บทที่ 236 อำลา

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 236 อำลา
ฉินเทียนรีบพูด: “เธอไม่ต้องเป็นห่วง”

“ฉันไม่เพียงแต่จะมีชีวิตรอดกลับมา แต่จะนำตัวนายท่านกลับมาอย่างปลอดภัยด้วย”

เมื่อพูดจบ เพื่อเป็นการทำให้หลิวหรูยู่วางใจ เขาจึงยิ้มพลางพูดอีกว่า: “เธอลืมไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นมือปืนเทพคนหนึ่งเลยนะ”

“ครั้งก่อนตอนอยู่ต่างประเทศ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อันตรายขนาดนั้น ฉันยังสามารถรอดออกมาได้อย่างปลอดภัยอยู่เลย”

“นอกเหนือจากมือปืนเทพแล้ว ฉันยังเป็นนักดาบเทพอีกด้วย แม้แต่จุยเฟิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”

หลิวหรูยู่เช็ดน้ำตาทีหนึ่งแล้วพูดว่า: “ฉันเชื่อใจนาย”

“งั้นนายดื่มเหล้ากานี้ก่อน”

เดิมทีฉินเทียนอยากปฏิเสธอยู่ แต่เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของหลิวหรูยู่แล้ว สถานการณ์ ณ วินาทีนี้ มันยากที่จะปฏิเสธได้จริง ๆ

เขารู้อยู่ว่านี่คือน้ำจิตน้ำใจของหลิวหรูยู่ ถ้าเกิดเขาไม่ดื่ม หลิวหรูยู่ต้องเสียใจแน่นอน

ก็แค่เหล้าอำลาจิ๊บจ๊อยหนึ่งกาไม่ใช่หรือ

ดื่มก็ดื่ม

“ก็ได้”เขารับมันมา แล้วดื่มหนึ่งอึกใหญ่ก่อนจะพูดว่า: “ตอนนี้ได้หรือยัง?”

หลิวหรูยู่พูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ: “นี่คือคำอวยพรและการฝากฝังของฉัน”

“นายต้องดื่มให้หมด”

ฉินเทียนรู้สึกว่าเหล้านี้อ่อนนุ่มละมุนลิ้นมาก ไม่เข้มข้นแต่อย่างใด น่าจะเป็นเหล้าที่ดีกรีต่ำ ๆ ละมั้ง

เมื่อเห็นว่าหลิวหรูยู่ยืนหยัดขนาดนี้ เขาจึงทำได้แค่ดื่มเหล้าเกือบครึ่งกาให้หมดภายในอึกเดียว

ถึงแม้ความสามารถในการดื่มเหล้าของเขาจะไม่เลว ทว่าหลังจากที่ดื่มหมดแล้ว เขาก็ไอสองทีอย่างอดไม่ได้เช่นกัน ใบหน้าแดงก่ำ

แต่ว่าอยู่ต่อหน้าหลิวหรูยู่ เขาจึงเขินอายที่จะรีบใช้กำลังภายในไปทำให้ฤทธิ์เหล้าสลายหายไป

“ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?”

“ถ้าเกิดไม่มีอะไรแล้วละก็ เธอก็รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

“ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คนที่ลำบากที่สุดก็คือเธอเลยนะ”เขามองหน้าหลิวหรูยู่พลางพูด

จู่ ๆ ใบหน้าของหลิวหรูยู่ก็แดงก่ำมากยิ่งขึ้น เธอพยักหน้าพลางพูด: “งั้นนายก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะ”

จากนั้นเธอก็หยิบกาเหล้าขึ้นมา ก่อนจะหันหลังแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ฉินเทียนมักจะรู้สึกว่าหลิวหรูยู่ดูแปลก ๆ อยู่เล็กน้อยยังไงไม่รู้

แต่สรุปแล้วมันแปลกตรงไหนนั้น เขาก็พูดไม่ออกเหมือนกัน

แต่ทว่าศึกสงครามครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น เขาจึงไม่ไปคิดอะไรมาก

เขารู้อยู่ว่านายท่านอานกั๋วสำคัญต่อหลิวหรูยู่มาก ๆ

ก่อนหน้านี้คิดว่าอานกั๋วเสียชีวิตไปแล้ว ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน สภาพของหลิวหรูยู่ก็เหมือนตายตามไปแล้วรอบหนึ่งยังไงอย่างนั้น

ตอนนี้ตัวเองจะมุ่งหน้าไปยังเป่ยเจียงตัวคนเดียว เพื่อไปช่วยชีวิตอานกั๋ว

การที่หลิวหรูยู่ใช้เหล้ากาหนึ่งเพื่ออำลาตัวเองนั้น มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่

