“หม่ามี๊หมายถึงว่าเราจะกลับไปหาน้องกันนะครับ ไม่ใช่เรืองรองนะลูก ชินชินอยากกลับไปไหม?”
เส้นหมี่มองเด็กน้อยที่ไม่อยากจะสนใจตัวเอง แล้วตั้งใจพูดขึ้นมาข้างๆหูของเขา
และเป็นอย่างที่คิด สิ้นเสียงแล้ว เด็กน้อยที่เดิมทีหลับตาอยู่ในอ้อมกอดของหม่ามี๊ ขนตายาวหนานั่นสั่นไหว เผยให้เห็นความผ่อนคลายออกมา
เส้นหมี่อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้
และในตอนนั้นเธอก็พาเขาออกมาจากโรงพยาบาล แล้วไปยังที่ที่เธอพักอยู่ และครั้งนี้ชินจังที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอนั้นก็ไม่ได้มีอารมณ์ที่ต่อต้านออกมาให้เห็นอีก
จริงๆแล้วเส้นหมี่รู้สึกผิดมาก เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าในใจของลูกคนนี้ตัวเองสำคัญมากขนาดนี้ เมื่อก่อนทุกครั้งที่เธอไปจากเขา อารมณ์ของเขานั้นหดหู่ เธอเพียงแค่คิดว่านั่นเขาทำใจจากเธอไม่ได้เท่านั้น
แต่คิดไม่ถึง ว่าเธอจะมีผลกระทบต่อเขามากขนาดนี้!
เส้นหมี่ตัดสินใจว่าก่อนจะหย่า จะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีก่อนอย่างแน่นอน
เส้นหมี่พาลูกกลับมาที่คอนโด คิดว่าลูกทั้งสองคนเธอยังไม่กลับมานั้นก็จะอยู่ที่บ้านเช่นกัน แต่หลังจากที่เธอเปิดประตูกลับพบว่าด้านในไม่มีคนอยู่เลย
เอ๋? ลูกล่ะ?
เธอตกตะลึงไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาพี่ภาทันที : “ฮัลโหล พี่ภา พี่พาเด็กสองคนไปหรือเปล่าคะ?”
พี่ภาอึ้งไป : “เปล่านะคะ คุณเส้นหมี่ พี่ไม่ได้พาลูกคุณไปนะ”
เส้นหมี่ : “…….”
และทันใดนั้นเองความตื่นตระหนกที่อยู่ในใจนั้นก็พรั่งพรูออกมา เธอวางสายไปแล้วรีบเข้าไปดูในห้อง
กลับเห็นว่าในห้องของลูกนั้นยังดีอยู่ แต่ตอนที่เธอมายังห้องของตัวเองนั้น พบว่าเตียงของเธอนั้นดูยุ่งเหยิงเหมือนกับมีคนขึ้นไปนอน แม้แต่ใต้เตียงก็ยังทิ้งกระดาษทิชชูเอาไว้สองกองด้วย
“แด๊ดดี้ครับ!”
“เราว่าอะไรนะ?”
เส้นหมี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ดูเหมือนจะรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาในทันที ดวงตาเบิกขึ้นก้มลงมองที่ลูกชายที่เข้ามาด้วยกัน
ชินจังชี้ไปทางตู้ตรงหัวเตียง : “นาฬิกา…..”
เส้นหมี่ : “………”
สุดท้ายแล้วในใจของเธอนั้นก็ว้าวุ่นไปหมด……
——
ในตึกหิรัญชากรุ๊ป
วันนี้เช้าแสนรักลืมใส่นาฬิกาข้อมือมาด้วยจริงๆ
ตอนเช้าที่เขาตื่นขึ้นมา ก็ถูกลูกชายเรียกให้ไปมัดผมให้กับหนูน้อยคนนั้น วุ่นวายกันตั้งแต่เช้า จำได้เสียที่ไหนว่าจะต้องใส่นาฬิกาของเขาด้วย?
ดังนั้น เคมีพบว่าทั้งวันที่ข้อมือของท่านประธานนั้นว่างเปล่า
แปลกจริง นาฬิกาของท่านประธานไปไหนแล้ว?
เคมีหอบเอกสารกองหนึ่งเข้ามา หลังจากที่วางลงบนโต๊ะท่านประธานแล้ว ก็มองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง : “ท่านประธานครับ เดี๋ยวพวกเราจะไปสนามบินกันไหมครับ?”
“ไปสนามบินทำอะไร?”
คิดไม่ถึงจริงๆว่าชายหนุ่มที่กำลังยุ่งอยู่ที่โต๊ะ เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาย้อมถามอย่างแปลกประหลาด
เคมีถึงกับสำลัก
ไม่สิ ไม่ได้ใส่นาฬิกาแค่นั้นเอง คงจะไม่ใช่ว่าแม้แต่คำพูดของตัวเองก็จำไม่ได้หรอกใช่ไหม?
