ลู่เจี้ยมาแล้ว และก็ไปแล้ว
นอกจากเจียงหลี ก็ไม่มีใครรู้
อวี้ซูรู้เพียงว่า ในตอนที่นางมารับใช้ในวันรุ่งขึ้น จักรพรรดินียิ้มสดใสมากเป็นพิเศษ ความห่อเหี่ยวก่อนหน้าก็หายไป
“ฝ่าบาท มีเรื่องที่น่าดีใจอะไรเกิดขึ้นหรือ” ในตอนที่แต่งตัวให้เจียงหลี อวี้ซูอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้
เจียงหลียิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ได้เจอกับคนที่อยากเจอ ถือเป็นเรื่องน่าดีใจได้ไหม”
“คนที่อยากเจอหรือ” อวี้ซูยิ่งอยากรู้มากขึ้น
นางอยู่ข้างๆ คอยรับใช้เจียงหลีทุกวัน ทำไมถึงไม่รู้ว่าคนที่นางอยากเจอคือใคร นอกเสียจาก…อวี้ซูตกใจ แววตาเผยความประหลาดใจออกมา
นางมองเจียงหลี ท่าทางที่เบิกบานใจนั้น กลับทำให้นางเป็นห่วง ฝ่าบาทผิดปกติรึเปล่า หรือเป็นเพราะเมื่อคืนฝันถึงนายน้อย
อวี้ซูกัดริมฝีปากล่างเบาๆ แววตาปิดบังความเป็นกังวลใจ
นางกลัวว่าถ้าเจียงหลีเป็นแบบนี้ต่อไป จะแยกไม่ออกระหว่างเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง
“ฝ่าบาท วันนี้เป็นวันหาหนุ่มรูปงามเข้าวังกลุ่มแรก” คิดไปคิดมา อวี้ซูพูดเตือน ทันใดนั้น นางก็คิดว่าถ้าหากหนุ่มรูปงามเหล่านั้นสามารถเอาใจของฝ่าบาทจากนายน้อยที่ตายไปแล้วได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“อืม เกือบจะลืมเรื่องไปแล้ว” เจียงหลีนึกออกทันที คำพูดที่เอามายั่วยุลู่เจี้ยเมื่อคืน วันนี้ก็จะเป็นจริงแล้ว
ปล่อยให้ผู้ชายเข้ามาตำหนักในหรือ ต่อให้ลู่เจี้ยยอม นางก็ไม่มีทางตอบรับ!
สิ่งที่ทำก่อนหน้า เดิมเพราะอยากยั่วโมโหเขา ขู่เขา แต่ดูจากปฏิกิริยาของเขาเมื่อคืนแล้ว เหมือนว่าตัวเองทำเรื่องโง่ๆ ลงไป
เหมือนเขาไม่รู้เรื่องที่ตัวเองตามหาหนุ่มรูปงามเข้าวังเลยตั้งแต่แรก!
แต่ว่าทำแบบนี้ก็ได้บรรลุจุดประสงค์บางอย่างไปด้วยเหมือนกัน เจียงหลีก็ปล่อยไปตามนั้น
“ไปดูกัน” เจียงหลีลุกขึ้น แล้วเดินออกจากตำหนักหวงจี๋
…
ในตอนที่หาชายรูปงามให้เจียงหลีในราชวงศ์จยาเซียนอย่างโจ่งแจ้ง ซีเฉียนก็ส่งทหารไปยังสุ่ยหัน
มณฑลสุ่ยหัน เดิมก็คืออาณาจักรสุ่ยหัน
อาณาจักรที่ตั้งอยู่ระหว่างจยาเซียนและซีเฉียน อ่อนแอมานาน ราชวงศ์อ่อนแอไร้ความสามารถ ไม่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่อะไร
กองกำลังทหารในอาณาจักร ยิ่งอ่อนแอจนไม่อาจทนแรงกระทบใดๆ กำลังของชาติสูญเปล่า
ได้จังหวะสับเปลี่ยนอำนาจพอดี ในตอนที่อำนาจการปกครอง อำนาจการทหารตกอยู่ในความโกลาหลทหารและผู้บังคับบัญชาฝีมือดีของซีเฉียนก็บุกเข้าไปในแนวป้องกันชายแดนโดยตรง และมาถึงสุ่ยหัน
เมืองซู่หย่วน มณฑลสุ่ยหัน
นี่คือเมืองชายแดนของอาณาจักรสุ่ยหันที่ใกล้กับอาณาจักรซีเฉียนที่สุด เดิมทีที่นี่ยังสร้างตลาดการค้าในเขตชายแดนเป็นการเฉพาะไว้ไม่น้อย แต่ในวันนั้นที่อาณาจักรซีเฉียนตัดสินใจบุกเข้าโจมตีสุ่ยหัน กลับพากันปิด
กองกำลังทหารที่นี่มีเพียงแค่ห้าพันคน และส่วนมากก็ไม่มีประสบการณ์ในการรบมาก่อน เผชิญกับกองกำลังทหารนับแสนคนที่มาถึงยังกับเทพเจ้าและปีศาจ นายพลทหารที่เฝ้าป้องกันรีบพาพวกพ้องหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
นายพลทหารหนีไป กองกำลังทหารห้าพันคนก็หนีไปอีกสามพันคน
เหลืออยู่สองพันคน ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีที่ไป หรือเพราะว่าจิตสำนึกในใจนั้น ทำให้เลือกที่จะอยู่
แต่ทว่า กำลังทหารแบบนี้ ไม่สามารถหยุดยั้งกองทัพทหารของซีเฉียนได้แม้ชั่วยามเดียว
สงคราม สถานการณ์ที่ถึงจุดเดือด พอแตะก็ปะทุ รวดเร็วจนคนตั้งรับไม่ทัน!
