บทที่ 1259 – ช่วยเหลือ ติ๊หวู่ สือฉา จุดเปลี่ยน

 

“ทำไม?” ถึงแม้ชิงสุ่ยจะเดาเรื่องนี้ได้ แต่เขาก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคนที่สามารถส่งสาสน์ให้เขา มันยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าพี่สาวคนโตของฮูยี่หย่าจะกลับมาในปีนี้หรือไม่

 

เขาไม่สามารถรออีกต่อไปและไม่ต้องการรออีก ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว แต่เขาไม่สามารถหาที่ตั้งของนิกายบงกชเทวะได้ เขาไม่เคยนึกถึงปัญหานี้มาก่อน มันไม่ง่ายสำหรับนิกายใดที่จะปิดบังสถานที่ของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ท้ายที่สุดเขาก็รู้ว่าแม้กระทั่งคนธรรมดาก็ไม่ทราบตำแหน่งของมัน

 

“คนทั่วไปไม่สามารถเข้าพบหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะได้ ไม่มีทางใดที่จะนำสาสน์ไปส่งให้นาง ข้าได้ออกจากนิกายบงกชเทวะมาแล้วและข้าก็หมดหนทาง แม้ว่าข้าต้องการจะช่วยเหลือเจ้า” เธอกล่าวด้วยความรู้สึกที่สงสารมาก

 

ชิงสุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะถามสถานที่ของนิกายบงกชเทวะ “ข้าจะรักษาท่านก่อน หลังจากนั้นข้าค่อยคิดหาวิธีแก้ของข้าเองทีหลัง”

 

เมื่อเธอได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย เธอก็ถึงกับผงะ เธอได้พูดไปแล้วว่าเธอจะช่วยเขา นั่นเพื่อฮูอี้เหมิน แม้ว่าเธอจะไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ แต่เธอก็ทำดีที่สุดแล้ว เธอไม่ได้คาดหวังให้เขาบอกว่ายังคงช่วยรักษาเธอ สภาพตอนนี้ของเธอไม่ใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ง่ายๆ

 

“ข้าอยากช่วยเจ้า แต่ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้จริงๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตามที่พูดไว้” เธอพูดออกมาอย่างสุภาพ

 

“ปล่อยวางปัญหานั้นไปก่อน เมื่อข้ามาถึงนี่แล้ว ท่านก็ควรจะให้ข้าลองดู ท่านยอมแพ้แล้วจริงๆงั้นหรือ? ท่านไม่มีอะไรเสียหายหากท่านให้ข้าลองทำ” ชิงสุ่ยมองเธออย่างจริงจัง

 

“เจ้าต้องการลองจริงๆหรือ? ตกลง เช่นนั้นก็เชิญ!” เธอไม่ได้คาดหวังอะไรเลย มันเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ด้วยความสามารถของ ตระกูลติ๊หวู่ พวกเขามองหานักปรุงยาและหมออยู่หลายคน อย่างไรก็ตามมีข้อสรุปเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือมันไม่สามารถช่วยได้ ถ้าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้บอกผลลัพธ์ที่ได้ดั่งเช่นที่เคยเป็นมาเมื่อทำการรักษาเสร็จ เธอก็คงจะรู้สึกเบื่อหน่าย

 

ตระกูลติ๊หวู่ได้นำยามหัศจรรย์กระดูกมรณะมาใช้สำหรับเธอ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเพราะเธอยังมีขาทั้งสองข้างหรือเหตุผลอื่นใด เธอสามารถเดินได้ เส้นลมปราณดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ อารการทรุดโทรมของร่างกายเธอดีขึ้น แต่กระนั้นด้วยความจริงที่ว่าเส้นลมปราณที่ขาทั้งสองข้างของเธอถูกทำลายอย่างสาหัส ร่างกายจึงกลับมาทรุดโทรมลงอีกครั้งหลังจากนั้น 1 ปี

 

เรื่องนี้ทำให้ตระกูลติ๊หวู่และเธอรู้สึกว่ายามหัศจรรย์กระดูกมรณะเป็นของปลอม

 

มันเต็มไปด้วยความผิดหวัง เมื่อเวลาผ่านไป เธอเคยชินกับมัน แม้ว่าร่างกายของเธอกำลังค่อยๆเสื่อมสภาพลง แต่เธอก็ยังสามารถอยู่ได้อีก 8-10 ปี

 

การใช้ชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่ทรมาน แต่เธอยังคงทนอยู่ต่อไป เธอยังเยาว์วัยและไม่อยากตาย นี่คือชีวิตที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของใครคนหนึ่ง

 

“ที่นี่มีถังอาบน้ำหรือไม่?” ชิงสุ่ยถาม

 

“มี!”

