ตอนที่1264 มิใช่คู่มือโดยสิ้นเชิง!

 

ศึกสัประยุทธ์ครั้งใหญ่ของนักสู้เผ่ามนุษย์ทั้งสอง ได้กระตุ้นความสนใจจจากเหล่าสิ่งมีชีวิตลี้ลับภายในเขตพระเจ้าต้องห้ามกันยกใหญ่

แน่นอน ศึกสัประยุทธ์ในระดับชั้นแค่นี้กลับไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใดสำหรับพวกเขาเหล่านี้

นี่เป็นแค่เรื่องเด็กน้อยทะเลาะกันเท่านั้น!

 

เมื่อสองพ่อลูกเห็นหลีกุยสำแดงเดชสุดฤทธิ์ คนเป็นพ่อก็กล่าวขึ้นว่า

“ขอบเขตความเข้าใจก็ไม่เลว แต่เพียงว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของเขาคือเส้นทางที่ฝึกปรือกลับเป็นศาสตร์แห่งผี ศาสตร์แขนงนี้โดดเด่นเรื่องการโจมตีทางจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทว่าต่อหน้าไข่มุกสยบวิญญาณนี้ นั้นเท่ากับแสดงเศษเสี้ยวทักษะต่อหน้ายอดฝีมือโดยแท้ รนหาที่ตายแล้วกระมัง?”

 

“ไข่มุกสยบวิญญาณช่างน่าสะพรึงขวัญยิ่ง! ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พฤกษาวิญญาณมรณะกดดันพฤกษาคุนหวูอย่างหนักโดยไม่มิอาจตอบโต้ใดๆได้เลย แต่นึกไม่ถึงมันกลับถูกบดขยี้โดยตรง”

คนเป็นลูกกล่าว

 

“หลังจากที่กลืนกินวิญญาณของพฤกษาวิญญาณมรณะไป ไข่มุกสยบวิญญาณก็ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนั้นยังไม่รู้ตัว ไปเถอะ,ไม่มีอะไรสนุกๆให้ดูแล้ว อีกไม่นาน คนที่ฝึกปรือศาสตร์แห่งผีก็ตายแล้ว”

คนเป็นพ่อกล่าว

 

………………….

 

ณ หุบเขาลึกอันแสนเงียบสงบอีกแห่งหนึ่ง

 

ทันทีทันใด ปรากฏสุ้มเสียงเย้ยเยาะดังสนั่นจากส่วนลึก

“ก็แค่ตัวตลกโลดเต้นไปมา! หากมีความสามารถจริงจงแสดงตัวออกมา!”

 

 

………………………………

 

บนยอดเขาสีเขียวขจีงดงามแห่งหนึ่ง

 

บรรยากาศโดยรอบของสถานที่แห่งนี้แตกต่างไปจากลุ่มแม่น้ำมรณะโดยสิ้นเชิง แทนที่จะเป็นสถานที่เปล่าเปลี่ยวไร้ชีวิต ในทางตรงกันข้าม ที่แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยบุปผาพฤกษางดงามมากมาย ทัศนียภาพสดใสคล้ายสรวงสวรรค์บนดิน หลากหลายชีวิตดำรงอาศัยอย่างสันติสงบ

ใจกลางสถานที่แห่งนี้มีต้นไม้ขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ สิ่งนี้ราวกับเป็นขั้วตรงข้ามของพฤกษาวิญญาณมรณะ มันเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต

เยาวชนหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งแกว่งเท้าไปมาอย่างสบายใจบนยอดไม้คล้ายกำลังสังเกตการณ์จากระยะไกล

 

“โอ้…น่าสนใจไม่น้อย สำแดงใช้ศาสตร์แห่งผีต่อหน้าไข่มุกสยบวิญญาณ ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา! อย่างไรก็ตามแต่…ไข่มุกสยบวิญญาณนั้นได้ตื่นขึ้นอีกครั้งแล้ว ดูท่าจะได้ยาบำรุงชั้นเยี่ยม!”