“ฆ่ามันนน!”
เสียงเข่นฆ่าโรมรัน ดังขึ้นในเมืองซู่หย่วน
ประตูเมืองที่พุพังนั้น ถูกกองทัพซีเฉียนเปิดออกอย่างง่ายดาย กองกำลังหารนับหมื่นคนของซีเฉียน บุกเข้ามาจากด้านนอกประตูเมือง พวกเขาเป็นเพียงกองทัพหน้าของซีเฉียน กองทัพจริงๆ ประจำการอยู่ในที่ห่างจากเมืองซู่หย่วนสิบกว่าลี้
ทหารเฝ้าป้องกันสองพันคน ต่อสู้กับศัตรูอย่างสุดพลัง แต่กลับไม่สามารถแก้สถานการณ์ได้
ทหารหมื่นคนนี้ของซีเฉียน บุกเข้ามาในเมือง เผาทำลายเมืองย่อยยับ ฆ่าฟันอย่างไร้ความปราณี
ในเมืองซู่หย่วน กลายเป็นทะเลเพลิง เสียงร้องไห้ของประชาชน เสียงหัวเราะที่โอหังของทหารซีเฉียน เสียงร้องขอให้ช่วยชีวิตของเหล่าหญิงสาว เสียงร้องไห้ของเด็กๆ เสียงขอร้องวิงวอนของคนแก่ ดังปะปนกัน กลายเป็นเสียงที่สิ้นหวังที่สุดในเมืองชายแดนแห่งนี้
การเข่นฆ่าโรมรันในวันเดียว ในเมืองซู่หย่วน นอกจากประชาชนที่โชคดีหนีไปได้บางส่วน เหลือเพียงซากศพที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณเต็มพื้นไปหมด
ข่าวการบุกรุกของทหารซีเฉียน แพร่ไปถึงจวนจวิ้นหวังแห่งมณฑลสุ่ยหันอย่างรวดเร็ว
อดีตจักรพรรดิพระองค์นี้ หลังจากที่ได้รับข่าวสาร ตกใจจนขาอ่อน ล้มนั่งลงกับพื้น วิธีเดียวที่นึกออกก็คือไปขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์จยาเซียน!
…
ในพระราชวังของราชวงศ์จยาเซียน บนบัลลังก์ที่เป็นสัญญาลักษณ์ของจักรพรรดิแห่งใต้หล้านั้น มีหญิงสาวที่สวมใส่ชุดมังกรสีดำนั่งอยู่
นางเอนกายลงบนพนักพิงของบัลลังก์ที่งดงามอย่างเกียจคร้าน มองไปยังชายรูปงามที่ยืนอยู่เต็มวังไปหมดด้วยความไม่สนใจ
อวี้ซูพาหญิงรับใช้ในวังมาเดินดูหนุ่มรูปงามเหล่านี้อย่างละเอียด ผู้สมัครที่แม้แต่นางก็เห็นว่าไม่ผ่านก็ถูกคัดออกไปด้านนอก
“เจ้า ออกไป”
“เจ้า… แล้วก็เจ้า…ออกไป”
“เจ้าก็ออกไปด้วย!”