เธอกำลังเป็นห่วงอานกั๋ว ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นห่วงตนเองเช่นกัน

เวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เขากลับไปที่บนเตียงนอน นั่งท่าขัดสมาธิเหมือนเดิมอีกครั้ง เตรียมพร้อมที่จะพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายต่อ

ทว่าดูเหมือนกับว่าเหล้าที่เขาเพิ่งดื่มไปในเมื่อกี้นี้ จะกลายเป็นไอร้อนอยู่ภายในร่างกายเขา

ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

เมื่อใช้มือลองลูบ ๆ ใบหน้า พบว่าใบหน้าก็ร้อนผ่าวเล็กน้อยเช่นกัน

จนถึงกับทำให้เขาไม่สามารถสงบจิตสงบใจลงไปได้

“ความสามารถในการดื่มเหล้าของฉันถดถอยลงไปแล้วงั้นเหรอ?”เขาพูดแขวะตัวเองคำหนึ่ง แล้วถอดเสื้อผ้าออกซะเลย ก่อนจะนอนลงบนเตียง

หากสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจะไม่ฝืนฝนเด็ดขาด ซึ่งนี่เป็นหลักการของเขา

ร้อนเกินไปแล้ว!

บวกกับผ้าห่มที่นุ่มลื่นมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก

“นี่มันเหล้าอะไรเนี่ย ทำไมอาการที่ตามมาถึงรุนแรงขนาดนี้!”

รู้สึกว่าทั้งร่างกายอยู่บนเครื่องนึ่ง สติสัมปชัญญะถึงกับรางเลือนเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะพูดแขวะคำหนึ่ง

ในขณะที่สติเลอะเลือนอยู่นั้น ก็มีลมที่เย็นสบายพัดมาจากด้านนอก

ทำให้เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

เขาลืมตาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้แล้วมองออกไปข้างนอก

ทันทีที่มองออกไป เขาก็ต้องหยุดชะงักลงไปอย่างควบคุมไม่ได้

เห็นเพียงประตูห้องถูกเปิดออก ภายใต้แสงจันทร์ มีเงาร่างของคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู

ไม่นึกเลยว่าคนคนนั้นจะเป็น……หลิวหรูยู่

“หรูยู่ ทำไมถึงเป็นเธอล่ะ?”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”ฉินเทียนตกตะลึง ก่อนจะรีบถาม

หลิวหรูยู่ปรากฏตัวในช่วงดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ เขาก็คิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรซะอีก

หรือว่าคนในเป่ยเจียงใช้โอกาสนี้ไล่ล่ามาถึงที่นี่แล้ว?

หรืออานกั๋วเกิดเรื่องในเป่ยเจียง

มิเช่นนั้นละก็ หลิวหรูยู่ไม่มีทางมาห้องนอนของตัวเองตอนดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้แน่นอน อีกอย่างดูเหมือนกับว่าเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวเธอจะน้อยชิ้นด้วย

น่าจะเป็นเพราะภายใต้สถานการณ์ที่เร่งรีบ เธอไม่มีเวลาใส่เสื้อผ้าเพิ่มก็วิ่งมาก่อนแล้ว

เขาอยากลงไปจากเตียงโดยสัญชาตญาณ แต่ว่าเขาก็รู้สึกตัวทันทีว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้า

“หรูยู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เธอรีบพูดสิ!”เมื่อเห็นว่าหลิวหรูยู่ไม่พูดอะไร เขาจึงรีบพูดเร่ง

และในเวลานี้เองเขาก็รู้สึกว่าหัวสมองตัวเองเริ่มไม่ได้สติ

หลิวหรูยู่มองดูเขานิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร จากนั้นเธอก็ปิดประตูห้องนอน เดินตรงมาทางเตียงใหญ่ด้วยเท้าเปล่าอย่างรวดเร็ว

“อย่า!”ฉินเทียนตระหนักเรื่องบางอย่างได้ เขารีบพูดหนึ่งคำ อยากจะหลบหลีก

อย่างไรก็ตาม หลิวหรูยู่กลับไม่ให้โอกาสเขาทำแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ

“หรูยู่ อย่าทำแบบนี้!”

“เธอรีบไป!”เขาพูดกดเสียงต่ำ

“การจาลาในวันพรุ่งนี้ มันมีแนวโน้มไปทางร้ายมากกว่าดี”

“ตอนนี้ ฉันจะทำให้นายจดจำฉันไว้ในใจ!”

……

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่

ฉินเทียนถอนหายใจเฮือกยาว ในที่สุดก็ใจเย็นลงไปได้สักที

เขามองดูหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูด: “ในเหล้ามีสิ่งแปลกปลอม ใช่ไหมล่ะ?”

