บทที่ 1260 – ข้าจะไป,เมืองจักรพรรดิ

 

ชิงสุ่ยชื่นใจเมื่อได้ยินติ๊หวู่สือฉากล่าวอะไร อย่างไรก็ตามเขาคาดการณ์ไว้ก่อนว่าเขาจะได้พบพี่สาวคนโตของฮูยี่หย่าตอนปีใหม่ เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องคิดวิธีส่งข้อความให้กับติ๊เฉินก่อน

 

เขาหยิบจดหมายที่ติ๊เฉินทิ้งไว้ให้ออกมา หลังจากคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเขาก็ส่งมันให้กับติ๊หวู่สือฉา “โปรดมอบมันให้นาง เมื่อนางเห็นมัน นางจะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ “

 

เมื่อพูดออกมาคำเหล่านี้ออกไป เขารู้สึกสะเทือนอารมณ์

 

ติ๊หวู่สือฉารับจดหมายมาจากชิงสุ่ยและเก็บไว้อย่างระมัดระวัง เธอไม่ได้อ่านข้างในจดหมาย

 

“ข้าจะส่งจดหมายฉบับนี้ให้นางและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อโน้มน้าวให้นางออกมา ข้ารู้จักนางแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น ดังนั้นพวกเราแทบจะไม่ถือว่าเป็นสหายกันและนางมีเพื่อนน้อยมาก โดยพื้นฐานแล้วนางไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากนัก” ติ๊หวู่สือฉาอธิบายขณะที่เธอมองเขา

 

“ขอบคุณ ข้ารู้เรื่องนี้ดี” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม ขอบเขตการฝึกตนของติ๊เฉินได้เพิ่มสูงขึ้นในทันทีทันใด แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าระดับการฝึกตนในปัจจุบันของเธออย่างไร อาจเป็นเพราะว่าการฝึกตนของเธอก้าวหน้าเร็วเกินไปภายในระยะเวลาอันสั้น มันจึงส่งผลทำให้ลักษณะนิสัยของเธอเปลี่ยนไป เป็นไปได้ว่าเธอไม่สามารถทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมได้ มันทำให้เธอระวังผู้คนและสิ่งที่คิดถึงภายในใจ

 

แม้ในขณะที่เขามีประสบการณ์เพิ่มขึ้นอย่างมากในความแข็งแรงของเขากลับมาแล้วสิ่งต่างๆเช่นนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นเขารู้สึกว่า ติ๊เฉิน ต้องเพิ่มความแรงของเธอด้วยจำนวนที่น่าขัน การรับรู้ของเขายังบอกกับเขาว่าเธอต้องแข็งแกร่งกว่าปู่ปี่อายุที่มากที่สุดในปัจจุบัน ในความเป็นจริงเธอคงจะแข็งแรงกว่าเด็กเซนต์ หลังจากที่ทุกคนพระแม่มารีย์ของนิกายโลตัสก็เท่ากับศิษย์หัวหน้า

 

กลับกันแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์และความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น สิ่งต่างๆเช่นนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นเขารู้สึกว่าติ๊เฉินต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างยากที่จะหยั่งถึง ความรู้สึกของเขายังบอกอีกว่าเธอต้องแข็งแกร่งกว่าองค์หญิงใหญ่ตอนนี้ ในความเป็นจริงเธอคงจะแข็งแกร่งกว่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะเทียบได้กับผู้นำเหล่าสาวก

 

“ข้าคงต้องขอบคุณเจ้า กลับไปที่ตระกูลติ๊หวู่กับข้าวันนี้ก่อนแล้วข้าจะแนะนำเจ้ากับครอบครัวของข้า ข้าจะกลับไปยังนิกายบงกชเทวะในวันพรุ่งนี้” ติ๊หวู่สือฉายิ้มและกล่าว

 

