ตอนที่ 219: การเชื้อเชิญจากเจ้าเมือง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 219: การเชื้อเชิญจากเจ้าเมือง

“น้องชาย ได้โปรดรอก่อน”

ในตอนที่เจี้ยนเฉินเดินไปเรื่อย ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่หนักแน่น

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วในขณะที่เขาหันหน้าไปดู เขาเห็นกลุ่มทหารเกราะหนักที่กำลังวิ่งมาทางเขาอย่างเร็วพร้อมกับมีชายวัยกลางคนสองคนที่นำกลุ่มอยู่

เขามองไปที่ชายสองคนที่อยู่ในชุดเกราะด้วยท่าทีสงสัย แม้ว่าเขาจะรู้จักหนึ่งในชายคนหนึ่ง เพราะเขาพึ่งพบกันมาเมื่อไม่นาน ผู้บัญชาการของกองกำลังป้องกันเมืองเวค เต้าหลี

เมื่อได้เห็นกองกำลังของเมืองเวคเข้ามาใกล้ เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย เขาไม่รู้ว่าชายพวกนี้มาหาเขาเพื่อที่จับเขาในการที่เขาฆ่าล้างตระกูลโจวไปหรือเปล่า

เจี้ยนเฉินต้องการที่จะตามหาครอบครัวของลุงเคนกาลในเมืองเวค ถึงแม้เจี้ยนเฉินจะไม่กลัวพวกนี้ แต่เพราะเหตุผลข้างต้นทำให้เขาไม่ปรารถนาที่จะสู้กับผู้รักษากฎหมายของเมืองเวค

“น้องชาย โปรดรอก่อน ! ” เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินช้าลง เต้าหลีก็เรียกออกไปอีกครั้ง ในขณัที่เขาเร่งกลุ่มของเขาให้เร็วยิ่งขึ้น

เจี้ยนเฉินมองไปที่เต้าหลีและกลุ่มชายที่อยู่ถัดจากเขาก่อนที่จะถามเต้าหลีออกไปว่า “ผู้บัญชาการเต้าหลี มีปัญหาอะไรงั้นหรือ?”

ผู้บัญชาการเต้าหลียิ้มออกมาอย่างจริงใจในขณะที่เขาทักทายเจี้ยนเฉิน “น้องขาย นี่เป็นท่านเจ้าเมืองเวค” เขาชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ถัดจากเขา

“ท่านเจ้าเมืองเวค!” เจี้ยนเฉินสะดุ้งเล็กน้อย เขามองไปที่เจ้าเมืองทันทีและประสานมือ “ท่านก็เป็นท่านเจ้าเมืองเวค ข้าน้อยคือเจี้ยนเฉิน ต้องขออภัยที่ข้าน้อยไม่รู้จักกาละเทศะ”

ในที่ที่เจ้าเมืองได้ยินครั้งแรกว่า เจี้ยนเฉินที่มีอายุ 20 ปีนั้นอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ในตอนแรกเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินนั้นมาจากตระกูลที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ในตอนนี้ เขาไม่เห็นทั้งเสื้อผ้าราคาแพงและความหยิ่งยโส ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าเจี้ยนเฉินนั้นดีหรือไม่ดีกันแน่

เจ้าเมืองประสานมือออกไป “ถ้างั้นเจ้าก็คือเจี้ยนเฉิน ข้าคือหยุนหลี น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่หยุนหลีแทนคำว่าท่านเจ้าเมืองก็ได้” เมื่อเห็นใบหน้าที่นิ่งสงบของเจี้ยนเฉิน หยุนหลีก็มั่นใจว่า ไม่ว่ามันจะเป็นท่าทางหรือท่าทีที่แปลก ๆ ของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะใส่เสื้อที่ทำจากผ้าหยาบ ๆ แต่เจ้าเมืองก็ไม่ได้ดูถูกเจี้ยนเฉินแม้แต่น้อย แต่เขากลับชื่นชมเจี้ยนเฉินอีกด้วย

เมื่อได้ยินคำของหยุนหลี เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าเจ้าเมืองพยายามที่จะเป็นมิตรกับเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะไม่ระวังตัว เพราะความแข็งแกร่งของหยุนหลี เขาจึงไม่กล้าที่จะทำเป็นเมินเฉยด้วย

“เจ้าเมืองหยุนหลีที่ยิ่งใหญ่ต้องการอะไรจากข้าน้อยเช่นนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงสงบพร้อมรอยยิ้ม

หยุนหลีหัวเราะแล้วพูดออกมา “น้องเจี้ยนเฉิน คุยกันบนถนนมันไม่สะดวกเท่าไร เจ้าจะว่าอะไรหรือไม่หากจะไปคุยกันที่จวนเจ้าเมืองของข้า”

หลังจากที่ได้ยิน หัวใจของเจี้ยนเฉินก็เต้นแรงในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวของลุงเคนดัล เขาไม่ลังเลและยอมตามเจ้าเมืองไป