เยาวชนหนุ่มคนนั้นกล่าวขึ้น

 

“ดูท่ามนุษย์คนนั้นจะต้องการมาหาเราที่นี่”

ต้นไม้ขนาดยักษ์จู่ๆพลันเปล่งเสียงดังออกมา

 

“เจ้าทราบได้อย่างไร? ครอบครองทั้งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ ทั้งไข่มุกสยบวิญญาณ ข้าหวังเหลือเกินว่า เจ้าเด็กคนนี้จะสามารถช่วยดินแดนพฤกษานิรันดร์ให้รอดพ้นจากการล้มสลายได้หรือไม่!”

เยาวชนหนุ่มกล่าวขึ้น

 

“นั้นเป็นไปไม่ได้! ประตูผนึกอาณาจักรหาใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดออกไม่!”

ต้นไม้ยักษ์กล่าวตอบ

 

“เจ้าแน่ใจ? เช่นนั้นข้าขอเดิมพันกับเด็กคนนี้!”

เยาวชนหนุ่มคนนี้กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

 

 

………………………..

 

เมื่อหลีกุยสำแดงเดชไปเกือบครึ่งกระบวน มันก็พลันสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดแปลกออกไป

กระบวนมารล่าสังหารเป็นสุดยอดการโจมตีทางจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหลีกุย หากย้อนกลับไป กระทั้งเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดด้วยกัน ยังไม่สามารถต้านทานได้ไหว

ผู้ที่สามารถปราบปรามมันได้ในยุคนั้นมีเพียงเซียนเต๋าสวรรค์คนเดียว

 

ดังนั้นหลีกุยจึงคิดว่า หากตนเปลี่ยนกลายเป็นมารปีศาจอมตะได้และใช้สำแดงใช้กระบวนโจมตีนี้ แม้แต่เซียนเต๋าสวรรค์เองก็มิใช่คู่มือแน่นอน

เพียงว่แผนการของหลีกุยวางไว้ยาวนานเกินไป อีกหนึ่งล้านปีต่อมา ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นไปแล้ว และมันก็ไม่สามารถกลับขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้อีก

 

สิ่งที่น่าระทมใจที่ยิ่งกว่าคือ กลับมีเด็กไม่ทราบหัวนอนปลายตีนเข้ามาทำลายแผนการทั้งหมดจนล้มเหลวไม่เป็นท่า

ถึงกระนั้นเอง กระบวนมารล่าสังหารนี้ยังคงทรงพลานุภาพอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ตอนนี้หลีกุยเพิ่งตระหนักรู้ตัว ไม่ว่ามันจะปลดปล่อยพลังวิญญาณออกไปเท่าใด นั้นกลับไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้เลย

เสมือนหลีกุยกำลังเทน้ำลงบนผืนทรายที่ไม่มีวันเต็ม!

ในทางตรงข้าม พลังวิญญาณเหล่านั้นของมันยังถูกเย่หยวนดูดกลืนไม่หยุดหย่อนอย่างบ้าคลั่ง

 

เย่หยวนในยามนี้ตรวจพบความผิดปกติจากไข่มุกสยบวิญญาณได้แล้วอย่างชัดแจ้ง แต่เดิมมันจะไม่เคลื่อนไหวใดๆจนกว่าจะวิกฤตจริงๆ

แต่ตอนนี้ยังไม่ทันที่เย่หยวนจะได้ทำอะไร กลับเป็นไข่มุกสยบวิญญาณนี้ที่ลงมือแทนเสร็จสรรพ!

