ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 174 ใช้อาวุธวิญญาณระดับกลางเป็นของเล่น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอจ้องเฉินหลินเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยถาม “เจ้าอยากให้สุนัขป่าปีศาจทมิฬเป็นตัวแทนเจ้า ท้ารบปี่เซียะภูเขาของข้ารึ”

“ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าพลังฝึกปรือของข้าสู้ศิษย์พี่เยี่ยนไม่ได้ มีเพียงเรื่องการเลี้ยงสัตว์วิเศษหนึ่งเดียวเท่านั้นที่มีประสบการณ์อยู่บ้าง จึงอยากขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่เยี่ยนสักคราหนึ่ง” เฉินหลินกล่าวอย่างเชื่องช้า “การเลี้ยงดูสัตว์วิเศษ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สักแต่เลี้ยงเพียงอย่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว การต่อสู้จริงอันสำคัญก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน”

เยี่ยฉงโจวสีหน้าเปลี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอจึงโบกมือไปทางเขา บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่ต้องเคลื่อนไหว

เยี่ยนจ้าวเกอมองสุนัขป่าปีศาจทมิฬของเฉินหลินตัวนั้นพลางส่ายศีรษะกล่าว “ก่อนหน้าสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนั้นของเจ้าต่อสู้กับมังกรวารีทมิฬไปแล้วครั้งหนึ่ง หากต่อสู้กับปี่เซียะภูเขาของข้าอีก ต่อให้ชนะข้าก็ไม่สมศักดิ์ศรี”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เยี่ยฉงโจวรู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่ลึกๆ เพราะฟังอย่างไรก็เหมือนว่าเขาไร้ความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับกำลังเกรงกลัวจึงหาข้ออ้างเลี่ยงการต่อสู้

“ศิษย์พี่เยี่ยนคุณธรรมสูงส่ง เฉินหลินเลื่อมใส เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด”

เฉินหลินยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “สภาพของสุนัขป่าไม่ได้อยู่ในจุดที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ข้ายังมีเจวี๋ยหานอีกตัวหนึ่ง สามารถลงสนามประลองกับปี่เซียะภูเขาของศิษย์พี่เยี่ยนได้”

ฝูงชนรู้สึกได้ถึงการใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วของไอเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งในทันที พร้อมกับเสียงเป่าปากของเฉินหลิน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สุนัขป่าปีศาจทมิฬรูปร่างเกรียงไกรทรงพลังมากยิ่งกว่า ไอสังหารรอบกายรุนแรงหนานักยิ่งกว่า ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าฝูงชน!

กลุ่มคนของเยี่ยฉงโจวต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินหลินจะมีสุนัขป่าปีศาจทมิฬอันแกร่งกล้าถึงสองตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวหลังนามว่าเจวี๋ยหานนี้ เพียงแค่พละกำลังและเนื้อหนังมังสาของมัน ก็เพียงพอที่จะทัดเทียมมังกรวารีทมิฬของเยี่ยฉงโจวได้แล้ว อีกทั้งไอสังหารคาวเลือดทั่วร่างก็ยิ่งมีชัยเหนือมังกรวารีทมิฬไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

“…พ่ายเสียจนไม่ยุติธรรม” เยี่ยฉงโจวทอดถอนใจคำหนึ่ง

มังกรวารีทมิฬของเขา หากเปรียบกับสุนัขป่าปีศาจทมิฬเจวี๋ยหานของเฉินหลิน ถึงมันจะไม่ใช้กลยุทธ์ลอบโจมตี ปะทะกันโดยตรงก็มีความมั่นใจอยู่เจ็ดแปดส่วนว่าจะได้รับชัยชนะ

“จริงๆ แล้วนี่สิถึงจะเป็นอาหารจานหลัก การต่อสู้กับมังกรวารีทมิฬของศิษย์พี่เยี่ยก่อนหน้า เป็นเพียงแค่การปูเรื่องเท่านั้น”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเฉินหลิน พลางยิ้มเย็นอยู่ในใจ ‘เจ้าพุ่งเป้ามาที่ปี่เซียะภูเขาของข้าตั้งแต่เริ่มแรกสินะ’

