วันต่อมา แสงอาทิตย์สว่างจ้า
สายลมพัดอ่อนๆ ต้นไม้เขียวขจี ท้องฟ้าสดใส
ลู่ฝานและคนอื่นนั่งด้วยกัน กำลังเพลิดเพลินกับฝีมือการทำอาหารของเจ้าดำ
ชุดคลุมบู๊มังกรดำที่สวมใส่ ยิ่งใหญ่และสง่า เข้ากับรูปร่างสมส่วนของลู่ฝาน ดูหล่อเหลาและเป็นธรรมชาติ
เหมือนชุดคลุมบู๊ชุดนี้ สร้างมาเพื่อลู่ฝานโดยเฉพาะ เหมาะสมเป็นอย่างมาก
ลู่ฝานสวมใส่อย่างสบาย ชุดคลุมบู๊มังกรดำสามารถดูดซับพลังฟ้าดิน กันน้ำกันฝุ่น นี่แสดงว่าเข้าสามารถใส่ชุดนี้ได้นานโดยไม่ต้องเปลี่ยน
อีกทั้งความสามารถในการป้องกันที่ไม่เลวของชุดคลุมบู๊มังกรดำ ทำให้ไม่ขาดแบบงงๆ ตอนกำลังฝึกฝน
“ศิษย์พี่หานเฟิงล่ะ”
ลู่ฝานเช็ดปากหลังกินเสร็จ แล้วเอ่ยถาม
มองซ้ายมองขวา ศิษย์พี่ทุกคนอยู่ครบ มีเพียงศิษย์พี่หานเฟิง ที่ไม่รู้หายไปไหน
ศิษย์พี่ฉู่สิงยัดของกินใส่ปาก พลางพูดว่า “หานเฟิงออกไปสอบถามข่าวสาร ดูว่าคณะอื่นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “นายพูดกับหานเฟิงชัดเจนหรือยัง อย่าให้เขาก่อเรื่องข้างนอก ถ้าสร้างเรื่องวุ่นวายข้างนอกตอนนี้ การสู้จัดอันดับของสถาบันครั้งนี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว”
ฉู่สิงยิ้มแล้วพูดว่า “ผมบอกเขาแล้ว ถ้าเขาออกไปมีเรื่องกับคนอื่น จะไม่พาเขาไปการต่อสู้จัดอันดับของสถาบัน”
ฉู่เทียนพูดต่อ “ดังนั้นตอนไอ้เด็กนี่ออกไป จึงไม่เอากระบี่ฟ้าครามไปด้วย ถือโอกาสให้ศิษย์พี่ใหญ่แต่งหน้าให้นิดหน่อยด้วย เปลี่ยนแปลงหน้าตา คนจะได้จำไม่ได้”
อาจารย์เต้ากวงหันไปมองศิษย์พี่ใหญ่ “อู๋เหวย ทำไมฉันไม่รู้ว่านายแต่งหน้าเป็นด้วย ไปเรียนทักษะปลอมตัวตั้งแต่เมื่อไร”
ศิษย์พี่ใหญ่ลูบท้อง หัวเราะจนไขมันกระเพื่อม “แต่งหน้าอะไรล่ะ ผมแค่ซัดเขาจนหน้าปูดเท่านั้น เพื่อทำให้คนอื่นจำไม่ได้”
ทุกคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ พากันหัวเราะจนท้องแข็ง
ขณะกำลังหัวเราะ เงาของหานเฟิงปรากฏอยู่ไม่ไกล
ใต้เท้าเป็นสายลม เห็นฝุ่นควันพุ่งเข้ามา
หานเฟิงรวดเร็วมาก เมื่อเห็นทุกคนจึงตะโกนว่า “ฮ่าๆ ผมกลับมาแล้ว”
ลู่ฝานหันไปมอง หานเฟิงดูท่าทางเหน็ดเหนื่อย
แต่ที่บอกว่าหน้าตาปูดบวม บนหน้าศิษย์พี่หานเฟิง ไม่มีแผลสักนิด
นี่คือคุณสมบัติร่างกายอมตะของศิษย์พี่หานเฟิงเหรอ มหัศจรรย์เกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพการรักษา ที่เจดีย์เสวียนเก้ามังกรมอบให้เขา เทียบกับความเร็วการฟื้นฟูของศิษย์พี่หานเฟิงได้หรือเปล่า เจดีย์เสวียนเก้ามังกรโม้กับเขาอยู่นาน ประสิทธิภาพน่าจะไม่เลว