“ข้าจะรอจนกว่าจะพบติ๊เฉิน ถึงตอนนั้นข้าจะไปเยี่ยมท่านและครอบครัวอย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยตอบหลังจากคิดอย่างรอบคอบ ถ้าเขาไปตอนนี้ มันก็เหมือนกับเขากำลังพยายามเอาความดีความชอบจากผู้อื่น มันจะดีกว่าสำหรับเขาที่จะเว้นช่วงสักระยะเวลาหนึ่ง

 

“ข้าไม่ว่าอะไร แต่ข้าต้องรีบกลับไปในวันนี้ เพราะข้าต้องออกเดินทางไปยังนิกายบงกชเทวะในวันพรุ่งนี้” ติ๊หวู่สือฉาย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับประเด็นของเธอ ขณะที่เธอมองไปรอบๆบริเวณนั้น เธอรู้สึกไม่เต็มใจที่จะออกไป เธออยู่ที่นี่มานานแล้ว ในอนาคตเวลาที่เธอจะได้อาศัยอยู่ที่นี่คงลดน้อยลงมาก อย่างไรก็ตามเธอยังวางแผนที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปในอนาคตเมื่อใดก็ตามที่เธอมีเวลา สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับเธอ

 

ชิงสุ่ยลุกขึ้นและกล่าวลา เธอต้องการให้เขาไปด้วย แต่เขาปฏิเสธ ด้วยเหตุดังกล่าวติ๊หวู่สือฉาจึงไม่ได้ขัดขวางเรื่องนี้ เธอมองไปในขณะที่ชิงสุ่ยขี่มังกรไอยราเกล็ดทองคำจากไป ลึกๆเธอรู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ใช่เพียงหมอที่เก่ง แต่เขาเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งเช่นกัน

 

ชิงสุ่ยกลับไปที่ตระกูลฮู เมื่อรู้ว่าเขารักษาติ๊หวู่สือฉาได้ พวกเขาทั้งหมดก็ถึงกับตกใจกลัว สิ่งแรกคือพวกเขาทั้งหมดพบว่ามันยากที่จะเชื่อ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร พวกเขาก็ไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อว่าเขารักษาเธอได้ เพราะพวกเขาทุกคนรู้มากกว่าใครๆเกี่ยวกับสภาพของติ๊หวู่สือฉา แม้กระทั่งยาสมุนไพรยามหัศจรรย์กระดูกมรณะและหมออาสุโสบางรายก็ไม่สามารถรักษามัน สุดท้ายแล้วพวกเขาได้สรุปไปว่ามันเป็นอาการที่ร้ายแรง

 

“ข้าเชื่อเจ้า ติ๊หวู่สือฉาฟื้นตัวแล้ว ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของตระกูลติ๊หวู่กำลังจะกลับมาเป็นเช่นเดิมอีกครั้ง” ฮูเย่จงยิ้มและกล่าว

 

“ข้าด้วย ชิงสุ่ยมีทักษะทางการแพทย์ที่พิเศษและไม่เหมือนใคร เพียงทักษะทางการแพทย์ของเจ้าอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก”

 

ทั้งฮูเย่จงและฮูอี้เหมินรู้ถึงความสามารถของเขามากกว่าใคร อันที่จริงแล้วเหล่าพี่น้องตระกูลฮูรู้สึกว่าชิงสุ่ยนั้นน่าเกรงขาม ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าขณะนี้พวกเขาเชื่อเช่นกัน เหตุผลที่ทำให้พวกเขาตกใจมากเป็นเพราะตระกูลหวู่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามไม่มีนักปรุงยาหรือหมอคนใดที่พวกเขาจ้างวานมาสามารถรักษาเธอได้

 

พ่อของฮูยี่หย่าพร้อมกับคนอื่นๆขอบคุณชิงสุ่ยอีกครั้ง พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีนักปรุงยาหรือหมอที่เก่งกาจแบบนี้ ผู้เป็นพ่อนึกไม่ถึงว่าลูกสาวตัวน้อยจะมีเพื่อนที่ทรงพลัง

 

