“อวี้ซู กระจายคำสั่งออกไป คัดเลือกชายรูปงามต่อ แต่จะเข้าวังเมื่อไหร่รอข้าตัดสินใจ” เจียงหลีพูดกับอวี้ซู
อวี้ซูแววตาเป็นกระกายแวบหนึ่ง นำสาวใช้ในวังหันตัวเดินออกไป
เจียงหลีเดินมาจากบัลลังก์มังกร ถามลู่จ้านว่า “เล่ารายละเอียดมา”
ลู่จ้านเอารายงานศึกสงคราม แล้วก็จดหมายขอความช่วยเหลือของจวิ้นหวังแห่งสุ่ยหันออกมา ยื่นให้เจียงหลีพร้อมกัน พูดสรุปให้ฟังว่า “รายงานการทหารของพวกเราและจดหมายขอความช่วยเหลือของจวิ้นหวังแห่งสุ่ยหันเกือบจะมาถึงในเวลาเดียวกัน ครึ่งเดือนก่อน จู่ๆ ซีเฉียนก็นำกองทัพทหารกว่าสี่แสนคน บุกเข้าโจมตีเมืองซู่หย่วน มณฑลสุ่ยหันอย่างรวดเร็ว เมืองซู่หย่วนมีทหารเฝ้าป้องกันห้าพันคน ภายใต้การนำของผู้บังคับบัญชา ถูกโจมตีจนหนีไปสามพันคน เหลือเพียงสองพันคนต่อสู้กับทหารกองหน้าของซีเฉียน หนึ่งหมื่นคน ชั่วยามเดียว เมืองซู่หย่วนถูกตีแตก ทหารซีเฉียนสังหารผู้คนในเมืองตามอำเภอใจ กระทำชำเราผู้หญิง ปล้นชิงทรัพย์สิน เมืองซู่หย่วนในตอนนี้ได้กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว ทหารซีเฉียนได้ใช้เมืองซู่หย่วนเป็นฐานทัพ หลังจากที่ปรับปรุงหนึ่งวัน ก็เริ่มสังหารคนรอบๆ ต่อ ในตอนที่จดหมายการทหารนี้ส่งกลับมา ได้มีสิบเมืองที่ถูกยึดไปแล้ว ที่ๆ ทหารซีเฉียนไป ประชาชนตกอยู่ในความทุกขเวทนา แม้หญ้าก็ยังไม่อาจจะขึ้น”
“เป้าหมายของซีเฉียนก็คือต้องการจะฉวยโอกาสแย่งชิงดินแดน” เจียงหลีค่อยๆ กำรายงานศึกสงครามและจดหมายขอความช่วยเหลือในมือแน่น
ลู่จ้านพยักหน้า มองเจียงหลี รอรับคำสั่งจากนาง เขาไม่พูดปัญหาเหล่านี้ในวันนี้ ลู่เจี้ยคาดเดาไว้แล้ว แต่ไม่ได้ออกคำสั่งอะไร
เพียงเพราะว่า เขาพูดว่าจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ต้องสร้างบารมีและชื่อเสียง ต้องทำคุณงามความดีเพื่อทำให้คนทั้งใต้หล้าหุบปาก
ดังนั้น
แสงแวววาวในตาลึกๆ ของลู่จ้านส่องสว่าง ประชาชนเหล่านั้นของมณฑลสุ่ยหันก็คือรากฐานบารมีและชื่อเสียงของจักรพรรดินีเจียงหลี
โหดร้ายทารุณหรือไม่
โหดร้ายทารุณอย่างแน่นอน!
“กระจายคำสั่ง! สั่งให้แม่ทัพป้องกันพรมแดนซีฝาง รีบรวบรวมกำลังทหารสองแสนคน มุ่งหน้าสู่มณฑลสุ่ยหัน จัดการข้าศึกซีเฉียน” เจียงหลีไม่ได้ครุ่นคิดนาน ก็ออกคำสั่ง “สั่งให้ท่านนายพลทหารของประเทศเจียงเฮ่า รีบรวบรวมกำลังทหารสองแสนคน มุ่งหน้าสู่ชายแดน สั่งให้จวิ้นหวังแห่งมณฑลสุ่ยหันรีบรวบรวมกำลังทหารที่ยังใช้การได้ มุ่งหน้าสู่ชายแดน ทุกเมืองในมณฑลสุ่ยหันที่ยังไม่ถูกโจมตี ปิดประตูเมืองชั่วคราว ป้องกันข้าศึกบุก!”
