ตอนที่1265 พฤกษาแห่งพิภพ

 

“เย่ชิง เจ้าสัมผัสถึงพฤกษาคุนหวูได้หรือไม่?”

 

“อืมมม… ทิศเบื้องหน้าพวกเรา ข้าสัมผัสได้ถึงพลังธาตุพฤกษาอันทรงพลังได้อย่างชัดเจน ดูท่าอีกฝ่ายจะจงใจปลดปล่อยกลิ่นอายเพื่อนำทางพวกเรา”

 

เย่หยวนตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินและกล่าวตอบเจือเสียงประหลาดใจว่า

“จงใจนำทางพวกเรา?”

 

เย่ชิงพยักหน้า

“พลังธาตุพฤกษานี้ทั้งเข้มข้นและแข็งแกร่งยิ่ง หากอีกฝ่ายปลดปล่อยพลังขนาดนี้ออกมาตั้งแต่แรก ข้าคงสัมผัสได้นานแล้ว ดูเหมือนว่า…พฤกษาคุนหวูเองก็ทราบถึงจุดประสงค์ของพวกเราเช่นกัน ยามนี้นอกเหนือจากพฤกษาคุนหวู ข้ากลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตอื่นเลย”

 

เย่หยวนพยักหน้าตอบและหาได้เผยสีหน้าประหลาดใจอันใดอีก

หากกล่าวถึงพฤกษาวิญญาณมรณะ เย่หยวนไม่สามารถต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย

เย่ชิงเป็นผู้ที่สัมผัสถึงพลังธาตุพฤกษาได้ไวที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น เย่หยวนจึงให้เย่ชิงเป็นคนนำทางต่อไป

 

ไม่นานนัก เย่ชิงก็สัมผัสได้ถึงพลังธาตุพฤกษาสุดแรงกล้า

 

“พี่ใหญ่ ข้าสงสัยว่าพฤกษาคุนหวูนี่….จะเป็นมิตรหรือศัตรูกัน!”

อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้น

 

เย่หยวนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า

“ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู เราก็จำต้องเดินหน้าต่อไป”

 

 

………………………………

 

 

ภายใต้แกนนำอย่างเย่ชิง ไม่นานพวกเขาก็เดินทางเข้าสู่เขตหุบเขาในไม่ช้า

เหนือยอดเขาอุดมขจี มีต้นไม้ขนาดยักษ์สูงใหญ่แสนองอาจตระหง่านเสียดเมฆาฟ้า

ลำต้นของต้นไม้ยักษ์นี้เสมือนกับเสาหลักค้ำยันสรวงสวรรค์ทั้งมวล ต่อให้เกณฑ์คนนับพันหมื่นก็ไม่สามารถโอบล้อมมันได้มิด

พลังแห่งชีวิตหอบเย็นสดชื่นพัดผ่านสัมผัสกายาของเย่หยวนและพรรคพวกที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พวกเขาพลันรู้สึกผ่อนคลายเริงรมณ์สุดพรรณนาไม่

 

“นี่น่ะรึ…พฤกษาคุนหวู? ช่างน่ามหัศจรรย์นัก!”

อิ้งหมัวหู่อุทานขึ้นพลางถอนหายใจด้วยความชื่นชม

 

“มีคำเลื่องลือสืบต่อกันมาว่า พฤกษาคุนหวูเป็นแหล่งกำเนิดแห่งพลังธาตุพฤกษาทั้งมวลบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กล่าวได้ว่า นี่คือพฤกษาแห่งพิภพที่กอปรไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์ ดังนั้นแล้วภายในสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ของข้า พฤกษาคุนหวูคือส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด ในเมื่อศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นไปแล้วในปัจจุบัน เช่นนั้นข้าก็จะปลูกถ่ายศาสตร์แห่งสวรรค์จากพฤกษาคุนหวูเข้าสู่ร่างกายของข้าโดยตรง!”

เบื้องลึกในแววตาคู่นั้นของเย่หยวนส่องประกายวิบวับจรัสงาม ทั่วทั้งใบหน้าเผยให้เห็นถึงความหวัง

 

แต่คำกล่าวนี้ของเย่หยวนทำให้ทุกคนตื่นตกใจสุดขีด โดยเฉพาะกับซือโปเทียน ยักษ์หินที่เคยดำรงอยู่ในยุคสมัยที่ศาสตร์แห่งสวรรค์เฟื่องฟู ขอบเขตความเข้าใจของมันต่อศาสตร์แห่งสวรรค์ย่อมกว้างใหญ่กว่านักสู้อาณาจักรเต๋าลึกล้ำโดยธรรมชาติ

การที่เย่หยวนพยายามปลูกถ่ายศาสตร์แห่งสวรรค์เข้ากับตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับการระเบิดตัวตายเลย!

 

แผนการเช่นนี้ช่างบ้าบิ่นเกินไป! เสียสติเกินไป! และเพ้อฝันจนเกินไป!