 

สีหน้าของหลีกุยบิดเบี้ยวชวนสยองขึ้นหลายส่วน แต่มันจำต้องหน้าซีดหน้าเมื่อค้นพบว่า มันไม่สามารถถอนพลังวิญญาณที่ไหลบ่าออกไปได้ ขณะนี้กลับกลายเป็นว่า มันถูกสูบพลังวิญญาณออกไปแทน

พลังจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของมันคล้านน้ำป่าไหลลากเข้าสู่ทะเลแห่งจิตใจของเย่หยวนอย่างต่อเนื่อง

 

“เย่หยวน เจ้า…เจ้าทำอะไรลงไป! ไฉน…ไฉนข้าถึงควบคุมพลังไม่ได้!?”

สีหน้าของหลีกุยดูตื่นตระหนกสุดขีด พินิจจากสุ้มเสียงที่เอ่ยลั่นนี้คล้ายต้องการจะร่ำไห้

หลีกุยถือเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้กลับจนปัญญาและไม่ทราบเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

 

เย่หยวนยักไหล่และกล่าวว่า

“แล้วข้าจะรู้ไหม? ข้ายังไม่ทันทำอะไรเลย!”

เย่หยวนยังไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แต่มีหรือที่หลีกุยจะเชื่อ?

เพราะเย่หยวนกล่าวออกไปเช่นนี้ หลีกุยก็ยิ่งรู้สึกโศกเศร้าหนักกว่าเก่า

 

มันทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นและร้องคร่ำครวญโหยหวนไม่หยุด

“นายท่านเย่! โปรด…โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง! นายท่านโปรดให้อภัย! ข้า…ข้าจะไม่หาเรื่องท่านอีกต่อไปในอนาคต! ยามนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว โปรดเมตตาให้ข้าได้เริ่มต้นใหม่!”

 

ต่อหน้าพลังดูดกลืนวิญญาณนี้ มันไร้ซึ่งพลังอำนาจโดยสมบูรณ์

ไม่ว่ามันจะพยายามระดมใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาเพียงใด แต่หลีกุยก็ไม่สามารถหลุดพ้นออกจากพลังดูดกลืนอันบ้าคลั่งนี้ได้

หลี่กุยเตรียมใจตายไว้แล้วในที่สุด พลางคิดเจ็บใจกับตัวเองว่า ตนดันโง่เง่าไปยั่วยุสัตว์ประหลาดชนิดนี้ได้อย่างไร?!

 

เย่หยวนกล่าวตอบอย่างไร้หนทางช่วย

“มิใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วย แต่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย!”

ไข่มุกสยบวิญญาณกลับมิใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้ดั่งใจนึก ทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหว ไข่มุกสยบวิญญาณล้วนลงมือตามใจเสมอ

และครั้งนี้เองก็เช่นกัน

 

วูบบ… วูบบบ

พลังดูดกลืนยิ่งโหมทวีรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลีกุยพลันหลุดลอยออกจากร่างจู่เก๋อฉิงซวนไป มันแปรสภาพกลายเป็นพลังวิญญาณกลุ่มก้อนใหญ่และถูกดูดลงไปในทะเลแห่งจิตใจของเย่หยวนโดยตรง

 

ทั่วทั้งร่างของจู่เก๋ฮฉิงซวนสั่นกระตุกอย่างแรงคล้ายสายฟ้าฟาดพร้อมได้สติขึ้น ตอนนี้เจ้าของเดิมได้หวนกลับคืนมาแล้ว สีหน้าของจู่เก๋อฉิงซวนซีดเซียวหนัก

หากปราศจากหลีกุย มันเองก็ไร้ซึ่งความหวังใดอีกต่อไป

ปัจจุบัน หากต้องเข้าเผชิญกับเย่หยวนจริงๆ มันกลับไม่มีพลังอำนาจใดไปตอบโต้ได้เลย

 

“ยะ-เย่…เย่หยวน ข้า…ข้า…”

จู่เก๋อฉิงซวนสีหน้าซีดขาว มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าภาพฉากนี้จำต้องเกิดขึ้นกับมันจริงๆ

ในมุมมองของมัน ว่าเย่หยวนจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่หลังผ่านศึกใหญ่กับหลีกุย คงแทบไม่หลงเหลือพลังแล้ว

แต่ใครจะไปทราบ หลีกุยกลับถูกกำจัดทิ้งในเสี้ยวพริบตาเดียว

ถึงตอนนี้สิทธิ์การควบคุมร่างกายจะตกมาเป็นของมันโดยชอบธรรมดังเดิม แต่มันหาได้มีความสุขไม่แม้แต่น้อย!

