก็ไม่แปลก เพราะได้ยินมาว่าก่อนที่พี่คนโตจะตายก็ดูแลพี่น้องของตัวเองดีมาก ที่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันแบบนี้อาจจะเป็นเพราะอยากให้ช่วยเหลือดูแลกัน”

 

 

“……”

 

 

แววตาของอวี๋เยว่หานเป็นประกายแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เดินโอบเหนียนเสี่ยวมู่เข้าไปยังห้องรับแขก

 

 

เมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกของบ้านลูกชายคนรองของตระกูลสิง ก็เงยหน้ามองไปรอบๆ

 

 

มองดูผนังกำแพงทั้งสี่ด้านซึ่งดูไม่ได้เกินตัวจนเกินไป

 

 

ภายในห้องรับแขก นอกจากโต๊ะกาแฟเก่าๆ ตัวหนึ่งกับเก้าอี้สองสามตัว ก็เหมือนจะไม่มีอะไรอีกแล้ว

 

 

“ขายหน้าพวกคุณแล้ว” ลุงรองของตระกูลสิงเดินเข้ามา “หลังจากที่พี่ชายกับพี่สะใภ้ผมตายไป ตระกูลของเราก็แย่ลงเรื่อยๆ เราสองคนไม่มีลูก พอพี่ใหญ่ตายไปจึงรับสิงลี่มาเลี้ยง เดิมทีก็อยากให้เธออยู่ดีกินดี แต่เราหาเงินไม่ได้จริงๆ……”

 

 

ลุงรองตระกูลสิงพูดพลางมองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

แววตาสื่อชัดถึงความเกลียดชัง

 

 

“ถ้าเกิดพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลสิงของเราก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้หรอก!”

 

 

ได้ยินคำพูดของลุงรองตระกูลสิง เหนียนเสี่ยวมู่ก็เหมือนจะหายใจไม่ออก

 

 

กำลังจะเอ่ยพูดอะไร แต่อวี๋เยว่หานกำมือของเธอเอาไว้แน่นแล้วเอ่ยพูดขึ้น

 

 

“พี่น้องตระกูลสิงขึ้นชื่อเรื่องเที่ยวเล่นไปวันๆ ที่พวกเขาเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น!”

 

 

สิ้นเสียงพูด แววตาของเหนียนเสี่ยวมู่ก็หดลงน้อยๆ

 

 

เก็บความเห็นใจและการตำหนิตัวเองลงไป

 

 

สายตามองตรงไปสบกับสายตาของลุงรองและป้ารองตระกูลสิงที่ไม่เป็นมิตรกับเธอ “ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะอยากจะทำความเข้าใจเรื่องบางอย่างให้ชัดเจน”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 664 เธอไม่เหมือนใครตั้งแต่เด็ก

 

 

“…….เรื่องอะไร” คนตระกูลสิงได้ยินคำพูดของหญิงสาวต่างก็งุนงง

 

 

“ตอนแรกพวกคุณบอกว่าฉันเป็นลูกสาวของตระกูลสิง แต่ต่อมาก็บอกว่าฉันเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง สรุปเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” เหนียนเสี่ยวมู่นั่งลงบนเก้าอี้เก่าๆ ในห้องรับแขก จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยถามขึ้น

 

 

สิ้นคำถาม ลุงรองกับป้าสะใภ้รองตระกูลสิงก็หันไปสบตากัน

 

 

เงียบงันไปอยู่พักใหญ่

 

 

จากนั้น ป้าสะใภ้รองก็สะกดอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน

 

 

“พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่เคยอยู่รวมกับพวกเรา ปกติก็มาเยี่ยมเยียนกันน้อยครั้งมาก แต่ว่าพวกเขาก็ดูแลให้เงินพวกเราเป็นรายเดือน เพราะเรื่องเงินนี่แหล่ะ พอเราได้เงินก็จะไม่กล้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเขา แต่ว่าก็จะมีนัดรวมญาติกันบ้างประมาณสองสามปีครั้ง ตอนนั้นเธอยังใส่ผ้าอ้อมอยู่เลย ตัวเล็กนิดเดียว พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้พาเธอมาด้วยบอกว่าเป็นลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งคลอดออกมา ทุกคนต่างมีแต่ความดีใจ แถมยังเอ่ยแซวพวกเขาอยู่เลยว่าแอบไปมีลูกคนที่สองโดยไม่บอกกล่าวกัน ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าเธอจะเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง”

 

 

ป้าสะใภ้รองชะงักไปนิด จากนั้นก็เอ่ยพูดต่อ

 

 