แต่หากพินิจให้ถี่ถ้วน พวกเขาก็อดชื่นชมในความกล้าคิดกล้าทำของเย่หยวนมิได้

เหล่านักสู้ทุกคนต่างบ่มเพาะฝึกปรือตามลู่ทางในกรอบ และยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำลายกรอบนี้ได้เลย

ณ จุดนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วกว่าหนึ่งแสนปี

ยังมีใครอีกหลายคนที่ทรงพลังทัดเทียมกับฟางเทียน ทว่าพวกเขาเหล่านั้นเองก็ไม่สามารถกระชากโซ่ตรวนแห่งความเป็นไปไม่ได้ทิ้งไปได้

แต่เย่หยวนเป็นคนแรกที่สรรสร้างวิธีการโดยการนำศาสตร์แห่งโอสถเข้ามาประยุกต์ใช้ คล้ายการนำหัวเชื้อมาปลูกถ่ายในร่างกายเพื่อผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นมาเอง นี่เป็นความคิดที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

 

“ฮ่าฮ่า… ปลูกถ่ายศาสตร์แห่งสวรรค์เข้าร่างกาย! สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดของจอมเทพนิรันดร์! ความคิดบ้าระห่ำเช่นนี้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องสะท้าน!”

สุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน นั่นทำให้ทุกคนตื่นตกใจยิ่ง

 

ทันทีทันใดเย่หยวนและที่เหลือเร่งหันควับมองตาม วิสัยทัศน์เบื้องหน้าพลันพล่าเบลอหนัก ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางห้วงแห่งความว่างเปล่า

แต่เมื่อพวกเย่หยวนรู้สึกตัวอีกที พวกเขาทั้งหมดรวมถึงร่างนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนยอดต้นไม้เสียแล้ว

ร่างที่ปรากฏกายขึ้นเป็นชายหนุ่มท่าทางเป็นมิตร เขาจับจ้องเย่หยวนพร้อมรอยยิ้มกว้างคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

ปลายคิ้วเย่หยวนกระตุกเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า

“หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ท่านคือพฤกษาคุนหวู?”

 

ชายหนุ่มขยับขยายสายตาจับจ้องเย่หยวนมากขึ้น ดูท่าเขาจะสนใจในตัวเย่หยวนมากจริงๆ

 

แต่ชายหนุ่มกลับเมินคำถามของเย่หยวนและกล่าวขึ้นว่า

“เจ้านี่มันสุดยอดไปเลย! เหมาะสมยิ่งแล้วที่เป็นผู้สืบทอดของตาแก่จอมเทพนิรันดร์นั่น! แม้ความคิดนี้จะฟังดูบ้า แต่จริงๆแล้ว มันอาจเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำลายโซ่ตรวนได้!”

 

แววตาพลันไสวประกายขึ้นโดยพลัน เย่หยวนกล่าวถามต่อในทันที

“ท่านอาวุโสเองก็คิดว่าวิธีนี้ได้ผล?”

 

“ถูกต้อง! ณ ปัจจุบัน ศาสตร์แห่งสวรรค์สูญสิ้นไม่เหลือ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถหยุดการเสื่อมถอยของศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ แต่การจะสร้างโอสถที่มีคุณสมบัติเช่นนั้น เรื่องนี้กลับไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน ในเมื่อไม่สามารถหยุดการเสื่อมถอยของศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็สร้างขึ้นใหม่ในร่างกาย นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่เพื่อทำลายโซ่ตรวนนั้นลง! เราผู้นี้ขอยอมรับ เจ้าช่างอัจฉริยะยิ่งนัก!”

ชายหนุ่มกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจหลากอารมณ์

 

เมื่อเย่หยวนได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่ง

หลังจากที่เขาเริ่มเข้าใจดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เย่หยวนก็เริ่มมีความมั่นใจยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโอสถท้าทายสวรรค์

ในเมื่อไม่มีศาสตร์แห่งสวรรค์หลงเหลืออยู่แล้ว ก็สู้ผลิตขึ้นใหม่เองเลย!

ใช้ร่างกายของเขาเป็นแหล่งกำเนิด ไม่เพียงจะมีศาสตร์แห่งสวรรค์อยู่ติดกายตลอด แต่เขาจะเป็นคนเดียวที่มี!

ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่เย่หยวนต้องการไม่จำเป็นต้องเป็นศาสตร์แห่งสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบอันใดนัก

ขอเพียงสิ่งนี้สามารถทำให้เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!

