บทที่ 1258 – กล้วยไม้เสริมกายา ยากที่จะพบติ๊เฉิน

 

พวกเขาหวังที่จะปลุกมันขึ้นมา พรสวรรค์ดังกล่าวเผยให้เห็นอยู่แล้วแม้จะยังไม่ตื่นขึ้น ดังนั้นหากมันตื่นขึ้น แน่นอนว่าผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับนั้นน่าตื่นตาตื่นใจ

 

“เป็นไปได้จริงหรือ?” ฮูเย่จงมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความคาดหวังอันแรงกล้า

 

“ข้าจะทำให้รู้ในวันนี้ ท่านต้องเชื่อใจข้า ข้าสามารถช่วยท่านได้เลย” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“แน่นอน ข้าเชื่อใจเจ้า ถ้ามันเป็นไปได้ ข้าต้องการลองทำมันทันที” ฮูเย่จงกล่าวอย่างไม่รีรอ

 

“ตกลง งั้นพวกเรามาเริ่มกันเถอะ นั่งลงบนพื้น เพ่งจิตไปที่จุดตันเถียนของท่าน อย่าคิดถึงเรื่องอื่น” ชิงสุ่ยยิ้มและหยิบกล่องเข็มออกมา

 

สำหรับชิงสุ่ยการกระตุ้นศักยภาพในร่างกายเป็นเรื่องง่าย มันไม่มีอะไรมากมาย

 

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เขาจัดการทำบางสิ่งที่ดูเหมือนยากมาก การที่จะกระตุ้นมันนั้น เขาใช้ยาเม็ดจำนวนมากเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในตัวออกมา อย่างไรก็ตามมันน่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พวกเขาแทบจะไม่เชื่อว่าจะสามารถลงมือทำมันได้ง่ายดายภายในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้

 

“วันนี้ข้าสามารถกระตุ้นมันได้ราวหนึ่งในสาม อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ครั้งต่อไปมันจะต้องตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์” ชิงสุ่ยยิ้มและเก็บเข็มทองคำไว้

 

แม้ชิงสุ่ยจะไม่พูด แต่ฮูเย่จงก็สามารถรับรู้ถึงมันได้ ในระยะเวลาอันสั้นความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า สิ่งที่เพิ่มมากขึ้นคือความทนทานของร่างกาย เขารู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเหมือนกำแพงเหล็ก กลิ่นอายที่เขาปล่อยออกมาคนรอบข้างอาจรู้สึกได้

 

“น่าแปลกใจเหลือเกิน” ฮูเย่จงคว้ามือของชิงสุ่ยและกล่าวอย่างลุกลน เขาไม่สามารถพูดมันได้อย่างปกติ

 

“น้องสาม ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นต่อไปก็เป็นตาของข้า” ฮูอี้เหมินตื่นเต้นมาก

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยช่วยพวกเขาเช่นเดียวกับการช่วยตัวเอง เขาต้องการขยายอิทธิพลภายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกอย่างช้าๆ ภายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกมักไม่ค่อยแก่งแย่งชิงดีกัน เพราะส่วนใหญ่แทบจะไม่สามารถจัดการกับปัญหาในเขตแดนของตัวเองได้หมด

 

นี่เป็นสิ่งที่ชายชราจากสำนักสวรรค์เร้นลับเล่าให้เขาฟัง ดังนั้นถ้ามีใครในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าผู้อื่นมากเกินไป มันก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับผู้ที่มีอำนาจทั้งหมด ถ้าหากพวกเขาไม่รวมกันเป็นหนึ่ง พวกเขาก็จะอยู่กันแบบฉันมิตร แน่นอนว่ายังคงมีการแข่งขันกันอยู่ แต่มันก็ไม่ถึงจุดที่พวกเขาจะกำจัดอีกฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากไม่มีใครอยากแบกรับความสูญเสีย

 

เมื่อชิงสุ่ยทำการฝังเข็มบนร่างกายของเธอ ศักยภาพของฮูอี้เหมินก็ได้รับการกระตุ้น กลิ่นอายที่ทรงพลังไหลผ่านไปตามสายลม กลิ่นอายอันแข็งแกร่งนี้ทำให้ฮูอี้เหมินเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

 

“ขอบคุณชิงสุ่ย”

 