เฉินหลินยิ้มพลางเอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไร ศิษย์พี่เยี่ยนจะสามารถปล่อยเจ้าปี่เซียะตัวนั้นออกมาได้หรือไม่”

ชายหนุ่มมีท่าทีเป็นกังวลอยู่บ้าง ทว่ากลบเกลื่อนได้ดีอย่างยิ่ง “ก็เหมือนเช่นที่ศิษย์พี่เยี่ยกล่าวไปก่อนหน้านี้ สัตว์วิเศษเหล่านี้สติปัญญามีจำกัด แต่พละกำลังแข็งแกร่งนัก หากต่อสู้กันถึงชีวิตละก็ เกรงว่ายากยิ่งนักที่พวกเราจะหยุดยั้งได้ทันกาล การต่อสู้เมื่อครู่นั้น ศิษย์น้องหลิน ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ไม่สามารถหยุดยั้งสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนั้นของเจ้าได้ในทันทีหรอกหรือ”

“การต่อสู้ระหว่างสัตว์วิเศษ บาดเจ็บถึงแก่ชีวิตล้วนเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง” เฉินหลินยิ้มกล่าว “แต่ถ้าหากศิษย์พี่เยี่ยนไม่มั่นใจจริงๆ ละก็ ข้าเองก็จะไม่ดึงดัน”

ศิษย์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่อยู่ข้างๆ ล้วนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้า

หลังจากมองดูกลุ่มคนของเฉินหลินแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอพลันหัวเราะอย่างไม่มีเสียงขึ้นมา

ถึงแม้ว่าเขาจะรักการแก้มือเป็นชีวิตจิตใจ กระนั้นสำหรับเขาแล้ว ลูกไม้ยั่วยุให้ฮึกเหิมตื้นๆ เช่นนี้ใช้ไม่ได้ผล

เยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่าเหตุใดกลุ่มของเฉินหลินถึงได้มั่นอกมั่นใจเช่นนี้ เหมือนกับว่าพวกเขาจับตนได้อยู่หมัดแล้ว

พวกเขาน่าจะสืบเสาะจากหนทางใดหนทางหนึ่ง จนรู้ว่าปี่เซียะของเยี่ยนจ้าวเกอยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก อีกทั้งประสบการณ์การต่อสู้ยังค่อนข้างน้อย ต่อให้ศักยภาพจะน่าตกตะลึง ก็ต้องการเวลาที่เพียงพอในการบ่มเพาะด้วยเช่นกัน

สัตว์วิเศษอย่างปี่เซียะภูเขาก็เหมือนกับสัตว์ป่า ช่วงวัยเด็กล้วนไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ในสถานการณ์ปกติก็จำเป็นต้องใช้เวลาที่แน่นอนตามกำหนดในการเจริญเติบโตเช่นกัน

ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอจะปฏิเสธการต่อสู้เพื่อที่จะปกป้องปี่เซียะภูเขาเด็กละก็ แน่นอนว่าย่อมได้

ทว่าพันธมิตรทั้งสามสำนักได้แก่ เขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต และเขาไร้พรมแดน เผชิญหน้ากับตำหนักอัสนีสวรรค์และสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ผลการต่อสู้กาลก่อนไม่ค่อยสู้ดีนัก

ซ่งเฉาแห่งเมืองทะเลมรกตพ่ายแก่ถังหย่งฮ่าวแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ การประมือของสวีเฟยกับถังหย่งฮ่าวเองก็จบลงด้วยการเสมอกัน

จ้าวฮ่าวและเซียวอวี่แห่งเขาไร้พรมแดน เผชิญหน้ากับศิษย์ตำหนักอัสนีสวรรค์ พ่ายหนึ่งชนะหนึ่ง ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเสียจื่ออี้ได้เลย

บัดนี้มังกรวารีทมิฬของเยี่ยฉงโจวก็ปราชัยไปอีกคราหนึ่ง หากเยี่ยนจ้าวเกอจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองอีกคนหนึ่ง ก็จะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจเกินไปแล้วจริงๆ

ใบหน้ากลมของแม่นางจางเหยาซีดเซียวอยู่บ้าง นางกระซิบกระซาบกล่าวกับเยี่ยนจ้าวเกอว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน ขออภัย ข้าคิดไม่ถึงว่า…”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร”

