“ชินชิน ต่อไปหนูก็นอนกับน้องห้องนึงเลยนะลูก ส่วนน้องสาวก็นอนกับหม่ามี๊”
“ครับ”
เด็กน้อยที่ฟื้นฟูดีแล้วนั้น นั่งอยู่ทางด้านหลังสองมือกอดชุดนอนที่ซื้อกลับมาเมื่อครู่นี้เอาไว้ ใบหน้าเล็กๆนั้นล้วนมีแต่ความพอใจอย่างเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ได้
ความต้องการของเขา ความจริงแล้วง่ายมาก
เส้นหมี่มองดูท่าทางของเขาผ่านกระจกมองหลัง อดที่จะรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้ด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็รับพวกเด็กๆอีกสองคนจากโรงเรียนอนุบาลกลับมา เมื่อขึ้นมาบนรถได้ยินว่าต่อไปพี่ชายจะพักอยู่ด้วยกันกับพวกเขา ก็ดีใจจะแย่แล้ว!
“ดีจังเลยค่ะ หนูชอบให้พี่ชายอยู่ด้วยกันกับพวกเรา!!”
รินจังลูกรักที่มีความกระตือรือร้นและทั้งน่าเอ็นดู พุ่งเข้าไปหาชินจังเป็นคนแรก แขนเล็กๆอวบๆของเธอกอดเขาเอาไว้ เป็นการแสดงออกถึงการต้อนรับที่อบอุ่น
คิวคิวเองก็เหมือนกัน
แต่เนื่องจากเรื่องเมื่อคืนนี้ เขายังคงดึงมือพี่ชายตัวเองเอาไว้ แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “ชินจัง เมื่อคืนนายไม่เป็นไรใช่ไหม? เป็นเพราะ…..?”
ยังพูดไม่จบประโยค ชินจังก็ก้มหน้าลงไปแล้ว
ตรงหว่างคิ้วสามารถมองเห็นความไม่มั่นใจและความสับสนวุ่นวายอย่างเรือนลางไม่ชัดเจน
คิวคิว : “………”
ดังนั้นที่เขาคาดเดาเอาไว้ก็ถูกแล้วสินะ?
เมื่อคืนจู่ๆเขาก็เกิดเรื่องขึ้น ความจริงแล้วก็เป็นเพราะไม่อยากให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊หย่ากัน หลังจากนั้นจึงตั้งใจทำให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม?
ในที่สุดคิวคิวก็เข้าใจแล้ว เขามองมาที่พี่น้องของตัวเองคนนี้ทันที และไม่รู้ว่าควรจะบรรยายอารมณ์ของตัวเองออกมาอย่างไร? แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้
นั่นก็คือ เขาไม่เคยโทษชินจังเลย
ทำไมเขาถึงได้โง่แบบนั้น?
แขนเล็กๆของคิวคิวโอบที่ไหล่ของพี่ชายเอาไว้ เขาปลอบใจพี่ชายอย่างใจกว้าง : “ไม่เป็นไรนะ เรารู้ว่านายทำก็เพื่อไม่ให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊หย่ากัน เราไม่โทษนาย”
สิ้นเสียงแล้วชินจังที่ก้มหน้าลงอยู่ตลอดนั้นก็เงยขึ้นมาทันทีอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
“จริงเหรอ?”
“จริงอยู่แล้ว คืนนั้นที่เราโทรหานาย ความจริงแล้วก็อยากจะปรึกษาเรื่องนี้ เราเองก็ไม่อยากให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊หย่ากัน ก็อยากจะลองดูว่าจะมีวิธีดีๆอะไรไหม?”
คิวคิวเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยเสียงต่ำๆข้างหูของพี่ชาย
ชินจังได้ยินแล้ว ในที่สุดหัวใจดวงนี้ก็ร่วงหล่นลงมา
คลายความขับข้องใจทั้งหมดแล้ว เด็กๆทั้งสามคนก็มารวมเป็นผืนแผ่นเดียวกัน แน่นอนว่าชินจังยังคงนั่งตัวตรงเรียบร้อยเหมือนกับสุภาพบุรุษตัวน้อย เวลาส่วนมากจะเป็นคิวคิวกับรินจังที่เอะอะโวยวายเสียมากกว่า
หลังจากยี่สิบนาที แม่ลูกทั้งสี่คนก็มาถึงเขตคอนโดแล้ว
“หนูจะถือชุดนอนของพี่ชาย หนูจะถือ”
“อืม ถ้าอย่างนั้นผมถือหมอนแล้วก็รองเท้าของพี่นะครับ”
“โอเคค่ะ พวกเราแบ่งกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นหม่ามี๊ก็ถือผ้าห่มแล้วกันนะ เดี๋ยวพวกเราขึ้นไปแล้ว ก็ค่อยทำอาหารเย็นสุดหรูกันเพื่อเป็นการต้อนรับพี่ชายดีไหมคะ?”