 

ไม่นานนักถังอาบน้ำสูงครึ่งหนึ่งของตัวคนก็ถูกนำออกมา ชิงสุ่ยนำหยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตออกมาและให้เธอดื่มมัน นี่คือสิ่งที่สามารถใช้เพื่อประคองชีวิตได้

 

เวลาต่อมาอ่างน้ำถูกยกสูงขึ้นและมีไฟจุดอยู่ใต้มัน ในระหว่างขั้นตอนนี้หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจมาก เป็นเพราะหยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตก่อนหน้านี้ มันดูเหมือนจะทำให้เธอเห็นถึงความหวัง

 

เธอเดาเอาว่าเป็นหยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต แต่เธอไม่ได้ถาม เมื่อน้ำในอ่างอุ่นได้ที่ ชิงสุ่ยโยนยาสมุนไพรบางชนิดลงไป หลายอันเป็นของที่มีค่ามาก

 

สำหรับสภาพตอนนี้ของเธอ มันไร้ประโยชน์ที่จะใช้ยาเพื่อยืดอายุขัยของตัวเอง เขาจะต้องชำระล้างเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างกายของเธอและทำให้ส่วนที่โดนทำลายกลับมาทำงานอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูพลังในร่างกายของเธอ

 

การเสื่อมสภาพทางร่างกายของเธอเป็นจำนวนมากเกิดจากตัวเธอเอง คนที่รู้สึกหดหู่และสูญเสียความหวังทั้งหมด บางครั้งก็จะทำให้ร่างกายเริ่มเสื่อมลง นอกจากนี้ยังอาจเกิดขึ้นได้เมื่อต้องเผชิญอุปสรรคและแรงกดดันในชีวิต

 

ความถดถ่อยของการฝึกตน ความหวังของตระกูล… เธอแบกรับแรงกดดันอย่างมากซึ่งส่งผลต่อสภาพร่างกายของเธอ นอกเหนือจากความสามารถในร่างกายจะเปลี่ยนไป หยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตก่อนหน้านี้อาจเกิดการกระตุ้นพละกำลังภายในร่างกายขึ้น

 

“แม่นางติ๊หวู่ ท่านสามารถลงไปได้แล้วตอนนี้” ชิงสุ่ยกล่าวเมื่อเขาเห็นว่าน้ำอุ่นจนทั่วแล้วและพลังของยาสมุนไพรก็ซึมเข้าสู่น้ำแล้ว

 

“เช่นนั้นหรือ?” เธอถามเบาๆ

 

“มันแค่นี้แหละ ผลที่ได้จะดียิ่งขึ้นหากท่านใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขึ้น” ชิงสุ่ยพูดความจริง อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะใช้ประโยชน์กับมันเมื่อเขาพูดในขณะนี้

 

“เจ้าเป็นหมอที่ดี”

 

เธอพูดเบาๆแล้วถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้เพียงผ้าไหมบางๆ ผิวอันขาวราวกับหิมะของเธอเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนโค้งเว้านั้นดูมีเสน่ห์มาก

 

“ดูดีหรือไม่?” เธอเห็นว่าชิงสุ่ยกำลังจับตาดูเธอ

 

“ไม่เลว!” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง

 

เหตุผลที่เธอถามเรื่องนี้ก็เพราะเธอไม่รู้สึกอึดอัดกับสายตาของชิงสุ่ย เมื่อผู้ชายแอบดูผู้หญิง มันทำให้พวกเขาแสดงความหยาบกระด้างออกมา อย่างไรก็ตามหากพวกเขาใจเย็นและมองอย่างกล้าหาญพร้อมกับกล่าวคำชมเชยอย่างเปิดเผย มันก็อาจจะกลายเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าการแอบดู ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายขี้ขลาด

 

ผู้หญิงลอยขึ้นและลงไปในอ่าง น้ำถึงตลอดทางถึงกระดูกไหปลาร้าของเธอและไอน้ำได้อย่างรวดเร็วเปียกผมของเธอ

 

ชิงสุ่ยเทหยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตลงในอ่างน้ำ หยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตมีค่ามาก แต่เขาสามารถได้รับมันอย่างน้อยหนึ่งหยดในแต่วันจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ แน่นอนว่าหมายถึง 1 วันในโลกภายนอก