เขาได้ปี่เซียะภูเขามา แต่ไรก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเก็บเป็นความลับเช่นกัน กล่าวโทษจางเหยาไม่ได้

ยิ่งเนื่องด้วยเรื่องไส้ศึกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต หอคลื่นโหมติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่ต่อตำหนักอัสนีสวรรค์ การไปมาหาสู่กันของศิษย์รุ่นเยาว์เบื้องล่าง ไม่ใช่เรื่องที่พิเศษจนเกินไปนัก ศิษย์หอคลื่นโหมล้วนจะต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน

หากเฉินหลินแสร้งทำท่าเป็นไถ่ถามจางเหยาขึ้นมา ไม่ง่ายเลยที่จางเหยากล่าวปัดว่าไม่รู้

บัดนี้คล้ายกับถูกกลุ่มคนของเฉินหลินบีบบังคับต้อนจนจนมุม เยี่ยนจ้าวเกอจึงทอดถอนใจ เอ่ยกับอาหู่ว่า “ไปพาพ่านพ่านออกมา”

ชื่อที่ต้องเลือกเพียงหนึ่งในสอง ‘พ่างหู่’ ถูกอาหู่คัดค้านอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ชื่อของเจ้าหมีสยงเมายักษ์ตัวนั้น สุดท้ายแล้วจึงตั้งว่าพ่านพ่าน

เมื่ออาหู่พาพ่านพ่านขึ้นมาบนเกาะลอย กลุ่มคนของเฉินหลินที่ชั่วขณะก่อนหน้ายังคงทะเยอทะยานได้ใจ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหยุดชะงักลงทันที

เฉินหลินอ้าปากค้างประหนึ่งกับกลืนหนูตายเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

เยี่ยฉงโจวและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอก็ตกตะลึงตัวแข็งทื่อเช่นกัน มองพ่านพ่านที่รูปร่างคล้ายกับช้างตัวเต็มวัยปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาด้วยความเงอะงะ!

พ่านพ่านในตอนนี้ ต่อให้หมอบนอนลงก็ยังสูงกว่าสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวแรกของเฉินหลินที่ยืนขึ้นเสียอีก

ในสถานการณ์ปกติ แน่นอนว่าพ่านพ่านไม่สามารถเจริญเติบโตได้ว่องไวขนาดนี้ ทว่ามันต้านทานโลหะเพลิงแดงกับโลหะแสงเย็นจำนวนมากที่ผ่านการหลอมเป็นพิเศษแล้วของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ไหว มันต้องการกินเท่าไร ชายหนุ่มก็ให้มันกินเท่านั้น

ด้วยการบำรุงร่างกายอย่างเพียงพอเช่นนี้ ความเร็วในการเจริญเติบโตจึงเกินจินตนาการของผู้อื่นไปไกลเป็นธรรมดา

ฉะนั้นอย่าว่าแต่กลุ่มคนของเฉินหลินจะอ้าปากตาค้าง เซี่ยโยวฉานกับจางเหยาที่พบเห็นพ่านพ่านมาก่อนหน้าก็มีสีหน้าอารมณ์ที่ยากจะปักใจเชื่อเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยเสียงราบเรียบ “การต่อสู้ระหว่างสัตว์วิเศษ บาดเจ็บล้มตายในสนามยากจะเลี่ยง แต่ข้าเชื่อว่าศิษย์น้องเฉินจะไม่เกรงกลัวเป็นแน่ อย่างไรเสียเจ้าก็ยังมีอีกหนึ่งตัวที่ยังไม่ได้ต่อสู้มาก่อน แน่นอนว่าถ้าหากศิษย์น้องเฉินไม่มั่นใจจริงๆ ละก็ ข้าเองก็จะไม่เซ้าซี้”

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอนำคำพูดเดิมของนางมากล่าวคืน ท่าทางอารมณ์ของเฉินหลินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจหิมะน้ำแข็งในชั่วเสี้ยววินาที

สีหน้านางซีดเซียว พลางพ่นลมหายใจออกมายืดยาว แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่างไรเสียก็มีความสามารถหลายส่วนที่ต้องประมือกันเสียก่อนถึงจะรู้ดำรู้แดง มีสิ่งของมากมายนักที่ล้วนดีเพียงแต่เปลือกนอกก็เท่านั้น!”