เส้นหมี่เห็นพวกเด็กๆหลังจากที่มาถึงหน้าประตูแล้วก็พากันแย่งของๆพี่ชาย จึงอดที่จะมาเอะอะโวยวายด้วยกันกับพวกเขาไม่ได้
บนใบหน้าเล็กๆของชินจังนั้นที่มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย เขาไม่เคยรับรู้ถึงความดีใจและมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย
เห็นหม่ามี๊ น้องชายและน้องสาวช่วยถือของแทนเขา เขาเองก็พุ่งเข้าไปแล้วแย่งเอาผ้าขนหนูผืนเล็กและแปรงสีฟันอะไรพวกนั้นมาถือเอาไว้ด้วยเช่นกัน
พวกเส้นหมี่เห็นแล้วก็พากันหัวเราะออกมา
ภาพนี้เป็นภาพแห่งความดีใจและความสุขมากจริงๆ
แต่หลังจากที่พวกเขาขึ้นไปแล้วนั้น เส้นหมี่ที่กำลังเตรียมจะปูผ้าปูที่นอนให้กับลูกชาย กลับได้รับสายหนึ่งเข้าเสียก่อน
“ฮัลโหล?”
“คุณผู้หญิงรับคุณหนูชินจังไปแล้วใช่ไหมครับ?” เป็นเคมีนั่นเองที่โทรมาถามเส้นหมี่ว่าชินจังอยู่กับเธอทางนี้หรือเปล่า?
เส้นหมี่หันกลับไปมองลูกชายคนโตที่กำลังแกะห่อของชุดผ้าปูที่นอนเหล่านั้นกับน้องชายและน้องสาวอย่างสนุกสนาน แล้วพยักหน้าลง
“ใช่ค่ะ ทำไมคะ? แสนรักให้คุณมารับเขากลับไปใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นคุณบอกเขาทีนะว่าคืนนี้ให้ชินจังนอนที่นี่ เขาอารมณ์ไม่ดีนัก นอนที่นี่กับน้องชายน้องสาว ให้เขาได้ผ่อนคลายซักหน่อยก่อน”
เส้นหมี่คิดว่าผู้ช่วยคนนี้โทรมาเป็นเพราะแสนรักเร่งให้ชินจังรีบกลับบ้าน
แต่เคมีกลับส่ายหน้า : “ไม่ใช่ครับ คุณผู้หญิง คุณป้าของเขามาแล้วครับ ท่านประธานให้ผมรับเขาไปทานข้าวด้วยกัน”
“คุณว่าใครมานะ?”
เมื่อพูดออกมาแล้ว เส้นหมี่ที่กำลังปูเตียงอยู่นั้น เหมือนกับถูกอะไรที่น่ากลัวกัดเข้า สีหน้าซีดเผือดอย่างรวดเร็ว และไม่ไหวติงขึ้นมาในทันที
เคมี : “คุณป้า ก็คือคุณหนูดาวไงครับ คุณผู้หญิงไม่ใช่ว่าคุณจำไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
เคมีคิดว่าเธอจำไม่ได้แล้ว จึงเอ่ยพูดเตือนขึ้นมาจากในสาย
คุณหนูของตระกูลหิรัญชา
จำได้สิ ทำไมเธอจะจำไม่ได้? ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เธอกลายเป็นขี้เถ้า เธอจำได้
เนื่องจากว่านั่นเป็นครั้งแรกที่สอนเธอว่าอะไรที่เรียกว่าผู้หญิงที่เป็นเหมือนหงส์ที่อยู่บนพื้นดินก็ไม่ต่างไปจากไก่เลย และก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการเหยียบย่ำและเหยียดหยาม…..
ส่วนหลายปีมาขนาดนี้แล้ว เพียงแค่เธอนึกถึงชื่อนี้ เธอก็รู้สึกว่านั่นคือฝันร้ายแบบหนึ่งแล้ว
แสงดาว!!
แววตาของเส้นหมี่เยือกเย็นลง : “วันนี้ชินชินไม่ว่าง เขาไม่สบาย ไม่เหมาะกับงานเลี้ยงใดๆทั้งนั้น”
หลังจากนั้นเธอก็วางสายไปเลย!
เคมี : “…….”
ไม่สิ ตัดบทอย่างสะอาดหมดจดแบบนี้ แล้วเขาจะไปอธิบายกับท่านประธานอย่างไร?
เคมีรู้สึกว่าจะจัดการยากแล้ว
แต่เขายิ่งคิดไม่ถึง ว่าตอนที่เขาวางสายนี้ไปแล้วนั้น ตรงหน้าประตูคอนโดของเส้นหมี่นั้น มีคนมาถึงเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษนะครับ ที่นี่คือที่อยู่ของคุณเส้นหมี่หรือเปล่า? พวกเรามารับคุณหนูชินจัง”