บทที่ 237 อำลาคุณผู้ชาย

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 237 อำลาคุณผู้ชาย
หลังจากเดินออกมาจากประตูลานบ้าน ฉินเทียนก็ผงะไปอย่างควบคุมไม่ได้

เห็นเพียงด้านหน้าคือสีดำเป็นแถบ ไม่รู้ว่ามีคนเยอะมากเท่าไหร่ โดยที่มีหูปินเป็นผู้นำ ทุกคนล้วนอยู่ในเสื้อดำกางเกงดำโดยสิ้นเชิง

ถือดาบยาวและปลอกดาบไว้ในมือ ตรงหน้าผากมีผ้าสีแดงผูกไว้ ผ้าแเงลอยสบัดไปพร้อมกับสายลม

บนใบหน้าของทุกคนเปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เขนฆ่าสุดชีวิต

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉินเทียนดูไม่ค่อยดี หูปินจึงรีบเดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “น้องชาย นายรู้สึกว่าแรงกดดันมากล้นเท่าภูเขาเลยใช่ไหม?”

“ไม่ต้องกลัว!”

“มีฉันหูปินคอยนำเหล่าผู้กล้าหาญสามพัน อำลานายที่ริมแม่น้ำอยู่!”

“หลิวเช่อที่เป็นราชาเป่ยเจียง แค่ส่งตัวนายและนายท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็แล้วไป หากบังอาจแตะต้องตัวนาย ฉันก็จะนำกำลังพลฆ่าไปถึงเป่ยเจียง!”

“ใช้เลือดย้อมเป่ยเจียง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เหล่าผู้กล้าหาญที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนเสียงดัง: “ใช้เลือดย้อมเป่ยเจียง!”

“ใช้เลือดย้อมเป่ยเจียง!”

ฉินเทียนพูดด้วยความลำบากใจเล็กน้อย: “ฉันไม่ได้รู้สึกกดดันเท่าภูเขาเลย……”

“แล้วทำไมสีหน้าของนายถึงย่ำแย่ขนาดนั้นล่ะ?”

“เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนหลับดี ๆ !”

“คุณหนูล่ะ? เธอมาอำลานายไม่ใช่หรอกเหรอ?”หูปินรีบถามอย่างเป็นห่วง

ฉินเทียนรู้ว่าหูปินเข้าใจผิดแล้ว เขาจึงกระแอมทีหนึ่งแล้วพูด: “ไม่เป็นไร”

“ก็แค่เป่ยเจียงเองไม่ใช่เหรอ ฉันไปประเดี๋ยวเดียวก็กลับ”

“คุณหู ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ก็ได้มั้ง?”

“บอกให้พวกพี่น้องแยกย้ายกันเถอะ!”

“ได้ยังไง!”หูปินพูดด้วยน้ำเสียงที่พิโรธ: “ถึงแม้พี่น้องทุกคนจะไม่ได้เหยียบย่ำลงบนผืนแผ่นดินของเป่ยเจียง แต่พวกเราก็ต้องทำให้ผู้คนในเป่ยเจียงได้เห็นถึง”

“ความมั่นใจและพลังของหนานเจียงของเรา!”

“พี่น้องทุกคน ตั้งขบวน เชิญคุณผู้ชายขึ้นรถ!”

กลุ่มคนชุดดำที่ดูน่าเกรงขาม แยกออกเป็นเส้นทางเส้นหนึ่ง

ราชาบู๊หูปินเปิดประตูรถให้ฉินเทียนด้วยตนเอง

ฉินเทียนเข้าใจอารมณ์ของคนเหล่านี้อยู่ เหมือนดั่งหลิวหรูยู่ที่รู้สึกละอายต่อเขา

เนื่องจากเดิมทีนี่เป็นเรื่องของตระกูลอานพูดตามหลักแล้ว มันไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉินเทียนเลย

ฉินเทียนรักษาอาการโรคของอานกั๋วจนหาย ถือเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่แล้ว ซึ่งเขาสามารถไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้

มิหนำซ้ำยังเป็นการไปเผชิญหน้ากับความตายเพียงคนเดียวด้วย

แต่ทว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะหลบหนี แต่เป็นการเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน

เพราะฉะนั้นผู้คนในตระกูลอานจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณเป็นอย่างมาก ต่างอยากทำอะไรเพื่อฉินเทียนบ้าง

หากไม่ให้พวกเขาทำ สภาพจิตใจของพวกเขามีแต่จะย้ำแย่มากยิ่งขึ้น

แต่ทว่าการที่ไม่เห็นหน้าจุยเฟิงนั้น เป็นสิ่งที่ฉินเทียนคาดไม่ถึงเล็กน้อย

หูปินพูดกดเสียงต่ำ: “ราชาลับรออยู่ที่ริมแม่น้ำแล้ว ทางเราจัดเตรียมเรือให้คุณผู้ชายเรียบร้อยแล้ว”