“คำพูดนี้ข้าเห็นด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะอย่างไม่ยี่หระ

พ่านพ่านมองดูสุนัขป่าปีศาจทมิฬนามว่าเจวี๋ยหานที่อยู่เบื้องหน้า มันเหมือนกับยังไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีโต้ตอบอย่างไรอยู่บ้าง จึงยังคงมีท่าทางเซ่อซ่าไร้เดียงสาอยู่

เมื่อเห็นเช่นนี้ กลุ่มคนของเฉินหลินก็มีความมั่นใจอีกครั้ง

สุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนี้ดุดันโหดร้ายอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะรับรู้ได้ถึงพลังความสามารถอันเพียบพร้อมของพ่านพ่าน แต่ก็ไม่ปล่อยไก่เช่นกัน ดวงตาแดงฉานทั้งสองดวงของมันจึงจดจ้องพ่านพ่านไม่วางตา

ใบหน้าพ่านพ่านก็น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายกับว่าไม่เข้าใจชัดเจนทั้งสิ้นว่าขณะนี้เป็นสถานการณ์เช่นไร

สุนัขป่าปีศาจทมิฬนามเจวี๋ยหานเองก็ไม่ใจร้อน จ้องพ่านพ่านเขม็งด้วยความอดทน

ระยะเวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ ผ่านไป สัตว์วิเศษทั้งสองตัวยังคงคุมเชิงกันอยู่ เนื่องด้วยเหตุที่พ่านพ่านไม่สนใจไยดี ทำให้ดูไปแล้วเหตุการณ์น่าขันอย่างประหลาดอยู่บ้าง

กระนั้นบรรยากาศระหว่างกันของฝูงชนที่มุงดู กลับตึงเครียดจนถึงขีดสุด อากาศล้วนราวกับแข็งตัวไปจนหมดแล้ว

เฉินหลินเดิมทีมีสีหน้ามั่นอกมั่นใจ เวลายิ่งยืดเยื้อไปนานเท่าไร ไอเย็นรอบกายสุนัขป่าปีศาจทมิฬที่แผ่กระจายออกมาก็ยิ่งหนักหน่วงเท่านั้น และยิ่งลดทอนกำลังต่อสู้ของอีกฝ่ายได้

ทว่ากาลเวลาผ่านไปยาวนานแล้ว นางไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลงเท่านั้น แต่กลับจะรู้สึกว่าความร้อนรุ่มยิ่งแผ่ซ่านขึ้นมาเสียด้วยซ้ำไป!

สายตาของเฉินหลินตกไปอยู่บนลำคอของพ่านพ่าน ตรงนั้นมีดาบสั้นส่องแสงสลัวระยิบระยับอยู่เล่มหนึ่ง

หลังจากรับรู้สัมผัสอย่างละเอียดแล้ว ใบหน้าเฉินหลินก็ถอดสีอย่างเลี่ยงไม่ได้ “อาวุธวิญญาณระดับกลาง?! ท่านแขวนอาวุธวิญญาณระดับกลางบนลำคอของเจ้าปี่เซียะภูเขาตัวนี้เลยหรือ เยี่ยนจ้าวเกอ ท่านช่างขี้โกงนัก!”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่แม้แต่จะมองนาง ดวงตาทั้งสองข้างของเขาทอดมองท้องฟ้า พลางกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ข้าเต็มใจที่จะแขวนอาวุธวิญญาณระดับกลางให้กับสัตว์เลี้ยงของข้าเป็นของเล่น เจ้าไม่พอใจเจ้าก็แขวนให้กับเจ้าสุนัขน้อยตัวนั้นของเจ้าก็ได้นี่”

เฉินหลินแทบจะกระอักโลหิตออกมา อาวุธวิญญาณระดับกลางน่ะหรือ ของที่ตัวนางเองต่างก็ไม่มี แล้วจะแขวนสุนัขป่าปีศาจได้อย่างไร!

…………….