ลู่จ้านจดคำสั่งของเจียงหลีอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ เจียงหลีมองเขา พูดเสียงเข้มว่า “ลู่จ้าน สถานการณ์ในราชวงศ์ไม่มั่นคง เจ้าเฝ้าป้องกันอยู่ที่นี่ทุกทิศทาง ถ้าหากมีปีศาจหรือคนเลวมาก่อกวนสร้างความวุ่นวาย ข้าอนุญาตให้เจ้าฆ่าก่อน แล้วค่อยรายงานข้าได้เลย”
“ขอรับ!” ลู่จ้านพูดด้วยน้ำเสียงดังกังวานและเต็มไปด้วยพลัง แต่ก็เดาความคิดของเจียงหลีที่จะไปชายแดนด้วยตัวเองได้
“เซียวเซียว!” เจียงหลีตะโกนเสียงดัง
เซียวเซียวปรากฏตัวในพระราชวัง ทำความเคารพต่อเจียงหลี
“นำคนของเจ้าไปยังชายแดนให้เร็วที่สุด ลอบสังหารหัวหน้าทหารในแต่ละขั้น” เจียงหลีพูดกับเขา
เซียวเซียวแววตาเป็นประกาย เข้าใจเจตนาของเจียงหลี
กลุ่มคนที่ขาดหัวหน้า ถึงจะสามารถยืดเวลาการรุกรานออกไปได้!
“ฝ่าบาท ท่านจะมุ่งหน้าไปยังชายแดนคนเดียวรึ” เห็นเจียงหลีสั่งคนรอบๆ ตัวออกไปหมด ลู่จ้านถึงได้ถามขึ้นมา
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้าง เสียงพูดเข้มว่า “ต้องรวบรวมทหารจากทุกที่ ต้องใช้เวลา รอให้กองกำลังทหารไปถึง ไม่รู้ว่าจะต้องมีอีกกี่คนที่ต้องตายด้วยน้ำมือของกองทัพซีเฉียน ข้าต้องนำไปก่อนก้าวหนึ่ง”
“นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว!” ลู่จ้านพูดอย่างไม่เห็นด้วย
เจียงหลีไปชายแดนด้วยตัวเองได้ แต่ไปคนเดียวลำพังไม่ได้
“วิธีของข้า ข้าต้องไปได้แค่คนเดียว” หลังจากที่เจียงหลีพูดทิ้งท้ายไว้ ก็หันตัวแล้วจากไป
นางออกจากวังเพียงลำพัง ที่ๆ ไปไม่ใช่ประตูเมือง แต่เป็นสถาบันไป๋หยวน
“จักรพรรดินี ทำไมวันนี้เจ้าถึงมีเวลาว่างมาหาข้า”
เจียงหลีปรากฏตัวตรงหน้าตัวเองอย่างกะทันหัน หลังจากที่หนานอู๋เฮิ่นนิ่งไป ก็ยิ้มหยอกล้อ
น่าเสียดาย ที่วันนี้เจียงหลีไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเขา ใบหน้าที่เคร่งขรึมยากที่จะได้เห็นของนาง พูดกับหนานอู๋เฮิ่นว่า “ท่านอาจารย์หนาน ทหารซีเฉียนบุกมณฑลสุ่ยหัน เข้ายึดไปสิบเมืองแล้ว ข้าต้องรีบไปที่ชายแดนเพื่อยับยั้งทุกอย่าง ข้ามาหาท่าน เพื่อที่อยากจะขอกระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลา” แค่มีกระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลา ถึงจะสามารถไปถึงชายแดนมณฑลสุ่ยหันได้อย่างรวดเร็วที่สุด
หนานอู๋เฮิ่นหุบยิ้ม ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าจะไปคนเดียวรึ”
เจียงหลีพยักหน้า แต่ยังไม่ลืมที่จะฉวยโอกาสพูดประชด “ใครใช้ให้กระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลาของพวกท่านพาไปได้แค่ครั้งละคน แล้วก็ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวล่ะ”
“ไม่มีเหตุผล ยังทำเป็นมีเหตุผล” หนานอู๋เฮิ่นยกมือขึ้นฟาดไป แต่ถูกเจียงหลีหลบได้
ในมือที่ตีพลาดไป ทันใดนั้นกลับมีกระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นอันหนึ่ง
พอเห็นกระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลา เจียงหลีตาเป็นประกาย ยื่นมือออกไปเอา
แต่หนานอู๋เฮิ่นกลับหลบ พูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นหลิงไซว่ แต่ว่าคนๆ เดียวต้องการจะหยุดยั้งกองทัพทหาร ยังอันตรายเกินไป อีกทั้งฐานะในตอนนี้ของเจ้าต่างออกไป ถ้าหากถูกกองทัพของซีเฉียนรู้ว่าเจ้าปรากฏตัวแล้ว เกรงว่าจะจับกุมเจ้าโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”