ฉินเทียนพยักหน้า จากนั้นเขาถึงจะเดินขึ้นรถ

หูปินเป็นคนขับรถด้วยตนเอง

คนอื่นที่เหลือก็ต่างพากันกระโดดขึ้นรถ

มีรถยนต์ทั้งหมดเกือบร้อยคัน เรียงรายกันเป็นแถวยาว ขับออกจากคฤหาสน์ตระกูลอานขับแล่นอยู่บนถนนของเมืองหลวง

บนถนน เมื่อบุรุษวัยรุ่นจำนวนมากได้ยินเรื่องนี้ รวมไปถึงทหารที่ซื่อสัตย์และมีสัจจะเห็นรถยนต์แล้ว ต่างก็พากันตะโกนเสียงดังว่า:

“ร่วมอำลาคุณผู้ชาย!”

“ร่วมอำลาคุณผู้ชาย!”

ทุกตำแหน่งที่รถขับเคลื่อนผ่าน ผู้คนก็จะพากันหลบเลี่ยง

เมื่อฉินเทียนเห็นภาพเหตุการณ์นี้เขาก็รู้สึกทอดถอนใจ และรู้สึกเคารพเลื่อมใสอานกั๋วเล็กน้อย

เขารู้อยู่ว่าคนเหล่านี้ตะโกนและมาที่นี่ด้วยความสมัครใจ

เมื่อเปรียบเทียบกับพลังคณะบู๊ที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลอานคนเหล่านี้เป็นหินรากฐานที่ประคองตำแหน่งราชาหนานเจียงของอานกั๋วไว้ต่างหาก

อานุภาพของลัทธิเต๋าไม่ได้อยู่ที่ราชสำนัก แต่อยู่ที่ประชาชน

เหล่าผู้คนที่มาร่วมอำลาด้วยความสมัครใจนี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ผู้คนในตระกูลอานแต่พวกเขาแทบจะได้รับการทุ่มเทและการช่วยเหลือในทุก ๆ ด้านจากอานกั๋ว

เพราะฉะนั้นในจิตใจของพวกเขา อานกั๋วก็คือหอโคมไฟ

ตอนนี้หอโคมไฟของพวกเขากำลังทรุดตัวลง หนานเจียงกำลังจะจมดิ่งสู่ความมืดตลอดกาล

ภายใต้สถานการณ์ที่อันตราย มีนักรบผู้กล้าจะข้ามแม่น้ำไปช่วยชีวิตตัวคนเดียว

ในจิตใจของพวกเขา นักรบผู้กล้าคนนี้ก็คือผู้มีพระคุณของพวกเขา

เป็นความหวังที่จะขับไล่ความมืด และตามหาแสงสว่างกลับคืนมา

แต่ทว่าท่ามกลางผู้คน ก็มีสายตาที่ดูแปลกใจหลายคู่เหมือนกัน

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว พวกเขาก็จากไปอย่างเงียบ ๆ กลับไปที่ตระกูลพาน

“รายงานเจ้าบ้าน และคุณชายหู่ครับ”

“ขบวนรถที่ฉินเทียนนั่ง ได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางของท่าเรือแล้วครับ”

“หากไม่มีอะไรผิดพลาด ครั้งนี้มันจะลุยเดี่ยวไปช่วยชีวิตอานกั๋วคนเดียวจริง ๆ ครับ”

เมื่อได้ยินคำรายงาน ก็มีไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นมาในแววตาของพานโหย่วจื้อและพานหู่พร้อมกัน

“หน็อยไอ้ฉินเทียน ฉันดูถูกมันเกินไปสินะ”

“กล้าเดินทางไปเป่ยเจียงคนเดียวงั้นเหรอ มันคิดว่าเป่ยเจียงเป็นสถานที่แบบไหน?”

“มันคิดว่าตัวเองเป็นผู้กู้โลกจริง ๆ เหรอ?”

“ครั้งนี้ มันต้องได้ตายอย่างไร้ที่ฝังแน่นอน!”

พานหู่พูดเสียงต่ำ: “พ่อบุญธรรมครับ ขอแค่ฉินเทียนมันตายไป ความแค้นครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลเราก็จะถูกชำระสักที!”

“ผมแค่รู้สึกเคืองที่ไม่สามารถลงมือฆ่ามันด้วยมือตัวเองได้!”

“และเอาหัวของมันไปเซ่นไหว้ต่อหน้าวิญญาณของพี่สองและพี่สาม!”

พานโหย่วจื้อกัดฟันพลางพูด: “หัวของฉินเทียน พ่อรับไว้แน่!”

“อะหู่ พ่อรู้อยู่ว่าแกมีการติดต่อกับทางเป่ยเจียงมาโดยตลอดเลยใช่ไหม?”

“ตอนนี้แกรีบโทรหาพวกเขาเดี๋ยวนี้ รายงานการเดินทางของฉินเทียนให้พวกเขาทราบ!”

