ตอนที่ 220: ทำลายล้างตระกูลเทียนซ่ง (1)
ใบหน้าของหยุนหลีหมองลงในขณะที่เต้าหลีกระซิบข้างหูของเขาด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด
หลังจากที่ผู้บัญชาการเต้าหลีพูดจบ หยุนหลีก็หันไปหาเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางสับสน แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน
หยุนหลีขมวดคิ้วในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาลังเลสักครู่ก่อนที่จะพูดออกมา “น้องเจี้ยนเฉิน หนึ่งปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์หนึ่งใหญ่มากเกิดขึ้นที่เมืองเวค ตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเวค ตระกูลเทียนซ่ง นายน้อยของตระกูลได้ถูกใครบางคนฆ่า และถ้าข้อมูลนี้เชื่อถือได้ คนที่ฆ่าเทียนซ่งคังนั้นเป็นคนหนุ่มที่อายุไม่ต่างจากเจ้านัก สิ่งที่สำคัญที่สุด คนหนุ่มคนนั้นก็ชื่อว่าเจี้ยนเฉินเหมือนกัน นั้นหมายความว่า นั้นก็คงเป็นเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย จุดจบแบบนี้เป็นอะไรที่เขาคาดหวังไว้มานานอยู่แล้ว เขาพูดออกมา “ท่านเจ้าเมืองพูดถูกแล้ว คนผู้นั้นคือข้าน้อยเอง”
แม้ว่าเขาจะเดาว่าคำตอบจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่หยุนหลีก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรงกว่าเดิมหลังจากที่ได้ยินคำตอบของเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าเรื่องระหว่างเจี้ยนเฉินกับตระกูลเทียนซ่งจะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องฝูงสัตว์อสูร แต่นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เกี่ยวกับชีวิตของประชาชนหลายหมื่นคนในเมือง นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะสะเพร่า กองกำลังป้องกันทั้งหมดต้องเป็นหนึ่งเดียวเพื่อที่จะช่วยปกป้องเมืองเวค ไม่ว่าจะเป็นเจี้ยนเฉินหรือตระกูลเทียนซ่ง ก็ต่างเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของเมืองเวค ด้วยความเกลียดชังระหว่างคนทั้งสองฝ่าย มันคงจะนำเรื่องปวดหัวมาให้กับหยุนหลีอย่างมากเมื่อเขารู้ว่าทั้งสองฝ่ายนั้นเข้ากันไม่ได้เหมือนน้ำกับไฟถ้าจับมารวมกัน เขากลัวว่าถ้าทั้งสองฝ่ายไม่สมานฉันท์กัน มันจะนำความสูญเสียใหญ่มาให้กับทุกคนแน่ ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่น หยุนหลีคงไม่สนใจอะไร แต่ในตอนนี้ที่ฝูงสัตว์อสูรกำลังจะเข้ามาในไม่ช้า เขาก็ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจจะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยที่สุด ก็จนกว่าเรื่องฝูงสัตว์อสูรจะจบไป เขาจะทำให้เมืองเวคสูญกำลังไปมากกว่านี้ไม่ได้
หยุนหลีมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเคร่งเครียด “น้องเจี้ยนเฉิน แม้ว่าข้าจะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องความแค้นระหว่างเจ้ากับตระกูลเทียนซ่งและข้าก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้ เมืองเวคกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ พวกเราต้องปกป้องเมืองนี้ ดังนั้น ข้าหวังว่าเจ้าและตระกูลเทียนซ่งจะยุติความบาดหมางไปชั่วคราวก่อนจนเรื่องฝูงสัตว์อสูรจบ น้องเจี้ยนเฉินตกลงหรือไม่ ? ” หยุนหลีพูดออกมาอย่างเคารพ เมื่อเขาวางเจี้ยนเฉินไว้ในตำแหน่งที่สูงในตอนนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะดูถูกเจี้ยนเฉินไม่ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใดหรือไม่
เจี้ยนเฉินส่ายหัวในขณะที่เขาหรี่ตาลง “ท่านเจ้าเมืองหยุนหลี ข้าเกรงว่าคำตอบของข้าจะทำให้ท่านผิดหวัง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของหยุนหลีก็ห่อเหี่ยวไปเล็กน้อย ใจของเขารู้แล้วว่าคำตอยแบบนี้จะต้องออกมา แต่เขาก็ยังถามกลับไปอีกครั้งด้วยใจที่หนักแน่น “น้องเจี้ยนเฉิน ได้โปรดสนใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ด้วย นอกเหนือไปจากนั้น ตระกูลเทียนซ่งนั้นยังแข็งแกร่งกว่าตระกูลโจวด้วย แม้ว่าหายนะที่พวกเขาประสบเมื่อปีก่อนจะทำให้เขาเสียตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองไป แต่พวกเขาก็ยังหนักแน่น ไม่ว่าพวกเขาจะสูญเสียไปแค่ไหม ตระกูลเทียนซ่งก็ยังเป็นหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดและจะไปดูถูกไม่ได้เลย”
จิตใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหวหลังจากที่เขาฟังหยุนหลี “ท่านเจ้าเมืองหยุนหลี นอกจากเทียนซ่งหลีแล้ว ตระกูลเทียนซ่งมีจอมยุทธคนอื่นอีกหรือ ? “
หยุนหลีลังเลสักครู่ก่อนที่จะพูดออกมา “นอกเหนือจากเทียนซ่งหลี ยังมีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขั้นกลางอีกคนที่เป็นน้องของเทียนซ่งหลี ชื่อของเขาคือเทียนซ่งเต้าหยุน นอกเหนือไปจากนั้น เทียนซ่งหลีนั้นมีความสัมพันธ์กับหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งอยู่บางกลุ่ม ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน พลังของพวกเขานั้นจะน่ากลัวมาก”
หลังจากที่ได้ยินข้อมูลนี้ ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขายังคงมีปฏิกิริยาเหมือนเดิมในขณะที่เขาจิบชา
เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินสงบเหมือนว่าเขาไม่สนใจตระกูลเทียนซ่งเลย ในใจของหยุนหลีก็คิดได้ในที่สุด เขากลัวว่าเจี้ยนเฉินนั้นมีผู้แข็งแกร่งที่คอยหนุนหลังอยู่ แต่เขาก็ไม่มั่นใจนัก เขาไม่มั่นใจว่ามีจอมยุทธระดับสูงคอยปกป้องเขาอยู่เช่นกันหรือเปล่า
หยุนหลีเป็นคนที่รอบคอบ ในตอนที่เขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่คิดที่จะปล่อยตระกูลเทียนซ่งไป เขาก็ไม่พยายามที่จะโน้มน้าวเจี้ยนเฉินอีก สำหรับเขาในตอนนี้ เจี้ยนเฉินนั้นมีค่ามากกว่าตระกูลเทียนซ่ง
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่มีใครคอยหนุนหลังเขา แต่คนหนุ่มแบบเขาที่สามารถฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้นั้น นี่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน ! ถ้ามีเวลามากพอ ชื่อเสียงของเขาต้องดังกระฉ่อนไปทั่งทั้งทวีปเทียนหยวน
หลังจากที่เจี้ยนเฉินออกจากคฤหาสน์ไป ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ในขณะที่เขายังอยู่ในคฤหาสน์ เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ถามเกี่ยวกับครอบครัวของลุงเคนดัล ในความคิดของเขา เรื่องนี้จะต้องถูกจัดการหลังจากที่เรื่องระหว่างเขาและตระกูลเทียนซ่งจบลงไปแล้วถึงจะดีที่สุด นี่เป็นทางที่ปลอดภัยและดีที่สุดที่จะสืบเรื่องเกี่ยวกับครอบของเคนดัล
กลางวันได้ผ่านไปแล้ว แต่เจี้ยนเฉินก็สู้ไปสองศึกแล้ว นี่ทำให้พลังงานของเขาลดลงไปอย่างมาก ดังนั้นในตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาที่เจี้ยนเฉินต้องการที่จะสู้กับตระกูลเทียนซ่ง เขาเริ่มมองหาโรงเตี๊ยมที่จะพักแรม
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและยามเช้าก็มาถึง เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นจากการนั่งฝึกฝนของเขา พลังงานที่เขาใช้ไปเมื่อวานทั้งหมดได้ฟื้นคืนกลับมาแล้วทำให้เขากลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
หลังจากที่เจี้ยนเฉินออกจากโรงเตี้ยมไป เขาก็ฟังผู้คนข้างนอกพูดคุยกันเกี่ยวกับการทำลายล้างทหารรับจ้างโจวและตระกูลโจว
ตระกูลโจวและทหารรับจ้างโจวมีชื่อเสียงมากในเมืองเวค แต่การที่พวกเขาถูกทำลายไปในเวลาอันสั้น ข่าวนี้จึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหมือนไฟลามทุ่ง ไม่ว่าจะเป็นตามตรอกซอกซอยหรือหรือถนนใหญ่ ทุกคนต่างก็พากันพูดถึงเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกัน ผู้มีอำนาจหลัก ๆ ในเมืองเวคก็ส่งคนออกไปหาข่าวเมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตระกูลเทียนซ่งเคยเป็นตระกูลที่มีอำนาจอันดับหนึ่งในเมืองเวค และพวกเขาก็เป็นที่รู้จักของทุกคน ไม่ว่าเจี้ยนเฉินจะไปที่ไหน เขาก็จะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเทียนซ่ง