ตอนที่ 189 นายท่านสาม

“อะไรนะ? พวกเขาไปยังมณฑลอันเล่อรึ?”

“ใช่เจ้าค่ะ” หยนุเชวี่ยพยักหน้าพร้อมตอบตามจริง “ทว่าข้าไม่ได้เป็นคนเจอพวกเขานะเจ้าคะ”

เมื่อแม่นางจ้าวได้ยินเช่นนั้น ความโกรธแค้นภายในใจของนางจึงโหมกระพือ “นังเด็กไร้ประโยชน์ เหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดพวกเขาไว้!”

“พวกเขาไม่ฟังข้า” หยุนเชวี่ยแบมืออย่างไร้เดียงสา

“แค่เด็กสองคนยังเกลี้ยกล่อมไม่ได้ แล้วจะหาเงินได้อย่างไร…” แม่นางจ้าวขบกรามแน่นพลางกำผ้าเช็ดหน้าก่อนเดินจากไปด้วยความโมโห

หยุนเชวี่ยปิดประตูพลางถอดรองเท้าและล้มตัวลงนอนบนเตียง

จนกระทั่งพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เถียนตวนสื่อและคนอื่น ๆ อีกสิบคนเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้าน

หยุนเชวี่ยและพี่สาวหยุนเยี่ยนกำลังกำจัดวัชพืชอยู่ในสวนผักริมน้ำ สองพี่น้องสังเกตเห็นเสี่ยวส้วยเอ๋อเดินมาทางพวกตนด้วยความเบิกบานใจ

“พี่เชวี่ยเอ๋อ รู้อะไรหรือไม่?” เสี่ยวส้วยเอ๋อกะพริบตาพลางฉีกยิ้มกว้าง

หยุนเชวี่ยงุนงง

“ข้าคิดถูก พวกเขาไปมณฑลอันเล่อและถูกขโมยเงินทั้งหมดที่หาได้ในวันนี้ อีกทั้งเกือบโดนอันธพาลในท้องถิ่นรุมกระทืบด้วย”

หยุนเชวี่ยยืดแผ่นหลังตรงก่อนตบดินในมือเบา ๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“ข้าไปเก็บฟืนอยู่ตรงนู้น และบังเอิญได้ยินต้าจ้วงกับต้าหนิวคุยกันอย่างเคร่งเครียด ฮ่าฮ่าฮ่า”

“เรื่องนี้พวกเรารู้อยู่แล้ว อย่าแพร่งพรายออกไปล่ะ” หยุนเชวี่ยกล่าว

“เจ้าค่ะ ข้ารู้ ข้าบอกแค่ท่านกับพี่เหออวี้เท่านั้นและกำชับชีจินแล้ว ข้าจะไม่พูดเหลวไหลแน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวส้วยเอ๋อพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าลาล่ะเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้ารอฟืนทำอาหารอยู่!”

หลังจากพูดจบ เสี่ยวส้วยเอ๋อก็อุ้มฟืนที่วางอยู่บนพื้นและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมกระโชกแรง

“แม่สาวน้อยเสี่ยวส้วยเอ๋อ เด็กคนนี้ต่างจากเมื่อก่อนยิ่งนัก” หยุนเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองแผ่นหลังผอมบางของเสี่ยวส้วยเอ๋อ

“นางเป็นเด็กมีความสามารถ ทั้งยั้งยอมลำบากทำงานหาเงินก้อนโตเพื่อสร้างบ้านหลังใหญ่และพามารดาไปกินอาหารเลิศรสในเมือง!” หยุนเชวี่ยนั่งลงบนหินก้อนใหญ่ข้างสวนผักพลางหยิบน้ำเต้าขึ้นมาดื่มสองอึกก่อนถอนหายใจ “พี่สาว ท่านคิดว่าบิดาของเสี่ยวส้วยเอ๋อจะเสียใจหรือไม่ หากนางมีอนาคตที่รุ่งโรจน์?”