อวี้ซูคัดเลือกอย่างเต็มที่ ดูผู้ชายมากมายขนาดนี้ นางก็รู้สึกว่าตัวเองตาลายนิดหน่อย แอบมองนายท่านของตัวเอง ถึงเห็นว่านายท่านนั่งหาวอยู่บนบัลลังก์มังกรแล้ว
“เจ้า ออกไป” อวี้ซูเลิกมอง ยกมือขึ้นชี้ผู้ชายข้างๆ คนหนึ่ง
ชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เห็นคู่แข่งน้อยลงเรื่อยๆ ราชินีคนนั้นก็งดงามจริงๆ ในใจเริ่มเพ้อฝันมากยิ่งขึ้น
แต่ว่า ความได้ใจ กลับถูกอวี้ซูทำลายลง
ทันใดนั้น เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าเป็นแค่หญิงรับใช้ในวัง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินให้พวกเราอยู่หรือไป” เขามองไปทางเจียงหลี พูดด้วยแววตาที่ทุ่มเทความรักให้ออกมา “พวกเรามาเพื่อฝ่าบาท จะอยู่หรือจะไปก็ควรเป็นฝ่าบาทที่พูดเอง”
อวี้ซูขมวดคิ้ว ใบหน้าเผยความเยือกเย็นออกมา
“เจ้า…”
“พวกเจ้าจะให้ข้าเลือกจริงๆ รึ”
ในตอนที่นางเตรียมจะเรียกองครักษ์มาจับคนที่สร้างเรื่องโยนออกไปนอกวัง เจียงหลีกลับพูดขึ้นมา
นางใช้มือข้างหนึ่งท้าวคาง พิงบัลลังก์มังกร มองผู้ชายเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นด้วยสายตาที่หยอกเย้า
“ฝ่าบาท ข้ามาเพื่อท่าน ฝ่าบาทได้โปรดเลือกด้วยตัวเอง”
“ฝ่าบาท ได้โปรดเลือกด้วยตัวเอง”
“…”
เจียงหลียิ้มออกมาอย่างหยอกเย้า ขี้เกียจพูด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ออกไปให้หมด”
ผู้คนส่งเสียงดังอื้ออึง!
ชายรูปงามทั้งวัง มองนางอย่างไม่ยากจะเชื่อ
“เพราะเหตุอันใดรึ! ฝ่าบาท”
“เพราะว่าพวกเจ้าทุกคนขี้เหร่เกินไป” เจียงหลีตอบตรงๆ
อวี้ซูยิ้มออกมา พยายามกลั้นยิ้ม ดูสิว่านางอ่อนโยนแค่ไหน คนที่หาเรื่องใส่ตัวกลุ่มนี้ จะให้ฝ่าบาทของนางพูดให้ได้
มองไปยังผู้คนที่งงงัน ไม่อยากจะเชื่อ เหล่าชายรูปงามที่ถูกทำร้ายจิตใจ อวี้ซูพูดอย่างเร็วว่า “องครักษ์ ฝ่าบาทมีคำสั่งให้ไล่พวกเขาออกจากวังไป!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง องครักษ์ในวังปรากฏตัวขึ้นทีละคนๆ ไล่เหล่า ชายรูปงาม ออกจากวังไปโดยไม่ยอมให้พูดอะไรทั้งสิ้น
หลังจากรอให้สงบ อวี้ซูมองพวกคนที่ถูกไล่ออกไปเหล่านั้น ถอนหายใจ พูดในใจ นายท่านของข้าอยู่ภายใต้ความสง่างามของนายน้อยจนชิน แล้วจะชอบคนธรรมดาสามัญอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร
เก็บความรู้สึกนึกคิด อวี้ซูหันไปยิ้มให้เจียงหลีอย่างอ่อนโยน “ฝ่าบาท กลุ่มแรกก็เป็นแบบนี้แล้ว ที่เหลือจะให้เข้าวังไหมเพคะ”
“ให้! ให้เข้าแน่นอน! ชายรูปงามจากตระกูลสูงศักดิ์เหล่านั้น ยังไม่มาไม่ใช่หรือ” เจียงหลีพูดอย่างหยอกเย้า
ตอนนี้ ลู่จ้านกลับรีบเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ซีเฉียนส่งทหารบุกมณฑลสุ่ยหันขอรับ!”
ฟุบ!
ทันใดนั้น เจียงหลีก็ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์มังกร ความเกียจคร้านในแววตาที่สดใสสลายหายไป