ไม่มีใครสามารถเทียบกับฮูยี่หย่าในแง่ของความสุขที่เธอรู้สึกได้ เหตุการณ์นี้ทำให้หลายๆคนในตระกูลกำลังยกย่องเธอว่ามีสายตาที่แหลมคมในการได้พบกับชายหนุ่มผู้ที่เป็นทั้งหมอและนักปรุงยาที่น่าเกรงขาม สิ่งที่น่าสังเกตก็คือเนื่องจาก ชิงสุ่ยได้รักษาติ๊หวู่สือฉา เช่นนั้นแล้วตระกูลติ๊หวู่ก็จะเป็นหนี้บุญคุณเขาอย่างมหาศาล ดังนั้นเมื่อพิจารณาว่าชิงสุ่ยใกล้ชิดกับตระกูลฮู ผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้น่าจะเป็นตระกูลฮู

 

ความเป็นจริงตระกูลฮูมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับตระกูลติ๊หวู่ เหตุผลก็คือทั้งฮูอี้เหมินและฮูอวี้เซียนต่างก็สนิทสนมกับติ๊หวู่สือฉา ฮูอวี้เซียนคือผู้ที่เป็นพี่สาวของฮูยี่หย่าในนิกายบงกชเทวะ แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นเยาว์ของตระกูลจะช่วยให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้คนรุ่นหลังของตระกูลฮูเองก็มีศักยภาพที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นของฮูอวี้เซียน หากมันยังเป็นต่อไปเช่นนี้ ตระกูลฮูจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

 

หลายวันผ่านไปชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าตระกูลเฉินรู้ถึงที่อยู่ของเขาแล้ว เฉินฟู่ติงไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีก เขาไม่รู้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลติ๊หวู่หรือไม่ แต่ตอนนี้เหล่าคนระดับสูงรู้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นคือติ๊หวู่สือฉาฟื้นตัวแล้ว

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยพึ่งพบว่าติ๊หวู่สือฉาเป็นรองหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะ ความหมายว่าเธอคือตัวตนที่จะเข้ายึดครองตำแหน่งหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะได้ตลอดเวลา แม้ว่าเธอล้มเหลวที่จะทำเช่นนั้น เธอก็จะยังคงอยู่ในตำแหน่งที่สูง

 

ไม่มีสิ่งใดเป็นความลับที่แท้จริงในโลกนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างคนจากตระกูลติ๊หวู่จึงมาหาเขา นอกจากนี้ยังรวมถึงพ่อของ ติ๊หวู่สือฉา ชิงสุ่ยไม่ทราบว่าเป็นเพราะติ๊หวู่สือฉาบอกตระกูลของเธอว่าเขาเป็นคนรักษาเธอหรือไม่

 

เขาเป็นชายที่ดูดีมากและดูราวกับว่าเขาแค่อยู่ในช่วงวัยกลางคน อย่างไรก็ตามเหมือนว่าเขาจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจผู้อื่นที่มองดูรูปลักษณ์ของเขา นี่เป็นชายที่น่าสนใจมาก นอกจากนี้เขายังแข็งแกร่งมาก เมื่อได้พบกับชิงสุ่ย เขารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

 

“ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าคงจะเป็นคุณชายชิง ข้า ติ๊หวู่ หวงอวี้ ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือลูกสาวของข้า ข้าสงสัยว่าเจ้าพอจะมีเวลาว่างไปเยือนคฤหาสน์ของข้าเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับคเจ้าหรือไม่?” ชายผู้นี้กล่าวอย่างจริงจัง น้ำเสียงฟังดูจริงใจมาก เขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถมองเห็นเบื้องลึกของชายผู้นี้ได้

 

“ท่านติ๊หวู่ ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี เหตุผลที่ข้ารักษาลูกสาวของท่านก็เพราะข้าอยากช่วยนางจริงๆ ท่านไม่ต้องรู้สึกติดหนี้บุญคุณอะไรเลย” ชิงสุ่ยจับมือและตอบอย่างรวดเร็ว