“ข้ารู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่” เจียงหลีมองเขาด้วยความซาบซึ้ง “ท่านอาจารย์หนานคือคนของสถาบันไป๋หยวน กฎของสถาบันไป๋หยวนก็คือไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ถ้าหากท่านอาจารย์หนานทำผิดเพราะข้า เกรงว่าจะเป็นการดึงสถาบันไป๋หยวนเข้ามาเกี่ยว”
หนานอู๋เฮิ่นคิดหนักมาก คำพูดของเจียงหลี เลยทำให้เขาต้องคิดให้รอบคอบ
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก” เจียงหลีหยิบกระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลามาจากในมือของเขา ข้างกายนาง ยังมีเงาที่พลังขั้นหลิงจงอีกด้วย ด้วยความเร็วของเขา น่าจะหานางที่มณฑลสุ่ยหันเจอได้อย่างรวดเร็ว
เห็นท่าทางที่แน่วแน่และมีแผนไว้ในใจของนาง หนานอู๋เฮิ่นทำได้เพียงพยักหน้า “ก็ได้! เจ้าก็ระวังตัวด้วย ถ้าหากต้องการความช่วยเหลือ ก็ใช้สิ่งนี้ส่งข้อความให้ข้า” พูดไป เขาก็หยิบกระดาษที่คุณสมบัติพิเศษออกมาแผ่นหนึ่ง “เจ้าเพียงแค่เขียนคำพูดที่อยากบอกบนนี้ ข้าก็จะได้รับ”
“ร้ายกาจอะไรเช่นนี้!” เจียงหลีประหลาดใจมาก
“นี่เรียกว่ากระดาษจื๋อหมู่ ไว้วันหลังจะค่อยๆ อธิบายแก่เจ้า” หนานอู่เฮิ่นอธิบายง่ายๆ มาประโยคหนึ่ง
เจียงหลีพยักหน้า
นางรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นกระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลาหรือกระดาษจื๋อหมู่ ล้วนแต่มาจากซีฮวงอย่างแน่นอน ของเหล่านี้ หนานฮวงไม่มี แต่ซีหวงกลับมี ความแตกต่างแบบนี้ ทำให้นางยิ่งสงสัยในซีฮวงขึ้นมา
กระสวยทอผ้าแห่งกาลเวลา ในระหว่างที่กระพริบตา ก็สามารถไปถึงที่ๆ อยากไปได้
ในตอนที่เจียงหลีลืมตาอีกครั้ง นางไม่ได้อยู่ในสถาบันไป๋หยวนแล้ว แต่อยู่ที่ๆ มีแต่ซากปรักหักพัง นี่คือกำแพงเมืองที่พังทลาย ทุกที่ล้วนแต่หลงเหลือร่องรอยของการถูกเผาไหม้
บนพื้น เต็มไปด้วยศพ ซากศพของผู้หญิงเหล่านั้นล้วนแต่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
แววตาของเจียงหลีเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ จิตสังหารอยู่รอบๆ ตัว
สายตาที่มองไปรอบๆ ของนาง ร่องรอยการเข่นฆ่าเหล่านั้น จุดไฟความโกรธแค้นในใจของนางอย่างต่อเนื่อง การสังหารที่ป่าเถื่อน การปล้นชิงที่สูญสิ้นซึ่งความเป็นคน ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก!
เจียงหลีเดินตามร่องรอยไฟสงครามไปข้างหน้า พื้นดินไหม้ตลอดทาง เมืองที่ถูกทำลาย ซากศพที่มากมายนับไม่ถ้วน ล้วนแต่กำลังร่ำไห้กับนาง ราชินีพระองค์นี้ด้วยความสิ้นหวัง
ยิ่งเดินไปข้างหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ แววตาขอนางก็ยิ่งเยือกเย็นมากขึ้นเท่านั้น จิตสังหารที่มีต่อกองกำลังทหารซีเฉียนก็ยิ่งมากขึ้นด้วย
ประชาชนคือรากฐานของประเทศ! พวกเขาฆ่าแบบนี้ ก็ไม่สนใจว่าประชาชนประเทศอื่นเลยว่าจะอยู่หรือตาย ผู้รุกรานเช่นนี้ ที่จริงแล้วไม่ได้ทำเพื่อยึดครอง แต่เพื่อสังหาร!
อ้ากกก!
ทันใดนั้น เสียงร้องที่น่าเวทนาก็ดังมาจากไกลๆ ทำให้เจียงหลีหยุดลง
ไม่ได้มีความลังเลใดๆ ร่างของนางแวบหายไปจากที่เดิม มุ่งไปทางเสียงนั้น