 

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงและน้ำถูกต้มจนระเหยไปหมด มีเพียงฝึกตนเท่านั้นที่จะสามารถผ่านมันไปได้ คนสามัญทั่วไปคงจะต้องโดนต้มจนสุก

 

หลังจากที่น้ำแห้งหมด ชิงสุ่ยรีบให้เธอนอนลงบนเตียง จากนั้นเขาก็เอาเข็มทองคำออกมาและเริ่มรักษาเส้นลมปราณที่เสียหายตรงขา ในขณะที่เขาใช้ทักษะการฝังเข็มเบญจธาตุเพื่อกระตุ้นพลังของเธอผ่านธาตุทั้งห้า

 

สำหรับชิงสุ่ยทุกอย่างไม่ได้ยาก อย่างไรก็ตามมันจะไม่เหมือนกันหากเป็นคนอื่น เพราะพวกเขาไม่มีลมปราณแห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลและปราณแห่งการหวนคืนเหมือนเขา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการฝังเข็มของชิงสุ่ยจึงน่าอัศจรรย์

 

กระตุ้นศักยภาพ เสริมสร้างความแข็งแกร่ง เคล็ดการฝังเข็ม 9 หยาง!

 

ชิงสุ่ยสามารถรู้สึกได้ว่าพลังในร่างของเธอกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าขาของเธอแข็งแรงขึ้น การไหลเวียนของเลือดและลมปราณแรกเริ่มกลับมาเหมือนใหม่

 

ในที่สุดเธอก็เชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถรักษาเธอได้ เธอมองไปที่เข็มสีทองคำบางๆที่ปกคลุมทั่วทั้งขาของเธอ เธอไม่รู้จะพูดอะไรและได้แต่ประเมินชายหนุ่มคนนี้

 

เขายังเยาว์และหล่อเหลา นี่อย่างกับปีศาจหนุ่มเมื่อคิดว่าเขาสามารถรักษามันได้ เธอรับรู้ว่าร่างกายดีขึ้นและอาจกล่าวได้ว่าเธอฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว ในอดีตลมปราณแรกเริ่มของไม่ไหลเวียน แต่ตอนนี้เธอสามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเธอ

 

เข็มทองคำ 81 เข็มเจาะเข้าไปในขาขณะที่พวกมันหมุนและสั่น ชิงสุ่ยจะเคาะเข็มเหล่านั้นเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่มีการเคาะเข็ม มันก็จะเกิดเสียงสะท้อน เข็มจะเคลื่อนไหวตามๆกัน

 

ขั้นตอนนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตก ชิงสุ่ยเก็บเข็มทองคำ ร่องรอยของเหงื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและเขาใช้เช็ดมือออกด้วยแขนเสื้อ

 

“พยายามรู้สึกถึงมันหากท่านสามารถไหลเวียนลมปราณได้ในขณะนี้” ชิงสุ่ยเก็บเข็มทองคำและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ตอนนี้มันรู้สึกดี ข้ารู้สึกได้ ข้าไม่แน่ใจว่าข้าอยู่ในความฝันหรือเปล่า มันดูราวกับภาพในฝัน แต่คราวนี้มันรู้สึกเหมือนจริงเล็กน้อย ข้ากลัวว่าเมื่อข้าตื่นขึ้นมาทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนอย่างเดิม ” เธอตอบอย่างสงบ

 

“นี่เป็นความจริง มันไม่ใช่แค่ความฝัน”

 

“พิสูจน์สิ” เธอมองไปที่ชิงสุ่ย

 

“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” ชิงสุ่ยตกตะลึง

 

“จูบข้าสิ” เธอดูสงบมาก อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าเธออยู่ในความฝันและเธอเป็นคนกล้าหาญ

 

ชิงสุ่ยประหลาดใจ นี่มันอะไร? มันดูไม่เหมาะสมที่เขาจะจูบเธอ แต่ถ้าเขาไม่ทำ… เธอกำลังจมดิ่งอยู่ในสับสนและมันไม่ดีสำหรับเธอหากยังคงเป็นอยู่แบบนี้

 

ชิงสุ่ยไม่ได้ขยับตัวอะไร อย่างไรก็ตามเธอเข้ามาสวมกอดเขาและจากนั้นเขารู้สึกได้ถึงความนุ่มชุ่มชื้นของสัมผัสบนริมฝีปากของเขา ลิ้นเล็กๆของเธอสอดใส่มายังปากเขาเหมือนงูตัวน้อย จู่ๆเธอก็ดันชิงสุ่ยออกไปอย่างฉับพลันและรวดเร็ว