จวนเจ้าเมืองตั้งอยู่ในใจกลางของเมืองเวคและเป็นอาคารที่ตื่นตาตื่นใจของเมืองที่สุด มันมีเนื้อที่หลายตารางกิโลเมตรและเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุด แม้แต่ขนาดของอาคารสหภาพทหารรับจ้างยังเทียบกับจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ไม่ได้เลย รอบ ๆ จวนมีกลุ่มเวรยามที่กำลังเดินตรวจตราไปทุกซอกทุกมุมไปรอบ ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้จวนนี้ได้รับการป้องการอย่างแน่นหนา

ภายในโถงหลักของจวน เจ้าเมืองหยุนหลีก็ไม่ได้นั่งบนบัลลังที่เขานั่งประจำและลดสถานะของเขาลงมานั่งในระดับเดียวกับกับเจี้ยนเฉินแทน ในขณะที่พวกเขารออยู่นั้น หญิงรับใช้หลายคนก็เริ่มยกน้ำชาให้กับพวกเขา

ทั้งสองพูดคุยกันสักพักก่อนที่จะเข้าปัญหาหลัก

“น้องเจี้ยนเฉิน ข้ามั่นใจว่า เจ้ารู้ว่าเมืองเวคนั้นกำลังจะเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูร นี่เป็นบททดสอบความเป็นความตายของเมืองเวค ถ้าเราล้มเหลวในการป้องกันเมืองจากฝูงสัตว์อสูร คนหลายหมื่นคนต้องกลายเป็นอาหารให้สัตว์อสูรแน่ ดังนั้นข้าจึงหวังอย่างยิ่งว่าน้องเจี้ยนเฉินจะสามารถให้พวกเรายืมพลังของเจ้าเพื่อปกป้องเมืองเวคเอาไว้ได้” รอยยิ้มของหยุนหลีจางไปและเคร่งเครียดแทน ในขณะที่เขากำลังพูดถึงประเด็นที่เคร่งเครียด

เจี้ยนเฉินหัวเราะ “ท่านเจ้าเมืองคาดหวังในตัวข้าน้อยสูงเกินไปแล้ว ข้าน้อยเป็นคนสันโดษ มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องปกป้องประชาชนของเมืองเวคจากฝูงสัตว์อสูรด้วย ? “

หลังจากที่ได้ยินคำของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของหยุนหลีก็ตึงเครียดเมื่อเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่คิดที่จะปกป้องเมืองเวคจากฝูงสัตว์อสูร ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไร เจี้ยนเฉินก็พูดต่อ “อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าก็อยู่ในเมืองเวคแล้ว ข้าก็อาจจะเข้าร่วมด้วย แต่เมืองเวคจะรอดจากฝูงสัตว์อสูรหรือไม่นั้น ข้อน้อยก็รับรองไม่ได้”

คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้ตาของหยุนหลีเบิกกว้างขึ้นในขณะที่เขายิ้มอย่างยินดีออกมา “ในเมื่อได้ยินน้องเจี้ยนเฉินพูดแบบนี้ ข้าก็โล่งใจ ในการที่น้องเจี้ยนเฉินเข้าร่วมกับเมืองเวคของพวกเรานั้น เมืองของพวกเราต้องปลอดภัยจากอันตรายนี้อีกครั้งแน่นอน”

ในตอนนี้ ผู้บัญชาการเต้าหลีก็กรูเข้ามาทางประตูทันทีและเดินไปที่หยุนหลีอย่างรวดเร็ว เขามองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน ก่อนที่จะก้มตัวลงไปกระซิบที่หูของหยุนหลี

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเจ้าเมืองหยุนหลีเคร่งเครียดมากกว่าเดิมก่อนที่จะเริ่มสับสนมาก เจี้ยนเฉินก็ทำหน้าสับสนออกมาเช่นกัน

หลังจากที่เห็นสีหน้าของหยุนหลีที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เจี้ยนเฉินก็รู้สึกสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคำพูดอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ เจี้ยนเฉินก็ได้เริ่มเดาเรื่องสองเรื่องที่อาจจะเป็นไปได้หลังจากที่เต้าหลีจ้องมาที่เขา

ทันใดนั้นเอง สายตาของเจี้ยนเฉินก็เป็นประกายในขณะที่เขาคิดกับตัวเอง “เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลเทียนซ่ง ? ” ศัตรูของเจี้ยนเฉินในเมืองเวคนั้นมีน้อยมาก แต่หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของหยุนหลีที่เคร่งเครียดมาก ก็มีเพียงเรื่องเดียว หลังจากที่เขาจัดการกับตระกูลโจวและทหารรับจ้างโจวไป เทียนซ่งหลีจากตระกูลเทียนซ่งก็ทราบข่าวแล้ว และการที่เจี้ยนเฉินไปฆ่าบุตรชายของเขา เทียนซ่งคัง นั้น ความแค้นนี้คงไม่จบอย่างสวยงามแน่