บนพื้นดินที่ถูกเผาไหม้ ทุกอย่างพังพินาศไปหมดหลังเกิดสงคราม
เมืองที่ครึกครื้นสงบสุขในเมื่อก่อน มาวันนี้เสื่อมโทรมกลายเป็นเมืองร้าง ทุกที่ล้วนมีแต่ซากปรักหักพังของบ้านเรือน ซากศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้นไปหมด
เสียงหัวเราะที่โหดร้าย ดังขึ้นมาในเมืองที่ว่างเปล่า
ในเสียงหัวเราะนั้น มีความหยอกเย้าและความป่าเถื่อนอย่างมาก
“พวกเดรัจฉาน!” เสียงที่โมโหมาจากคนแก่คนหนึ่ง
ข้างๆ เขา มีคนยื่นอยู่เต็มนับร้อยคน ล้วนแต่เป็นคนแก่ที่ร่างกายอ่อนแอ และยังมีผู้หญิงและเด็ก พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ บนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเลือด เสียหายอย่างมาก
ใบหน้าเป็นด่างๆ ดำๆ มวยผมยุ่งเหยิง
และที่ตรงกันข้ามกับพวกเขาก็คือกองกำลังทหารซีเฉียนที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มีประมาณสามสี่ร้อยคน ตรงกลางระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน มีซากศพผู้หญิงตั้งท้องนอนจมกองเลือดอยู่ เสื้อผ้าของนางถูกดึงออก ท้องที่โผล่ออกมาก็ถูกคมดาบฟันจนเปิดออก เด็กในท้องที่เชื่อมกับสายสะดืออยู่ห่างจากนางระยะหนึ่ง บนพื้นยังมีร่องรอยการถูกลากดึง
ภาพที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ คนของกองกำลังทหารซีเฉียนกลับรู้สึกเพียงฮึกเหิมดีใจ
แต่ประชาชนที่อยู่ตรงข้าม ดูพวกเขาแล้วก็เหมือนกับลูกไก่ในกำมือ จะจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแต่ว่าการฆ่าและปล้นง่ายๆ ไม่ได้น่าสนุกแล้ว พวกเขาอยากจะหาเรื่องอะไรสนุกๆ ทำ ท่ามกลางสงครามที่น่าเบื่อ
“แข่งกันฆ่าคนไม่ดีกว่าหรือ ดูว่าใครฆ่าได้เยอะกว่ากัน” มีคนเสนอ
แต่กลับถูกคัดค้านทันที “นั่นมันจะไปสนุกอะไร คนน้อยแค่นี้เอง ยังไม่พอให้พวกเราฆ่าคนละคนเลย”
“เช่นนั้นเจ้าว่ามาจะเอาอย่างไร”
“ฆ่าคนมันง่าย แต่ว่าฆ่าให้ไม่ตายก็ถือเป็นการทดสอบฝีมือ”
“หมายความว่าอย่างไร”
คำพูดของคนๆ นี้ ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก
คนๆ นั้นกวาดตามองไปยังประชาชนด้วยสายตาที่โหดร้าย แล้วเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา “เคยได้ยินบทลงโทษพันมีดหมื่นแล่ไหม”
บทลงโทษพันมีดหมื่นแล่! แน่นอนว่าพวกเขาต้องเคยได้ยิน
“ไร้สาระ รีบอธิบายมาเร็ว” มีคนเร่ง
คนๆ นั้นยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น แล้วถึงพูดต่อว่า “ก็ปล่อยให้พวกมันหนีไปก่อน พวกเราค่อยไปจับมันมาด้วยความสามารถของตัวเอง จับได้แล้วก็มัดไว้ พวกเราก็ฟันคนละที ดูว่าคนที่ถูกจับได้ของใครตายก่อน ก็ถือว่าแพ้”
“ดี! ความคิดนี้ดี! น่าสนุกๆ!”
“เช่นนั้นก็ตามนี้!”
“ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าก็เห็นด้วย!”