 

“มันอาจไม่มีอะไรสำหรับเจ้า แต่กับพวกเรามันเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงที่พวกเราไม่สามารถตอบแทนให้ได้ อย่างไรก็ตามช้ายังอยากจะขอบคุณเจ้าจากใจจริง” ติ๊หวู่หวงอวี้เผยรอยยิ้มที่จางๆบนใบหน้าของเขา น้ำเสียงของเขาดูจริงจังยิ่งขึ้นเมื่อกล่าวคำเหล่านี้ เมื่อเป็นสิ่งที่ต้องจริงจัง เขาจะทำมันอย่างเต็มที่ นี่คือทัศนคติของเขา บางครั้งทัศนะคติของแต่ละบุคคลจะเป็นตัวตัดสินผลของบางสิ่งบางอย่าง

 

คำพูดของเขาทำให้ชิงสุ่ยประทับใจเขามากขึ้น เหตุผลเพราะชิงสุ่ยเป็นคนแบบนี้

 

“งั้นเอาอย่างนี้ เมื่อท่านหญิงติ๊หวู่กลับมา ข้าจะหาเวลาไปเยี่ยมเยือนท่าน ท่านคิดว่าเป็นเช่นไร?”

 

ติ๊หวู่หวงอวี้คิดเรื่องนี้อยู่สักระยะหนึ่ง “เอาเถอะ ประตูตระกูลติ๊หวู่เปิดรับเจ้าเสมอ ตระกูลติ๊หวู่จะจดจำบุญคุณที่เจ้าได้ทำไว้กับพวกเราตลอดไป”

 

ติ๊หวู่หวงอวี้จากไป ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรเพื่อหยุดยั้งเขา เขาเป็นคนง่ายๆ เขาช่วยเพราะเขาต้องการพบติ๊เฉิน การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

 

สำหรับวันที่เหลือ ชิงสุ่ยใช้เวลาไปกับการเดินรอบๆเมืองจักรพรรดิ ไม่ว่าในกรณีใดๆเขาไม่มีอะไรจะทำ ในเวลากลางคืนเขาจะเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อฝึกฝน ในขณะที่ช่วงกลางวันเขาจะยังคงเดินดูไปรอบๆ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ในตระกูลฮูนานนัก

 

โดยไม่ทันสังเกต  1 เดือนผ่านไป ชิงสุ่ยไม่ได้ไปไหนไกล เมืองจักรพรรดิมีขนาดใหญ่มากและมันก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะหาความสนุกสนาน

 

ร้านช่างตีเหล็กแห่งเมืองจักรพรรดิ!

 

ชิงสุ่ยได้เห็นอาคารอันงดงามที่ตั้งตระหง่าน หลังจากที่เขาเห็นคำเหล่านั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปในร้าน

 

มีผู้คนมากมายที่นี่ นักรบหลายคนเข้ามาและออกไป จากกลิ่นอายของพวกเขา ชิงสุ่ยรู้สึกว่าพวกเขาเป็นนักรบที่อยู่ในขั้นผู้พิทักษ์เทวะธรรมแล้ว มีแม้แต่ผู้ที่เกือบจะแข็งแกร่งกว่าพ่อของฮูยี่หย่า

 

ด้านนอกของอาคารดูสง่างามและน่าเกรงขาม การออกแบบภายในดูเรียบง่าย ทันทีที่ชิงชุ่ยเข้ามา สายตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น นี่เป็นเหล่าสิ้นค้าที่ยอดเยี่ยม มันไม่ใช่แค่ดูงดงาม

 

ร้านช่างตีเหล็กแห่งเมืองจักรพรรดิ ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าเป็นของใครจากกลุ่มราชวงศ์หรือไม่ แต่หากพิจารณาจากผู้ที่กล้าใช้คำว่าเมืองจักรพรรดิในเมืองนี้ นั่นก็นับว่าหาได้ยากมาก เหตุผลก็คือมีเพียงผู้คนจากกลุ่มราชวงศ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้