ฮูอี้เหมินกอดชิงสุ่ย ตอนนี้ทุกคนรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา สิ่งที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาหมดหนทางถูกแก้ไขแล้วโดยชิงสุ่ยภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

 

“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี พวกท่านทั้งสองควรจะไปปรับสมดุลพลังเสียก่อน” ชิงสุ่ยหยิบขวดลายคราม 2 ขวดที่มีของยาฟื้นกายาและส่งให้พวกเขา

 

ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจช่วยพวกเขา เขาก็ต้องการเห็นมันจนถึงที่สุด ยาฟื้นกายาไม่ได้เป็นสิ่งที่มีค่ามากแต่อย่างใด

 

 

วันรุ่งขึ้นหลังจากอาหารเช้า ชิงสุ่ยตามฮูอี้เหมินไปที่ตระกูลหวู่ ตระกูลหวู่ยังอยู่ในเมืองจักรพรรดิ แต่มันเข้าไปภายในมากขึ้นเมื่อเทียบกับตระกูลฮู ยิ่งตระกูลนั้นตั้งอยู่ไกลออกไปแค่ไหน มันก็หมายถึงความมีอำนาจของพวกเขา

 

ตอนนี้ฮูอี้เหมินเหมือนกลายเป็นคนใหม่ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอดีกับเขามากเช่นเดียวกับที่พี่สาวดูแลน้องชาย เขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่เธอแสดงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างแท้จริง

 

“ตอนนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถรักษานางได้” ฮูอี้เหมินกล่าวกับชิงสุ่ยอย่างตื่นเต้น พวกเขาอยู่บนเหยี่ยวลายครามของฮูอี้เหมิน มันเดินทางไปด้วยรวดเร็ว

 

“ท่านมั่นใจในตัวข้ามากงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามอย่างสุภาพ เขามีความมั่นใจในตนเองเช่นกัน แต่ก็ไม่ควรทำให้มันดูเกินเหตุ มันคงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจหากเขาไม่สามารถรักษาคนได้

 

“ใช่ ข้ามั่นใจในตัวเจ้ามาก ตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าก็รู้สึกว่ามันเป็นความจริง”

 

“พี่สาวเหมิน ท่านช่างล่อลวงได้ง่ายดาย” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“เจ้ามองมาที่ข้าทำไมงั้นหรือ? ตาของเจ้าช่างดูเป็นประกาย” ฮูอี้เหมินพูดอย่างมั่นใจ

 

 

ขณะที่พวกเขาคุยกัน พวกเขาก็มาถึงสถานที่อันเงียบสงบ ที่นี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสิ่งก่อสร้างมากนัก มันเป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยสงสัย ผู้คนอย่างตระกูลหวู่ไม่น่าจะอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้

 

ราวกับว่าเธอสามารถบอกได้ว่าชิงสุ่ยคิดอะไรอยู่ ฮูอี้เหมินยิ้มและพูด “สหายของข้ายืนยันว่านางพักที่นี่”

 

คฤหาสน์เงียบๆหลังนี้มีดอกไม้รายล้อมอยู่มากมาย มันเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกล้วยไม้ มีกล้วยไม้มากกว่าพืชชนิดอื่นภายในลานและพวกมันมีสีสันที่หลากหลาย

 

คนรับใช้ 2 คนยืนอยู่ที่ประตูและทั้งสองเป็นผู้ฝึกตน สิ่งที่แปลกใจสำหรับชิงสุ่ยคือหญิงทั้งสองแข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าพวกเธอมาจากตระกูลหวู่ มันเป็นเรื่องที่ถือว่าปกติ

 

ผู้พิทักษ์ธรรมระดับ 4 เป็นผู้คุ้มกันที่นี่… มันเป็นการลงทุนที่ดีจริงๆ

 

“หยุดอยู่ตรงนั้น!”

 

ผู้รับใช้ทางด้านขวาร้องตะโกนออกไปเพื่อหยุดชิงสุ่ยและฮูอี้เหมิน

 

“ข้าคือฮูอี้เหมิน ข้าเคยมาที่นี่” ฮูอี้เหมินกล่าวอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าสามารถเข้าไปได้ แต่เขาห้ามเข้า” ผู้รับใช้พูดตอบ

 

ฮูอี้เหมินไม่ได้ขัดแย้ง เธอพูดกับชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอสักครู่ ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีกที”

 

ชิงสุ่ยพยักหน้าและเฝ้ามองขณะที่ฮูอี้เหมินเข้าไป

 

หลังจากผ่านไป 15 นาที ฮูอี้เหมินก็เดินออกมา เธอแสดงเหรียญตราที่อยู่ในมือแล้วกวักเรียกชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

สถานที่นี้ไม่ใหญ่มาก กระถางดอกไม้มากมายภายในลานยังคงส่งกลิ่นหอมอันลึกลับลอยมาตามอากาศ

 

“กล้วยไม้เสริมกายา!”