หานเฟิงนั่งลง ลูบหัวเจ้าดำแล้วพูดว่า “เจ้าดำ รีบไปทำอาหารให้ฉันกินหน่อย”
เจ้าดำมองเขาอย่างดูหมิ่น เดินไปห้องครัวอย่างไม่เต็มใจ
ฉู่เทียนถามว่า “หานเฟิง ไปสอบถามได้เรื่องอะไรบ้าง ตอนนี้แต่ละคณะสถานการณ์เป็นยังไง”
หานเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “สถานการณ์ไม่น้อยเลยล่ะ ก่อนอื่นยินดีกับศิษย์น้องลู่ฝาน หลิงเหยาคนรักเก่าของนาย มีชื่อเสียงในสถาบันสอนวิชาบู๊แล้ว”
อาจารย์อี้ชิง อาจารย์เต้ากวงและศิษย์พี่ใหญ่ หันไปมองลู่ฝาน
“คนรักเก่าเหรอ มีชื่อเสียงยังไง”
ลู่ฝานยังไม่ทันเถียง หานเฟิงพูดว่า “คณะสงบใจเอาชนะคณะนานาได้ กำจัดคณะศิงขร สุดท้ายแพ้ให้กับหลัวตานของคณะฟ้าร้อง วิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุดุดันมาก หลัวตานไม่ให้โอกาสคณะสงบใจได้สร้างปาฏิหาริย์ แต่หลิงเหยา คนรักเก่าของศิษย์น้องลู่ฝาน แสดงวิชาอันน่ากลัวออกมา จินเฟยหยู่ของคณะฟ้าร้องแพ้คามือหลิงเหยา ว่ากันว่าหลิงเหยามองจินเฟยหยู่แวบเดียว จินเฟยหยู่ก็ล้มลงไปเลย ได้ยินคนพูดว่า นั่นเป็นจิตบู๊เข้าฌานในตำนาน บู๊ไปตามการเคลื่อนไหวของจิตใจ มองแวบเดียวทำลายทุกสรรพสิ่ง”
อาจารย์อี้ชิงกับอาจารย์เต้ากวงพยักหน้า
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “คณะสงบใจรับศิษย์เช่นนี้ แข็งแกร่งขึ้นมาก็ไม่แปลก”
หานเฟิงมองลู่ฝานอย่างหยอกล้อ แล้วพูดว่า “เฮ้อ อนาคตศิษย์น้องลู่ฝานไม่ง่ายแล้ว หาคนรักแบบนี้ ระวังโดนเธอจับได้ทุกอย่างนะ”
ลู่ฝานมองหานเฟิงอย่างน่ากลัว
“นอกจากคณะสงบใจ แล้วคณะอื่นล่ะ”
หานเฟิงพูดว่า “คณะกระบี่ไปคณะหยินหยาง แต่แอบสู้กัน ไม่ค่อยมีใครรู้สักเท่าไร เหมือนว่าคณะกระบี่ไม่ชนะ ว่ากันว่าเสวียนเฟิงบาดเจ็บเล็กน้อย กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว”
อาจารย์อี้ชิงพยักหน้าเบาๆ หานเฟิงหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “คณะฟ้าร้องกับคณะกำแหงสู้กันรอบหนึ่ง แต่หลัวตานไม่ได้พาคนไป เป็นตัวแทนของคณะฟ้าร้องไปคณะกำแหงเพียงคนเดียว ต่อสู้ครั้งใหญ่กับเฉียวเซวียน หลัวตานชนะเฉียวเซวียนได้อย่างสูสี ตอนนี้อันดับของคณะฟ้าร้องเหนือกว่าคณะกำแหงแล้ว เหมือนว่าหลัวตานเตรียมไปคณะบังเหินด้วย น่าจะสองสามวันนี้แหละ คณะบังเหินไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร คณะนานาไปท้าประลองคณะศิงขรหนึ่งครั้ง สุดท้ายแพ้เละเทะ อืม สถานการณ์ก็ประมาณนี้”