หยุนเยี่ยนส่ายศีรษะ

บิดาของเสี่ยวส้วยเอ๋อ… ท่านผู้เฒ่าเผยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวในหมู่บ้านแห่งนี้ หลังจากหย่าร้างกับแม่นางหลี่เขาก็แต่งงานใหม่กับหญิงสาวจากหมู่บ้านใกล้เคียง

ภรรยาคนใหม่ตั้งครรภ์หลังจากแต่งงานเข้าตระกูลเผยได้ไม่นาน นางปฏิบัติตนต่อเสี่ยวส้วยเอ๋ออย่างโหดร้ายทั้งวัน ไม่ทุบตีก็ด่าทอและมักกลั่นแกล้งให้เสี่ยวส้วยเอ๋ออดอาหารเสมอ

เมื่อมีพ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยงแล้ว ท่านผู้เฒ่าเผยผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าจึงทำเป็นหูหนวกตาบอดไม่รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ

หลังจากนั้นภรรยาคนใหม่ก็ให้กำเนิดลูกชายสุดที่รักให้กับเขา ตอนนี้ไม่มีใครสนใจว่าเสี่ยวส้วยเอ๋อจะอยู่หรือตาย ท้ายที่สุดเสี่ยวส้วยเอ๋อจึงทนที่จะถูกด่าทอทั้งวันทั้งคืนไม่ไหว นางจำต้องจากเรือนตระกูลเผยไปอาศัยอยู่กับมารดา

สองแม่ลูกอาศัยอยู่ในเพิงทรุดโทรมท้ายหมู่บ้านร่วมสามปีกว่า ประทังชีวิตโดยการปลูกพืชผักและกินอาหารที่ชาวบ้านแบ่งปันให้ ซึ่งครอบครัวเผยไม่แยแสพวกนางแม้แต่ครั้งเดียว

หยุนเชวี่ยเห็นว่าเสี่ยวส้วยเอ๋อเป็นเด็กน่าสงสาร นางเป็นเด็กกำพร้า มารดาเป็นแม่หม้าย หยุนเชวี่ยจึงยื่นมือเข้าช่วย เมื่อเวลาผ่านไปนางก็รู้ว่าเด็กหญิงผู้นี้ฉลาดและมีความกตัญญู จึงอดคิดไม่ได้ว่าหากนางมีอนาคตที่สดใส บิดาผู้ไร้จิตสำนึกของนางจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อคิดเช่นนั้น นางยังคงมีประกายความหวังอยู่เล็กน้อย!

ดวงอาทิตย์คล้อยลงลับภูเขาหลังหมู่บ้าน สองพี่น้องหยุนเชวี่ยและหยุนเยี่ยนเดินกลับบ้านพร้อมถือจอบและหิ้วถังน้ำไว้ในมือระหว่างทางพวกนางบังเอิญเจอเข้ากับเถียนตวนสื่อ

เถียนตวนสื่อถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ จากนั้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้าสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือ?” หยุนเยี่ยนรู้สึกเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่สหายร่วมทางเป็นศัตรูกัน” หยุนเชวี่ยแสดงท่าทีไม่แยแส อยากมองก็มองไปสิไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย!

“แล้วเขาวิ่งหนีเพราะเหตุใด?”

“ใครจะรู้เล่าเจ้าคะ!”

ทั้งสองคนต่างรู้สึกสับสน ทว่าเมื่อกลับมาถึงเรือนของตระกูลหยุน หยุนเชวี่ยจึงรู้แล้วว่าเหตุใดเถียนตวนสื่อถึงวิ่งหนีพวกนาง

ภายในลานบ้าน แม่นางจ้าวยืนเท้าเอวด้วยความโมโห “เจ้าเด็กเปรตคนนั้นยังกล้ากลับมาอีกรึ ไม่ทักทายเจ้าบ้านสักคำ ริอ่านจะเป็นหัวขโมยหรือ!”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ผู้เฒ่าหยุนขมวดคิ้วพร้อมกล่าวกับหยุนลี่เซี่ยว “เจ้าสาม ไปไต่ถามให้แน่ชัดที”

อีกฝ่ายเป็นเด็กชายอายุราวสิบแปดถึงสิบเก้าปี หยุนลี่เซี่ยวมีความสุขมากกับเรื่องอวดดีเหล่านี้ เขาตัดสินใจพาซานหลางออกไปด้วย สองพ่อลูกที่มีอุปนิสัยคล้ายคลึงกันเดินเคียงคู่กันออกไป

“เชวี่ยเอ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?” หยุนเยี่ยนกล่าวคำเบา

“ข้ามั่นใจว่าพวกเขาต้องมัวแต่เล่นสนุกจนไม่ได้ขายบ๊วยดองน้ำตาลเป็นแน่” หยุนเชวี่ยคาดคิดแล้วว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาเป็นเช่นนี้

เป็นดังที่คาดไว้ ไม่นานหยุนลี่เซี่ยวก็เดินลากคอเสื้อของเถียนตวนสื่อกลับมาที่บ้าน ด้านหลังมีโฉ่วเหือ โฉ่วช่วน ต้าหนิว ชานจื่อ และต้าจ้วงเดินตามมา…