 

ชิงสุ่ยกล่าวเมื่อมองไปที่กล้วยไม้ที่ดูลึกลับบางส่วนในลานด้วยความรู้สึกแปลกๆ

 

“กล้วยไม้เสริมกายา มันคืออะไร?”

 

“ข้าคิดว่าท่านจะรู้จักกล้วยไม้เสริมกายา”

 

ก่อนที่ชิงสุ่ยจะพูดอะไร เสียงอันร่าเริงแต่แฝงไว้ด้วยความหนาวเย็นก็ดังขึ้น

 

ชิงสุ่ยหันไปและเห็นหญิงคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าหลวมๆยืนอยู่ แม้ว่าหญิงผู้นี้จะสวยมาก แต่เธอก็ดูแตกต่างไปจากองค์หญิงใหญ่ อย่างไรก็ตามหญิงผู้นี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนองค์หญิงใหญ่ มันทำให้เพิ่มความดึงดูดขึ้นหลายเท่า

 

ความดึงดูดใจดังกล่าวทำให้รู้สึกถึงความกระหายเมื่อมองดูเธอ เขาก็อยากจะเห็นการกระทำทุกอย่างของเธอและแม้กระทั่งต้องการฟังเสียงพูดของเธอ มันเป็นเสน่ห์ที่น่าทึ่ง

 

ผมอันสละสลวยของเธอถูกมัดเอาไว้ มันให้ความรู้สึกที่มั่นคงและสง่า อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยตระหนักว่าหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะเจ็บป่วยเล็กน้อย

 

“กล้วยไม้เสริมกายาเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง หากมีเพียงแค่ดอกเดียวมันก็ไม่ส่งผลอะไร แต่ถ้าเติบโตขึ้นจนกลายเป็น 99 ดอก มันจะสามารถป้องกันการสูญเสียพลังได้ในระดับหนึ่ง” ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเรียกว่ากล้วยไม้เสริมกายาในโลกนี้ สำหรับคุณสมบัติของมันแน่นอนว่าชิงสุ่ยรู้ดี

 

หญิงผู้นั้นไม่มีท่าทีเปลี่ยนไป เธอเดินมาด้านหน้า 2-3 ก้าว ชิงสุ่ยได้กลิ่นหอมของกล้วยไม้จางๆจากเธอ

 

“นานมากแล้วที่จะมีใครสักคนมาหาข้า พละกำลังของข้าลดลงเช่นเดียวกับความสามารถ ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกับหมินเอ๋อ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลัง ข้าจะช่วยเจ้าถ้าทำได้” เธอกล่าวเบาๆ

 

“ข้าต้องการรู้ว่านิกายบงกชเทวะอยู่ที่ใด”

 

“ไม่มีทาง!”

 

“ข้าอยากพบใครบางคนในนิกายบงกชเทวะ มีวิธีใดบ้างที่ข้าจะทำเช่นนั้นได้?”

 

“หาใครสักคนจากนิกายบงกชเทวะเพื่อช่วยเจ้าส่งสาสน์”

 

“เช่นนั้นท่านช่วยทำให้ข้าได้หรือไม่?”

 

“ข้าไม่ได้เป็นสาวกของนิกายบงกชเทวะอีกแล้ว”

 

“ทำไม? มันเป็นเพราะนิกายบงกชเทวะหรือเพราะตัวท่าน?”