พานหู่พูดเสียงต่ำทุ้ม: “ลูกมีการติดต่อกับหนึ่งในนายพลที่เป็นเบื้องล่างของราชาเป่ยเจียงมาโดยตลอดเลยครับ”

“ก่อนหน้านี้เขาร่วมมือกับพวกเรา ช่วยเขาโค่นล้มอานกั๋ว และแบ่งหนานเจียงด้วยกัน”

“ตอนนี้ผมจะรีบโทรหาเขาเดี๋ยวนี้เลยครับ”

หลังจากที่พานหู่คุยโทรศัพท์เสร็จ พานโหย่วจื้อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า: “อะหู่ แกยังมีลูกน้องอีกกี่คน?”

“ที่พ่อหมายถึงคือคนที่สามารถสู้รบ และมีจิตใจที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลพานของเรา”

“พวกไม้หลักปักเลนก็ช่างมันเถอะ”

พานหู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “คนที่ติดตามผมและเหล่าพี่น้องที่ติดตามพ่อบุญธรรมด้วยความซื่อสัตย์ ยังเหลืออีกประมาณร้อยกว่าคนครับ”

“ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ก็ได้รับบุญคุณจากพี่รองด้วยเหมือนกัน พวกเขาก็รู้สึกโกรธแค้นต่อการตายของพี่รองมาก ๆ ”

“พ่อครับ ท่านมีแผนการอะไรหรือ?”

พานโหย่วจื้อกัดฟันแล้วตอบกลับ: “รีบเรียกให้พวกเขามารวมตัวกัน!”

“การเดินทางไปเป่ยเจียงในครั้งนี้ของฉินเทียน มันไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับมาได้ และราชาเป่ยเจียงก็ไม่มีทางปล่อยให้โอกาสที่สามารถฆ่าอานกั๋วให้หลุดมือไปเช่นกัน”

“หากเป็นไปตามที่พ่อคาดการณ์เอาไว้ ขอแค่ฉินเทียนและอานกั๋วตายอยู่ในเป่ยเจียง งั้นเหล่าลูกน้องของอานกั๋วก็ต้องบุกโจมตีเข้าไปในเป่ยเจียงอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน”

“ถึงตอนนั้น หนานเจียงก็จะว่างเปล่า แกค่อยสั่งการคนของแก ปราบปรามกากแดนตระกูลอานให้ราบคาบในทีเดียว!”

“พวกเราต้องตีขนาบประสานกับราชาเป่ยเจียง ยึดครองหนานเจียงให้ได้โดยสิ้นเชิง!”

พานหู่ลังเลใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า: “พ่อครับ ถ้าเกิดทำไม่สำเร็จ ตระกูลพานของเราก็ยากที่จะยืนหยัดอยู่ในหนานเจียงได้แล้วนะครับ”

“ท่านยืนยันที่จะทำแบบนี้จริง ๆ หรือ?”

พานโหย่วจื้อพูดด้วยอารมณ์ที่พิโรธ: “ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร!”

“อีกอย่างสภาพตระกูลพานของเราก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้จะพ่ายแพ้ เราจะอนาถได้มากแค่ไหนกัน?”

“อะหู่ พี่ใหญ่แกถูกจับ พี่รองถูกฆ่า ตอนนี้ พ่อพึ่งพาแกได้แค่คนเดียวแล้ว”

“และแกก็เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลพานเราเช่นกัน”

“หลังจากปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้สำเร็จ พ่อจะฝากตระกูลพานไว้ในมือแก ถึงตอนนั้นแกก็จะเป็นราชาคนใหม่ของหนานเจียง!”

พานหู่พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ: “ขอบคุณมากครับพ่อ!”

“ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตนี้ ผมก็จะยึดหนานเจียงและมอบมันให้แก่พ่อ!”

พูดจบ เขาก็เริ่มจัดแจงอย่างรอบคอบ ลูกน้องร้อยกว่าคนที่ซื่อสัตย์ล้วนกบดานอยู่บริเวณรอบ ๆ ตระกูลอาน

รอเพียงข่าวที่ส่งมาจากเป่ยเจียง พวกเขาก็จะลงมือฆ่าทันที

ในขณะเดียวกัน ณ เป่ยเจียง

“อะไรนะ ฉินเทียนจะเดินทางมาคนเดียวจริง ๆ หรือ?”

“น่าสนใจดีแฮะ ฉันไม่เคยได้พบเจอวัยรุ่นแบบนี้มานานมาก ๆ แล้ว!”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ มาได้ตรงจังหวะจริง ๆ !”

“งั้นเราก็ให้มันได้เห็นถึงความเก่งกาจของเป่ยเจียงเราซะ!”

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งอาจหาญขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทั้งตัวเขาเปี่ยมล้นไปด้วยออร่าของผู้มีอำนาจบารมีสูงส่ง

“เคลียร์ถนนให้สะอาด เตรียมกองทัพซุ่มโจมตี!”