 

ทันทีที่เขาเดินเข้ามา เขารู้ว่าภายในของร้านใหญ่โตมาก มันมีความยาวและกว้างกว่า 300 เมตร มีชั้นวางของที่วางสินค้าเรียงรายกันอยู่เป็นแถว มีทั้งอาวุธ ชุดเกราะ โล่ และของอื่นๆ สถานที่แห่งนี้กล่าวได้ว่ามีสินค้ามากมาย

 

ชิงสุ่ยสังเกตว่าช่างตีเหล็กที่นี่มีค่อนข้างน้อย แม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างดูดี แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้ บรรดาผู้ที่ได้รับคำชมเชยจากเขาต้องเป็นคนที่ดีจริงๆ

 

“คุณชาย ท่านต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ชิงสุ่ยและถามเขาอย่างสุภาพ

 

“ข้าขอเดินดูไปรอบๆก่อน ถ้ามีอะไรที่ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะเรียกหาเจ้า” ชิงสุ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

 

……

 

“วัตถุดิบ?”

 

ชิงสุ่ยยืนอยู่หน้าชั้นวางของยาวเหยียดและมองไปที่แร่ชนิดต่างๆที่วางอยู่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งต่างๆที่น่าสนใจเช่หนังอสูรกับวัตถุดิบจำนวนมากที่ถูกนำมาแสดงที่นี่ มันเป็นของที่มีคุณภาพสูง นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ร้านช่างตีเหล็กธรรมดาไม่สามารถเปรียบเทียบได้

 

เมื่อเทียบกับสินค้าที่มีอยู่ ชิงสุ่ยสนใจวัตถุดิบมากกว่า สินค้าที่นี่ค่อนข้างดี แต่น่าเสียดายที่เขามีหินหยางสวรรค์ หยกอินทนิล แร่ดาวตก ศิลาจันทรา และวัตถุล้ำค่าอื่นๆแล้วในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาเพียงแค่มองดูเท่านั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เขาสะดุดตาได้

 

ชิงสุ่ยเดินตามแนวยาวของชั้นวางของ คนที่นี่มักออกจากสถานที่นี้แล้วกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อหาวัตถุดิบ คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพียงแค่หาสิ่งที่พวกเขาชอบเท่านั้น อันที่จริงแล้วเมื่อบรรลุถึง 1,000 สุริยา เขาหรือเธอจะไม่มาที่นี่เพื่อมองหาวัตถุดิบ

 

ช่างตีเหล็กที่แท้จริงจากกลุ่มราชวงศ์ไม่ได้อยู่ที่นี่ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะหลอมสิ่งของที่นี่ เหล่าตระกูลขุนนางมักจะดึงดูดนักรบที่แข็งแกร่งโดยอาศัยเทคนิคการต่อสู้ เกราะ อาวุธ และยารักษาโรค

 

ในขณะนี้ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่นี่ที่เขาต้องการ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับความแข็งแกร่งของเขาที่จะก้าวกระโดดขึ้นในช่วงเวานี้ สำหรับอาวุธ ชุดเกราะ และยาเม็ดนั้นเขามีทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นความตั้งใจของเขาที่เข้ามาก็เพียงเพื่อมองดูรอบๆมากกว่าที่จะหาสิ่งที่เขาต้องการ

 

มีผู้คนจำนวนมากที่เดินดูไปรอบๆบริเวณวัตถุดิบ มีโอกาสมากที่พวกเขากำลังมองหาวัตถุดิบในการหลอมอาวุธของพวกเขา โดยปกติการรับรู้ทางจิตวิญญาณของชิงสุ่ยจะถูกเปิดใช้งานในขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขา

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ยอดเยี่ยม มันไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่มันก็สงบผิดปกติ เขากวาดสายตาและเห็นหินสีดำที่เป็นประกายซึ่งมีขนาดเกือบเท่ากำปั้น อาจกล่าวได้ว่าสะดุดตาเป็นพิเศษ