ในชีวิตก่อนหน้า แผนการเรื่องโอสถท้าทายสวรรค์ยังค่อนข้างคลุมเครือเกินไป แต่เพราะเขาที่พึ่งพาศาสตร์แห่งโอสถอันแกร่งกล้าของตน จึงสามารถวิเคราะห์ความเป็นไปได้เหล่านี้ด้วยทฤษฎี ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับแค่ผิวเผินเท่านั้น

 

แต่เดิม สมุนไพรวิญญาณอายุหนึ่งล้านปีที่จำเป็นต่อสูตรโอสถท้าทายสวรรค์มิได้มีแค่เก้าชนิดอย่างที่เห็น เย่หยวนจำต้องทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะคัดสรรจนเหลือเพียงเก้าชนิด

หากกล่าวถึงความเป็นไปได้ แผนการนี้กลับค่อนข้างดูเกินจริงไร้สาระ ทว่าหากกล่าวตามทฤษฎีแล้ว เมื่อสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดนี้รวมกัน นั้นจะก่อให้เกิดผลลัพธ์สุดหยั่งถึง!

ในช่วงชีวิตนี้ ความเข้าใจของเย่หยวนต่อศาสตร์แห่งสวรรค์ลึกล้ำจนกาลอดีตของตัวเองเทียบไม่ติด ผนวกกับศาสตร์แห่งสวรรค์จากบัญญัติแห่งจอมโอสถที่ตนเริ่มเข้าใจมากขึ้นอย่างถ่องแท้ ยามนี้ตัวเขามีแต่จะมั่นใจมากขึ้นและมากยิ่งขึ้น

 

ในส่วนของขั้นตอนการหลอมกลั่นเอง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่ามั่นใจเพียงใด

 

ดังนั้นแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่เย่หยวนตัดสินใจเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้าเพื่อเสาะหาส่วนประกอบชนิดสุดท้าย บุปผาคุนหวู

 

“ความหมายของท่านอาวุโสคือ…โอสถท้าทายสวรรค์ที่ข้าคิดค้นสามารถทำลายโซ่ตรวนสู่อาณาจักรพระเจ้าได้?”

เย่หยวนอดใจเอ่ยถามมิได้

 

ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มและกล่าวว่า

“หุหุ ข้ามิได้กล่าวแบบนั้น ไม่ว่าเจ้าจะสามารถทำลายโซ่ตรวนนั้นได้หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตา แม้จะเป็นตาแก่จอมเทพนิรันดร์นั่นอาสาทดลองด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกันว่า เขาจะประสบความสำเร็จ ข้ากล่าวได้เพียงว่า…มีความเป็นไปได้!”

 

ทั่วทั้งร่างของเย่หยวนสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มตรงหน้า

บุคคลที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเย่หยวนผู้นี้ คือการดำรงอยู่ที่เหนือชั้นไปกว่าอาณาจักรพระเจ้าไปแล้วแน่นอน

ทว่า…แม้แต่เขาผู้นี้ยังไม่กล้ารับประกัน!

 

หนึ่งแสนปีที่ผ่านมา ไม่รู้มีใครบ้างที่พยายามก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า แต่พวกเขาทุกคนล้วนจบลงด้วยความล้มเหลวโดยไม่มีขอยกเว้นใด

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้เยาว์คนนี้อาจเป็นเด็กใจร้อนไปเสียหน่อย แต่…ข้าสงสัยว่าท่านอาวุโสสะดวกใจมอบบุปผาคุนหวูให้ได้หรือไม่?”

เย่หยวนผสานมือคำนับพร้อมกล่าวถามทันที

 

ชายหนุ่มผู้นั้นยืนตัวแข็งในบัดดล จู่ๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นพลางกล่าวว่า

“เจ้านี่น่าสนใจจริงๆ! น่าสนใจอย่างยิ่ง! ความหาญกล้าของเจ้า…กลับมิใช่เล็กๆเลย!”

 

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“มิใช่เพราะผู้เยาว์หาญกล้า แต่ผู้เยาว์มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ต้องแบกรับ บุปผาคุนหวูมีความสำคัญต่อท่านอาวุโสก็จริง แต่สำหรับผู้เยาว์ ความเป็นตายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำคัญกว่า! หากการสันนิษฐานของผู้เยาว์ถูกต้อง การที่ท่านอาวุโสแสดงตัวออกมาเช่นนี้ ท่านคงไม่ต้องการให้บุปผาคุนหวูตกอยู่ในมือศัตรู?”

 

 

จากทัศนคติของพฤกษาคุนหวูที่มีต่อเขา เย่หยวนจจึงสรุปได้ว่า อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็มิใช่ศัตรูแน่นอน

มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไม่กล่าวเล่ายาวเหยียดให้เสียเวลาถึงเพียงนี้

 

“หุหุ เจ้าเด็กคนนี้ ช่างน่าสนใจเหลือเกิน! ไม่แปลกใจเลยที่เป็นผู้สืบทอดของตาแก่จอมเทพนิรันดร์ รับไป!”

ขณะที่กล่าวขึ้นนั่นเอง ชายหนุ่มก็แบมือออกไปตรงหน้า ภายในอุ้มมือปรากฏเป็นดอกไม้สีชมพูอ่อน