 

“ข้าเป็นผู้ที่ยืนกรานว่าจะออกมาเอง ข้าจะยืนอยู่จุดใดภายในนิกายบงกชเทวะได้กัน?” เธอตอบอย่างนิ่งสงบ แม้แต่อารมณ์ของเธอยังดูสงบ

 

ชิงสุ่ยตระหนักแล้วว่าหญิงผู้นี้ไม่ง่าย มันเป็นเหมือนเช่นที่ฮูอี้เหมินกล่าว นิสัยของเธอเปลี่ยนไปมาก ในสถานการณ์แบบนี้ มันไม่มีอะไรง่ายดาย

 

เพราะนี่เป็นเส้นแบ่งบางๆระหว่างชีวิตและความตาย อาจกล่าวได้ว่าในสถานการณ์เช่นนั้นเธอไม่มีทางเลือกนอกจากขอออกมาเอง มันกลายเป็นสิ่งที่คุ้นชินและแตกต่างจากการยอมแพ้เมื่อหมดหวัง นี่แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับมันอย่างใจเย็น

 

“แต่ข้าไม่สามารถหาใครเพื่อติดต่อกับนิกายบงกชเทวะได้ตอนนี้ ทำไมพวกเราไม่ทำเช่นนี้? ถ้าหากข้าสามารถรักษาอาการป่วยของท่านได้ ท่านจะสามารถช่วยข้าส่งสาสน์ได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามอย่างจริงจัง

 

แม้ว่าเธอจะได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดี แต่เธอก็เกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา นี่มันคืออะไร? เขาสามารถรักษาข้าได้จริงงั้นหรือ แม้ว่าเขาจะทำได้ มันก็เพียงเพื่อให้เธอช่วยเขาส่งสาสน์?

 

ฮูอี้เหมินตกตะลึง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร

 

“เจ้าสามารถรักษาข้าได้หรือ?” เธอมองเขาด้วยท่าทีแปลกๆ เธอไม่อยากที่จะเชื่อในตัวชิงสุ่ยเลย

 

“ข้าไม่แน่ใจ ถ้าหากข้าไม่สามาถรักษาท่านได้ ท่านจะยังช่วยข้าไหม มันไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วสำหรับท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

เธอมองไปที่ชิงสุ่ยเป็นเวลานานมาก “ถ้าไม่ใช่เพราะหมินเอ๋อพาเจ้ามาที่นี่และยืนกรานเสียงแข็ง ข้าคงจะโยนเจ้าออกไปอย่างแน่นอน”

 

ชิงสุ่ยไม่ได้ต่อรองอะไรเพิ่ม เขายิ้มและกล่าว “เช่นนั้นแม่นางติ๊หวู่ตกลงกับเงื่อนไขของข้างั้นหรือ?”

 

“ข้าตกลง ข้าตกลงแน่นอน ทำไมข้าจะต้องปฏิเสธข้อเสนอดีๆเช่นนี้? อย่างแรกคือเจ้าต้องรักษาข้า” เธอยังคงพูดอย่างใจเย็น

 

“เอาหล่ะ ข้าจะทำการรักษาท่านตอนนี้เลย ท่านสะดวกหรือไม่?”

 

“ไม่มีปัญหา!”

 

“หมินเอ๋อ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ อย่าได้กังวล เขาจะสบายดี” เธอมองไปทางฮูอี้เหมินและกล่าว

 

ฮูอี้เหมินมองชิงสุ่ย หลังจากพยักหน้าแล้วเธอก็จากไป

 

“ไปกันเถอะ เจ้ากำลังตามหาใครกัน? ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเจ้า พวกเราลืมเรื่องการรักษาไปได้เลย” ผู้หญิงกล่าวและมุ่งหน้าไปที่ห้องโถง

 

ชิงสุ่ยตกตะลึง แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจ สำหรับการพูดที่ดูเฉยเมยเช่นนั้น มันเป็นเพราะเธอไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถรักษาเธอได้ เหตุผลที่เธอทำมันลงไปก็เพื่อฮูอี้เหมิน

 

ชิงสุ่ยเดินตามเธอเข้าไปในห้องโถง ภายในห้องไม่ได้ตกแต่งหรูหราและดูจะเรียบง่ายและสะอาด

 

“ข้าต้องการพบติ๊เฉิน” ในที่สุดชิงสุ่ยก็บอกมัน สำหรับการรักษาของเธอเขาได้ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เขาทำได้สำหรับเธอเอาไว้แล้ว

 

“ติ๊เฉิน เจ้ากำลังตามหาติ๊เฉิน? เจ้ามาจาก 5 มหาทวีปงั้นหรือ?” เธอมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจ

 

“อืมม ดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักนาง นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น

 

“นางเป็นหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะ ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้ในเรื่องนี้” เธอถอนหายใจและกล่าว