“หลังจากตอนนั้น พี่ใหญ่อาศัยอยู่ไกลจากพวกเราทำให้ไปมาหาสู่กันค่อนข้างน้อย พวกผู้ใหญ่ปีหนึ่งยังพอจะเจอหน้ากันอยู่บ้างประมาณสิบกว่าครั้ง แต่พวกเราแทบไม่เคยเจอพวกเธอสองพี่น้องเลย จนพี่ใหญ่ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเก่าตระกูลสิงเลยได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้น ทุกครั้งที่เราถามถึงเธอ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็บอกว่าเธอค่อนข้างเก็บตัว ไม่ชอบเจอผู้คน ชอบเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหลังบ้าน พอนานวันเข้า เราก็แทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะสงสัยเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเธอ”

 

 

ป้าสะใภ้รองพูดจบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่

 

 

การที่รับเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยงมันก็เป็นเรื่องที่เป็นกุศล

 

 

ทำไมพ่อแม่บุญธรรมของเธอจึงต้องปกปิดเรื่องนี้กับพี่น้องของตัวเองด้วย

 

 

ถ้าบอกว่าเป็นเพราะต้องการปกป้องเธอ ไม่อยากให้โดนคนในครอบครัวดูถูกก็พอจะเป็นไปได้ แต่ทำไมเธอถึงคิดว่าไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลง่ายๆ แค่นี้นะ

 

 

“ในเมื่อพวกคุณเจอฉันแค่ไม่กี่ครั้ง คุณรู้ได้ยังไงว่าพ่อแม่บุญธรรมรักฉันมากกว่าสิงลี่” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วเอ่ยถาม

 

 

สิ้นคำถาม ป้าสะใภ้รองก็รีบร้อนบอกออกมาทันที

 

 

“ต้องถามอีกหรือไง ในครอบครัวเรามีใครไม่รู้บ้าง”

 

 

“……”

 

 

“ตั้งแต่เธอคลอดออกมา พี่ใหญ่พี่สะใภ้ก็แทบไม่สนใจกิจการของตัวเองเลย เอาแต่อยู่บ้านดูแลเธอ ต่อให้พี่ใหญ่ออกไปทำงาน พี่สะใภ้ก็อยู่ดูแลเธอไม่ให้คลาดสายตาเลย!” ป้าสะใภ้รองนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยพูดต่อ

 

 

“แล้วของที่เธอกินเธอใช้ก็ล้วนเป็นของนำเข้าดีๆ ทั้งนั้น ตอนนั้นฉันไปที่บ้านเก่าตระกูลสิง มีครั้งหนึ่งเห็นพี่ใหญ่เดินถือกล่องพัสดุมาจากด้านนอก เป็นกล่องใบใหญ่มากใบหนึ่ง ตอนนั้นฉันก็สงสัยว่าเขาซื้ออะไรเลยไปแอบดู สิ่งที่เห็นก็ล้วนเป็นของใช้ของเด็กทารกทั้งนั้น บางอย่างฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจึงแอบถ่ายรูปแล้วไปหาดู ถึงได้รู้ว่ามันเป็นของเกรดดีที่ต้องสั่งทำ”

 

 

“……”

 

 

“ไม่เพียงแค่นั้นนะ เธอเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านตั้งแต่เด็ก พวกครูที่มาสอนเธอ ฉันได้ยินมาว่าวิชาหนึ่งก็แพงหูฉี่เลย! คนอื่นไม่มีปัญญาจ้างมาสอนหรอก แต่พอเป็นเธอก็จ้างมาทีละหลายๆ คน พี่ใหญ่พี่สะใภ้ดีกับเธอขนาดนี้ ใครจะไปสงสัยว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ กันล่ะ”

 

 

ป้าสะใภ้รองพูดออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมย

 

 

พอได้ยินเรื่องราวในตอนเด็กๆ ของตัวเอง เหนียนเสี่ยวมู่ก็กำมือแน่น เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

 

 

“พ่อแม่บุญธรรมทำดีกับฉันเป็นพิเศษขนาดนี้ พวกคุณไม่เคยถามเหตุผลพวกท่านเลยเหรอ”

 

 

“พ่อแม่มีเงิน ดูแลลูกสาวลูกชายของตัวเองดี มันมีอะไรน่าถามกัน แต่ว่าฉันก็เคยถามอย่างสงสัยอยู่ครั้งหนึ่งนะ ว่าเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงทำไมต้องเรียนอะไรเยอะแยะแบบนั้น ถ้าประหยัดเงินที่เอาไปจ้างครูพวกนั้นเอาไว้ พวกเราก็เปิดบริษัทเพิ่มได้อีกแห่งแล้ว”

 

 

ป้าสะใภ้รองตกอยู่ในห้วงความทรงจำ คิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ยพูดขึ้น