“…”
“พวกเจ้า ไอพวกเดรัจฉาน! ไร้ซึ่งความเป็นคน! ต้องไม่ตายดี!” ได้ยินทหารซีเฉียนคุยกัน วิธีการที่โหดร้ายทารุณเช่นนั้น ทำให้คนแก่โกรธจนมือสั่นขึ้นมา
ประชาชนคนอื่นๆ ทั้งตกใจ ทั้งหวาดกลัว แต่ก็ถูกความโหดร้ายทารุณของทหารซีเฉียนเหล่านั้นทำให้โกรธมาก
“สู้กับพวกมัน!”
“ใช่ สู้กับไอพวกสัตว์เดรัจฉานฝูงนี้!”
“…”
ความโกรธของพวกเขา กลับทำให้ทหารซีเฉียนหัวเราะเยาะ
“อ่อนแออย่างพวกเจ้าน่ะหรือ ข้าใช้มือเดียวก็ฆ่าได้คนหนึ่งแล้ว!”
การเยาะเย้ยอย่างไร้ความปราณีแพร่กระจายในกองทัพซีเฉียนอย่างต่อเนื่อง สายตาที่พวกเขามองประชาชนเหล่านี้เหมือนกับมดอย่างไรอย่างนั้น ลืมไปแล้วว่าอยู่ต่อหน้าคนที่สูงศักดิ์กว่าพวกเขา พวกเขาก็เป็นแค่มดเช่นกัน
“อ้า! ข้าจะสู้กับพวกเจ้า!”
ทันใดนั้น เสียงร้องดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน สาวน้อยที่ผอมกะหร่องคนหนึ่ง ชูมีดในมือขึ้น พุ่งไปยังทหารซีเฉียน
“ซื่อผิง กลับมา!”
“กลับมาสิ!”
“อย่ารนหาที่ตาย!”
การกระทำของนาง ทำให้เพื่อนร่วมชะตากรรมวิตกกังวลขึ้นมา
คนของกองทัพซีเฉียนกลับหัวเราะออกมาอย่างโอหัง “ใช่แล้ว นี่ก็คือการรนหาที่ตาย!”
“เหอะ! ถ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะสงเคราะห์ให้เจ้าเอง!” ทหารซีเฉียนคนหนึ่ง เผยใบหน้าที่โหดเหี้ยมออกมา ชักดาบออกมา พุ่งไปหาสาวน้อยก่อนหน้าคนอื่น
ทันใดนั้น เมื่อเห็นว่าสาวน้อยกำลังจะตายอย่างน่าอนาถด้วยเงื้อมมื้อของคนโหดเหี้ยมแห่งซีเฉียน ประชาชนเหล่านั้นหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
จู่ๆ เงาแส้ก็พุ่งมาในอากาศอย่างกะทันหันอย่างกับงู พุ่งไปหาทหารซีเฉียนที่ชักดาบคนนั้น
ฟุบ!
เสียงแส้ที่ไพเราะ ทำให้ประชาชนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
แต่ทว่า ในตอนนี้พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้คลายความโกรธ
อ้ากกก! ทหารซีเฉียนคนนั้นก็ถูกเงาแส้สีเงินฟาดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำได้เพียงส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา เขาถูกดึงขึ้นไปในอากาศ ตรงเอวขาดสองท่อน เลือดที่เหม็นคาวพุ่งกระจายออกมา
สาวน้อยคนนั้นที่ชื่อซื่อผิงปากอ้าตาค้างมองศพที่ขาดสองท่อนนั้นตกลงมาจากฟ้า จนกระทั้งใบหน้าเล็กๆ ที่เปรอะเปื้อนถูกเลือดกระเด็นสาดใส่ ถึงได้สติกลับมา
ในตอนนี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกแน่นๆ ที่เอว แส้ยาวที่สังหารคนนั้น ไม่รู้ว่ารัดอยู่ที่เอวนางตอนไหน ยกนางขึ้นมา ใช้แรงโยนนางไปข้างหลังอย่างอ่อนโยนที่สุด
นางตกใจมาก ก้มหน้ามองไปข้างล่าง เห็นเพียงเพื่อนร่วมชะตากรรมเหล่านั้นของนางยื่นมือออกมาจะรับนาง และแส้ที่พันอยู่ที่เอวนาง ทันใดนั้นก็คลายออก ดึงกลับแล้วหายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้านาง
“ใครกัน!”
“เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทำให้เสียงที่หวาดกลัวของทหารซีเฉียนสูงขึ้นอย่างฉับพลัน”
เขาเพิ่งจะถามคำถามนี้ออกมา ศพที่ขาดสองท่อนก็ตรงลงมาจากฟ้าอยู่ตรงหน้าเขา ตกใจหน้าซีด จนรีบถอยหลังไปหลายก้าว
ทหารซีเฉียนคนอื่นๆ ต่างก็พากันชักดาบออกมา ระวังไปรอบๆ
“ใครกันที่ทำลับๆ ล่อๆ! โผล่หัวออกมา!” มือถืออาวุธ เหมือนว่าพวกเขามั่นใจมากพอแล้ว
“พูดคำที่สามนับจากท้ายอีกครั้งซิ!”
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงที่ฟังดูแล้วยังวัยรุ่นก็ดังขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเสียงนี้จะฟังดูวัยเยาว์ แต่กลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามที่ทำให้คนพูดไม่ออก ทำให้คนไม่กล้าฝ่าฝืนคำพูดของนาง
ทหารซีเฉียนที่พูดก่อนหน้า พูดออกมาโดยสัญชาตญาณ “โผล่หัว”
ทันใดนั้น ร่างที่อรชรอ้อนแอ้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
เดิมเขาไม่ทันเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทำได้เพียงถอยหลังไป แต่ในตอนนี้ คอกลับถูกมือที่ขาวผ่องบีบอยู่
กร๊อบ!
ผู้คนได้ยินพียงแค่เสียงกระดูกแตกที่ดังขึ้น แล้วก็เห็นทหารซีเฉียนคนที่พูดนี้ถูกโยนไปในอากาศ พุ่งไปทางประชาชนสุ่ยหัน
ตุบ!
เขากระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้พื้นเกิดรอยร้าว
อ้ากกก!
ศพนั้น คอบิดเบี้ยวอยู่ในท่าที่ประหลาด ฟุบอยู่ตรงหน้าประชาชน ตาเบิกโตอย่างกับจะถลนออกมา
ชั่วขณะ ก็ฆ่าไปอีกคน
ทหารซีเฉียนต่างพากันถอยหลัง เว้นระยะห่างจาก ‘มือสังหาร’ เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกฆ่าอย่างไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้
ในช่วงเวลาหนึ่ง ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายห่างกันไกลขึ้น
แต่ที่ยืนอยู่ตรงกลาง จู่ๆ สาวน้อยชุดดำก็ปรากฏตัว เสื้อผ้าบนตัวนางบ่งบอกถึงความสูงศักดิ์อย่างชัดเจน ลายมังกรบนนั้น เหมือนเป็นการแสดงให้รู้ว่านางฐานะไม่ธรรมดา
ตอนนี้ นางยืนอยู่ข้างๆ ซากศพผู้หญิงที่ท้องนั้น นางไม่ได้มองทหารซีเฉียน แววตาที่เยือกเย็นตกอยู่ที่ศพผู้หญิงท้องที่ตายอย่างน่าอนาถนั้น
นางเป็นใคร
คำถามเดียวกัน เกิดขึ้นในใจของผู้คนทั้งสองฝ่าย
ภาพหญิงตั้งท้องที่ตายอย่างน่าอนาถ สะท้อนเข้าไปในตาของเจียงหลี ทำให้แววตาของนางเยือกเย็นเข้าไปอีก
“เจ้าเป็นใคร! กล้ามาขัดขว้างการปฏิบัติหน้าที่ของทหารซีเฉียนที่นี่!”
สาวน้อยยืนหันหลังให้พวกเขา เหยียดหยามพวกเขา ทำให้เหล่าทหารซีเฉียนโกรธ ตั้งแต่บุกโจมตีสุ่ยหันมา พวกเขาไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนหรือ
แต่ทว่า เจียงหลีกลับไม่สนใจพวกเขา เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ มองไปยังประชาชนชาวสุ่ยหันที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ในมือถืออาวุธที่ทำขึ้นอย่างลวกๆ ที่มองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง
เจียงหลีพูดอย่างแน่วแน่ว่า “พวกเจ้าเคยเป็นประชาชนของสุ่ยหัน แต่ตอนนี้พวกเจ้าคือประชาชนของข้า!”