หลิวหรูยู่พูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ: “นายรู้ตัวช้าเกินไปแล้ว”

ฉินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น: “ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ”

“เธอเป็นซุปตาร์ดัง ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย”

หลิวหรูยู่กอดเขาไว้แล้วพูดเสียงต่ำ: “ถือซะว่าเป็นความฝันครั้งหนึ่งแล้วกัน”

“นายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไม่ตามตื๊อนายแน่นอน และจะไม่เอาเรื่องนี้มาข่มขู่นายด้วย”

“ฉันแค่หวังว่านายจะจดจำฉันได้นิดเดียวก็พอแล้ว หากไปถึงเป่ยเจียง นายต้องใช้ความฉลาดเพื่อให้ได้มา หรือไม่ก็ฝืนแบกรับทุกอย่างเอาไว้ ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้”

“จากนั้นพาปู่ฉันกลับมาอย่างปลอดภัย”

ฉินเทียนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูด: “แล้วถ้าเกิดฉันตายล่ะ?”

หลิวหรูยู่กัดฟันแน่น เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาที่น้ำตาคลอเบ้าพลางพูด: “งั้นฉันก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว”

“อย่างน้อย ฉันก็ไม่พลาดโอกาส”

ฉินเทียนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

เขาเข้าใจอารมณ์ของหลิวหรูยู่ได้อยู่

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอกลัวว่าถ้าตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้เธอจะพลาดโอกาสตลอดไป

เพราะฉะนั้นเธอจึงใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้ คว้ามันไว้อย่างกล้าหาญ

อีกอย่างเธอก็อยากใช้โอกาสนี้ มอบกำลังใจและมอบความห่วงใยให้ตัวเองด้วย

หวังว่าเมื่อตัวเองนึกถึงเรื่องดี ๆ ของเธอแล้ว จะทำให้ตนระเบิดอำนาจที่น่าเกรงขามออกมาได้ และกลับมาพร้อมกับชัยชนะ

เรื่องดำเนินการมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

แต่ทว่าเขาก็รู้สึกผิดอยู่ในใจเล็กน้อยเหมือนกัน

ถ้าเกิดจิตใจของตัวเองนิ่งกว่านี้อีกหน่อยก็คงดีแล้ว

ราวกับหลิวหรูยู่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอก็รู้สึกละอายและเขินอายเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน

เพื่อเป็นการทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ เธอจึงพูดเสียงต่ำว่า: “เดี๋ยวฉันร้องเพลงให้นายฟังเพลงหนึ่งดีกว่า”

“นายชอบฟังเพลงอะไร?”

“หญ้าฤดูใบไม้ผลิเป็นไง? นี่เป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับฉันเลยนะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็เริ่มร้องด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

หญ้าฤดูใบไม้ผลิเขียวชอุ่ม ฝนฤดูใบไม้ผลิหนาแน่น อำลากันบนฝั่ง อย่าถามว่าจะกลับมาตอนไหน……

ในที่สุดฟ้าก็สว่างสักที

หลิวหรูยู่นอนตะแคงอยู่บนเตียง พลางมองหน้าฉินเทียนเงียบ ๆ ผมที่เงาดำและแขนที่ขาวนาล ดุจคนในภาพวาด

“งั้นฉันไม่ไปส่งนายแล้วนะ”

“ขอให้นายกลับมาพร้อมกับชัยชนะ”เธอพูดเสียงต่ำ ดวงตาค่อย ๆ แดงก่ำขึ้นมา

เมื่อฉินเทียนเห็นลักษณะท่าทางแบบนี้ของเธอแล้ว เขาก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน

หนี้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ หนี้ทางความรู้สึกเป็นสิ่งที่ชดใช้ยากมากที่สุด

เดิมทีหลิวหรูยู่ยืดตัวออกมาในช่วงเวลาสำคัญอย่างอาจหาญไม่เกรงกลัว ตกลงว่าจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้ครีมซูยู่ของเขา

เขาเลยตกลงกับหลิวหรูยู่ว่าจะช่วยรักษาโรคให้อานกั๋ว

แบบนี้ทั้งสองก็จะไม่ติดค้างอะไรกัน

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะพัฒนามาถึงขั้นนี้

“เธอพักผ่อนดี ๆ เถอะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะพานายท่านกลับมาอย่างปลอดภัย”

เขาพูดเสียงทุ้มคำหนึ่งด้วยบุคลิกลักษณะอันอาจหาญ ก่อนจะหันหลังแล้วก้าวเท้ายาวเดินออกไปจากห้องนอน