หรือว่าที่เมื่อวานบอกเขาว่าวันนี้จะไปต่างประเทศเขาจะลืมไปแล้ว? ตอนนั้นเขารีบร้อนให้จองตั๋วให้ขนาดนั้นนี่นา
เคมีรู้สึกว่าตัวเองจะต้องเตือนเสียหน่อย : “ไม่ใช่ครับ ท่านประธาน เมื่อวานที่ท่านประธานบอกว่าจะไปเมืองM แล้วยังให้ผมจองตั๋วเครื่องบินวันนี้ตอนสิบเอ็ดโมงด้วยครับ”
สิ้นเสียงแล้วนับว่าเจ้านายก็ไม่ได้เอ่ยพูดออกมาแล้ว
แต่เขาก็นั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่เห็นขยับเขยื้อน เพียงแค่หลังจากที่ร่างกายแข็งทื่อไปนั้น ก็เห็นเขาหยิบกองเอกสารที่เขาเพิ่งจะหอบมาเมื่อครู่นี้ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ดูอย่างไม่สนใจใยดีนัก
“ไม่ไปแล้ว”
“หา?” เคมีรู้สึกอึ้งไปพักหนึ่ง “ไม่ไปแล้ว?”
“อืม คุณหนูดาวของนายกลับมาแล้ว ตอนเย็นไปจองห้องวีไอพีเอาไว้เลี้ยงต้อนรับเธอด้วย” แสนรักเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆ
เคมี : “……”
จำเป็นด้วยเหรอ?
สองพี่น้องนี่ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณหนูดาวกลับมา เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าทำเป็นไม่เห็นหรอกอย่างนั้นหรือ?
ไม่อย่างนั้น ก็เป็นคุณหนูดาวนึกขึ้นมาได้ อย่างมากก็มาดูน้องชายคนนี้ที่บริษัท เปลี่ยนไปเป็นต้องมาเลี้ยงต้อนรับพี่สาวคนนี้ด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เคมีรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่ในเมื่อเจ้านายสั่งมาแล้ว เขาก็ทำได้เพียงต้องทำตาม
“ถ้าอย่างนั้นจะต้องแจ้งกับทางคุณชายเล็กด้วยไหมครับ?”
“นี่ไม่ใช่ว่านายพูดเหลวไหลอยู่?”
“แล้วทางคุณเส้นหมี่ล่ะครับ?”เคมีเอ่ยถามขึ้นด้วยความระมัดระวังอีกครั้ง
ความหมายของเขานั้นง่ายมาก ในเมื่อจัดงานเลี้ยงครอบครัว ก็จะต้องบอกกับคุณชายเล็ก คิวคิวเองก็เป็นลูกชายของท่านประธานด้วยเช่นกัน ควรจะต้องแจ้งอยู่แล้ว และพอดีกับที่คุณป้าคนนี้ยังไม่เคยเจอเขาด้วยพอดี
แต่ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกก็คือ ข้อเสนอนี้ของเขา แสนรักปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยเสียด้วยซ้ำ
“ไม่ต้อง นายไปรับชินจังที่เรืองรองมาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”
“ครับ”
เคมีเห็นสถานการณ์แล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก หันหลังกลับออกไปจัดการกับเรื่องนี้
แสงดาว ไม่ต้องเจอจะดีกว่าจริงๆ
เนื่องจากว่าเทียบกับแสนรักแล้ว คุณหนูดาวคนนี้อยู่ในตระกูลหิรัญชาจะน่ากลัวยิ่งกว่า นิสัยที่แปลกประหลาดนั่นอีกทั้งยังสุดขั้ว แทบจะทำให้คนตระกูลหิรัญชาถึงขั้นเลี่ยงออกห่างไปแล้ว
โดยเฉพาะเส้นหมี่ในตอนนั้น
แน่นอนว่าเส้นหมี่ไม่รู้ว่าแสงดาวกลับมาแล้ว หลังจากที่วันนี้เธอไม่ได้ไปทำงาน ก็อยู่ดูแลลูกชายคนโตอยู่ที่บ้านตลอด
สองแม่ลูกอยู่ในบ้านทำอาหารอร่อยๆทาน รอจนถึงช่วงบ่าย เส้นหมี่ก็พาเขาไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อชุดเครื่องนอนใหม่ทั้งหมดและยังมีชุดนอนที่เหมือนกับน้องชายและน้องสาวอีกด้วย
หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ไปรับน้องชายและน้องสาวที่โรงเรียนอนุบาล