 

“ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง… อย่าได้คิดมากไป ถือซะว่ามันเป็นรางวัลเพิ่มเติมสำหรับเจ้า…” น้ำเสียงเธอดูอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย

 

ชิงสุ่ยรู้สึกมืดมน เขายังไม่สามารถแสดงปฏิกิริยาใดๆ แต่เรื่องทั้งหมดกลับสิ้นสุดลง

 

“รางวัลเพิ่มเติม? หรือนั่นหมายความว่ายังมีรางวัลอื่นๆอีก?” ชิงสุ่ยถาม

 

“เจ้าไม่ได้กำลังตามหาติ๊เฉินอยู่งั้นหรือ? ตอนนี้ข้าสามารถช่วยเจ้าได้แล้ว” ชิงสุ่ยมองเธอที่กำลังพูดและตระหนักว่าความสามารถของเธอนั้นสูงมาก มันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือค่อนข้างฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

 

“โอ๊ะ ท่านสามารถช่วยข้าติดต่อกับนางได้หรือ?” ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจมาก

 

“ตอนนี้ข้าทำได้ เพราะข้าสามารถกลับไปที่นิกายบงกชเทวะได้อีกครั้ง ดังนั้นข้าจึงสามารถช่วยติดต่อนางได้ จริงสิ พวกเจ้าทั้งสองเกี่ยวข้องกันอย่างไร?” เธอดูเหมือนจะนึกถึงมันออกในตอนนี้

 

“นางเป็นภรรยาของข้า เหตุผลที่ข้ามาถึงมหาทวีปอู่เซียตะวันตกคือการตามหานาง ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆ

 

“ภรรยา? เป็นไปได้อย่างไร? หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะจะไม่มีทางแต่งงาน” เธอกล่าวด้วยความประหลาดใจ

 

“เช่นนั้นนางก็ไม่สามารถกลายเป็นหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะได้” ชิงสุ่ยกล่าวผ่านๆ

 

“เจ้าอาจจะฟังดูง่าย เจ้าคิดว่าการเป็นหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะเป็นเรื่องง่ายงั้นหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จะละทิ้งมาง่ายๆ” เธอพูด

 

“ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่อนุญาตให้แต่งงาน? มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากพวกเขาแต่งงาน?” ชิงสุ่ยใช้ความคิดบางอย่างก่อนที่จะถาม

 

“ถ้าหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ปรารถนาจะแต่งงาน นางต้องคืนทุกอย่างกลับแก่นิกาย”

 

“สิ่งที่นิกายให้นางคืออะไร?” ชิงสุ่ยคิดบางอย่างและถาม

 

“การฝึกตน”

 

“ท่านหมายถึงนางจะต้องพิการหรือ?”

 

“ถูกตัอง!”

 

ชิงสุ่ยยิ้ม “ลืมมันไปเถอะ พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก พวกเราจะมาว่ากันอีกทีหลังจากที่ข้าได้พบนางแล้ว” เขาลองคิดบางอย่างและพูด ตอนนี้เขาไม่ได้กลัวเรื่องของนิกายบงกชเทวะ

 

“เช่นนั้นก็ดี โอ๊ะ ข้าลืมไป ข้าชื่อ ติ๊หวู่ สือฉา”

 

“ชื่อของท่านมีเอกลักษณ์ หากใครได้ยินก็คงจะจำได้” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“เจ้ากำลังบอกว่าชื่อของข้าฟังดูไม่ดีงั้นหรือ?”

 

“ไม่มีชื่อที่ฟังดูไม่ดี มีแต่คนเราเท่านั้นที่ไม่ดี” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“แล้วเจ้าคิดว่าชื่อของข้าฟังดูดีหรือไม่?”

 

“มันไม่สำคัญ”

 

“เจ้ามีไหวพริบที่ดี ตกลง เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าคงต้องขอเวลาสักหน่อยเพื่อกลับไปที่นิกายบงกชเทวะ แล้วข้าจะนำนางมาพบเจ้า” ติ๊หวู่สือฉากล่าวกับชิงสุ่ย

 

“มันจะใช้เวลานานหรือไม่?” ชิงสุ่ยถาม

 

“มันไม่มีเส้นทางที่ตายตัวสำหรับนิกายบงกชเทวะ มันไปถึงได้เร็วมากและเจ้าจะไม่ต้องรออีกต่อไป แน่นอนว่าข้าจะกลับมาก่อนปีใหม่”