 

เย่หยวนก้มมองอีกฝ่ายและกล่าวว่า

“อย่างไร? เจ้าต้องการให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า?”

 

จู่เก๋ฮฉิงซวนผงะเล็กน้อย ก่อนพยักศีรษะตอบอย่างสิ้นหวัง

 

แต่เย่หยวนกลับเอ่ยตอบอย่างเย้ยหยันว่า

“แค้นนี้มิอาจแก้ปม! เจ้ามันไร้ยางอายเกินไป ปล่อยให้มวลมนุษย์เผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจโดยลำพัง ส่วนตัวเองกลับลี้ภัยใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ดังนั้นแล้วนายน้อยผู้นี้มิอาจยกโทษได้! ราคาที่เจ้าต้องจ่ายคือชีวิตของเจ้า!”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของจู่เก๋อฉิงซวนยิ่งซีดขาวหนักด้วยความกลัว

 

แต่ทันใดนั้น มันพลันเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและกู่คำรามลั่นอย่างบ้าคลั่งว่า

“ช่างน่าขัน! เย่หยวน เจ้าคงไม่คิดว่าตนเป็นวีรบุรุษจริงๆ? คงทราบใช่หรือไม่ว่า ข่านนั่วแกร่งกล้าเพียงใด? ในกาลอดีต มันเคยเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า! อย่างเจ้าจะไปเข้าคู่ได้อย่างไร?!”

 

เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า

“มิเช่นนั้นข้าจะเดินทางมายังหุบเขาเหวพระเจ้าเพื่ออันใด?”

 

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้? ฮ่าฮ่าฮ่า…ไร้สาระสิ้นดี! ไร้สาระยิ่งกว่าบอกว่าเจ้าสามารถสังหารข่านนั่วได้!”

จู่เก๋อฉิงซวนระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งไม่รู้จบ

 

เย่หยวนเบะปากเล็กน้อยและกล่าวตอกไปว่า

“นั้นมิใช่สิ่งที่เจ้าควรกังวล ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เจ้ากลับไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไป”

พอสิ้นเสียง เย่หยวนปลดปล่อยวิถีดาบสารทิศเข้าประหารทันที!

อาณาจักรกึ่งพระเจ้าของเย่หยวนในปัจจุบัน ยามสำแดงเดชกลับไม่สามารถพรรณนาถึงความแกร่งกล้าได้ในอึดใจเดียว

 

จู่เก๋อฉิงซวนก้มสายตาเข้าจับจ้องสะท้อนแววอำมหิต มันคำรามสุดเสียงลั่น

“บิดาเจ้าเถอะ! เช่นนั้นข้าขอสู้ตาย! ดัชนีเทพเลิศล้ำ!”

 

ก่อนที่เย่หยวนจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรกึ่งพระเจ้า จู่เก๋อฉิงซวนก็หาใช่คู่มือของเขาอีกต่อไป

ยิ่งในปัจจุบัน มีหรือที่จู่เก๋อฉิงซวนจะสามารถต่อกรได้?

แสงดาบสีครามบริสุทธิ์ถูกปลดปล่อย พร้อมสะบั้นผ่าสรรพสิ่งที่ขวางกั้น

แม้แต่ร่างของจู่เก๋อฉิงซวน แสงดาบนี้ยังตัดผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น มันถูกฆ่าตายในบัดดล

 

ณ ขณะนี้ จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์ผู้ผงาดง้ำอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มานับสองพันปี

ปัจจุบัน…ได้ล่วงลับเป็นที่เรียบร้อย!