ต้าหนิวและชานจื่อผู้ซื่อสัตย์เดินก้มหน้าไม่พูดไม่จา ในขณะที่คนอื่น ๆ มีสีหน้าไม่พอใจ

“นายท่านสาม เหตุใดท่านถึงต้องลากข้าเช่นนี้!” เถียนตวนสื่อเอ่ยถามสองสามครั้ง

เขาเดินตามหยุนลี่เซี่ยวอย่างเกียจคร้านพลางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายว่า ‘นายท่านสาม’ แน่นอนว่าน้ำเสียงของเขามีความหยอกล้ออยู่หลายส่วน เหมือนกับเด็กวัยรุ่นในทุกหมู่บ้านที่ชอบตั้งฉายาให้กับคนโง่

“นายท่านตะโกนเรียกเจ้า เหตุใดเจ้าถึงวิ่งหนี?” หยุนลี่เซี่ยวมีจิตใจคดโกงและดุร้ายกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

เถียนตวนสื่อสะดุดเข้ากับธรณีประตูจึงเดินโซเซเข้าไปในบ้าน “แม่ข้าเรียกให้กลับไปกินข้าวขอรับ!”

“หุบปาก!” หยุนลี่เซี่ยวปิดประตูบ้านแล้วชี้นิ้วไปยังคนที่เหลือ “ยืนเข้าแถวหน้ากระดาน!”

น้ำเสียงของเขาดุดัน ต้าหนิวและชานจื่อเดินไปเข้าแถวอย่างว่าง่าย สองพี่น้องโฉ่วเหือและโฉ่วช่วนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนทำตาม เมื่อต้าจ้วงเห็นว่าคนที่เหลือเดินไปเข้าแถวอย่างเงียบ ๆ

เถียนตวนสื่อรู้สึกอับอายเล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็อายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น

“เหตุใดหลังกลับมาจากในเมืองแล้วไม่ไปทักทายทักทายเจ้าของบ้าน ไม่มีมารยาทหรือ!” หยุนลี่เซี่ยวผลักเถียนตวนสื่ออีกครั้งพร้อมคำรามเสียงดัง

เถียนตวนสื่อถือโอกาสเดินไปเข้าแถวกับพรรคพวก ก่อนเถียงกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ก่อนหน้าท่านไม่ได้พูดเช่นนี้…”

“เจ้ากล้าเถียงข้ารึ!” หยุนลี่เซี่ยวฟาดฝ่ามือลงบนศีรษะของเขาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

“เฮ้…” เถียนตวนสื่อรีบหดคอกลับทันที “นายท่านสาม… นายท่านสาม! เหตุใดท่านถึงยังทำร้ายผู้อื่นอีก!”

“เจ้าเด็กเปรต! หัวขโมย!” หยุนลี่เซี่ยวพลางยกขาขึ้นเตะอีกครั้ง “ตอบมาว่าพวกเจ้าเอาเวลาไปทำอะไรทั้งวัน! ขายได้เท่าไหร่? ลองพูดจาไร้สาระกับข้าอีกทีสิ!”

เถียนตวนสื่อมีนิสัยไม่ยอมคนเช่นกัน เขาเบ้ปากพลางลูบหน้าขาที่ถูกเตะ “เราตกลงกันแล้วนี่ขอรับว่าขายบ๊วยดองน้ำตาลหนึ่งห่อจะได้เงินหนึ่งเหรียญ หากขายบ๊วยดองน้ำตาลไม่ได้สักห่อก็จะไม่ได้เงิน…”

“อะไรนะ?” หยุนลี่เซี่ยวเบิกตากว้าง พวกเจ้าไปด้วยกันตั้งสิบกว่าคนแต่ขายไม่ได้แม้แต่ห่อเดียวรึ?”

“ขายไม่ได้ก็ไม่มีเงิน…” เถียนตวนสื่อกล่าวย้ำพร้อมเงยหน้ามองหยุนลี่เซี่ยวก่อนเบือนหน้าหนีโดยไม่รู้ตัว

หยุนลี่เซี่ยวกระทืบเท้าด้วยความโมโห

ต้าหนิวผู้ซื่อสัตย์เอ่ยเสียงสะอื้น “วันนี้เศรษฐีในเมืองจัดงานแต่งให้ลูกสาวของเขา ทุกคนล้วนตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่…”