บทที่ 238 เหี้ยมโหดกว่าพวกมัน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 238 เหี้ยมโหดกว่าพวกมัน
ในที่สุดขบวนรถก็ค่อย ๆ มาถึงริมแม่น้ำ

ทั้งท่าเรือส่วนตัวถูกปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนา

เบิ่งมองออกไปไกล ๆ มีผู้คนเยอะอัดกันจนเห็นเป็นแถบสีดำที่แทบจะมองไม่เห็นสุดปลายขอบเขต

ไม่มีใครพูดอะไร

บรรยากาศน่าเกรงขามและเคร่งขรึมเงียบสงัด

ฉินเทียนตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้เขาถึงจะเข้าใจว่าผู้กล้าหาญสามพันที่หูปินพูดมา ไม่ใช่คำพูดลวงหลอก

ส่วนที่เขาพามาจากตระกูลอานมีแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น และกองทัพใหญ่กองนี้ได้มาตั้งขบวนอยู่ริมแม่น้ำตั้งแต่เช้าแล้ว

เมื่อเห็นว่าขบวนรถมาถึง พวกเขาจึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง

ราชาเงินทองหนิงทงตะโกนพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม: “ขอต้อนรับคุณผู้ชายด้วยความยินดียิ่ง!”

ทันใดนั้นเอง คนนับพันก็ก้มหัวแล้วตะโกนพูดเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกัน: “ขอต้อนรับคุณผู้ชายด้วยความยินดียิ่ง!”

รถจอดลง หูปินเดินไปเปิดประตูรถและเชิญฉินเทียนลงมาจากรถด้วยตัวเอง

ริมแม่น้ำมีเรือข้ามแม่น้ำลำหนึ่งได้จอดเทียบรออยู่ตั้งนานแล้ว

ราชาลับจุยเฟิง ยืนถือดาบนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร ทำให้รู้สึกเหมือนอากาศฟ้าดินบริเวณนั้นหนาวเย็นจนต้นไม้เหี่ยวเฉา

“มาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นว่าฉินเทียนเดินมาถึงข้างหน้า ริมฝีปากบาง ๆ นั่นของเขาก็ขยับ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา

ฉินเทียนพยักหน้า: “มาแล้ว”

“พร้อมหรือยัง?”

“พร้อมแล้ว”

หนังตาของจุยเฟิงกระตุก ตอบกลับอย่างเย็นเยือก: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ขึ้นเรือเถอะ”

“โอเค”ฉินเทียนกระโดดขึ้นเรือข้ามแม่น้ำ

จุยเฟิงตะโกนเสียงดัง: “ออกเรือ!”

จากการที่เรือลำใหญ่ค่อย ๆ คลื่นออกจากฝั่ง หูปินและหนิงทงที่อยู่ตรงริมฝั่งตะโกนเสียงดัง: “คุณผู้ชายมีอำนาจน่าเกรงขาม!”

“ต้องปราบปรามเป่ยเจียงให้อยู่ในความสงบ และนำพานายท่านกลับมาอย่างปลอดภัยได้แน่นอน!”

“พวกเราจะรอคอยด้วยความนอบน้อม ณ ที่นี่!”

คนนับพันตะโกนเสียงดัง: “คุณผู้ชายมีอำนาจน่าเกรงขาม!”

“ปราบปรามเป่ยเจียงให้อยู่ในความสงบ!”

“พวกเราจะรอคอยคุณผู้ชายด้วยความนอบน้อม!”

ฉินเทียนรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย

แม่งเอ๊ย ไม่ต้องปลุกอารมณ์ขนาดนี้ก็ได้มั้ง!

เขาจงใจพูดแขวะตัวเอง: “ทำเอาดูเป็นพิธีการขนาดนี้ อย่างกับผู้กล้าหาญจะไปแบบไม่มีวันหวนคืนกลับยังไงอย่างนั้น”

“ตลกชะมัด”

เมื่อเห็นว่าจุยเฟิงไม่พูดอะไร เขาจึงหาเรื่องคุย: “นายจะไปเป่ยเจียงพร้อมกันหรือเปล่า?”

“ยู่หลิงหลงบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ไม่อนุญาตให้ลูกหลานตระกูลอานทั้งหมดย่างกรายเข้าไปในผืนแผ่นดินเป่ยเจียงแม้แต่ก้าวเดียว”

“นับประสาอะไรกับนายที่เป็นราชาลับผู้มีอำนาจอิทธิพลมาก”

จุยเฟิงพูดกดเสียงต่ำ: “ฉันจะส่งนายไปถึงฝั่ง แล้วรออยู่บนเรือ จะไม่เหยียบย่ำลงบนผืนแผ่นดินเป่ยเจียง”

จากนั้นเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางฉินเทียนด้วยแววตาที่ซับซ้อนเล็กน้อยพลางพูดเสียงทุ้ม: “การไปในครั้งนี้ มันกลับมาได้ไม่ง่ายจริง ๆ ”

“นี่คือข้อมูลของเป่ยเจียง นายเข้าไปดูเองเถอะ”

เขายื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ฉินเทียน ราวกับรู้สึกว่ามันโหดเหี้ยมมากเกินไป จึงหันหลังกลับไป

หลังจากที่ดูจบแล้ว​ ฉินเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้างเช่นกัน

ศักยภาพของราชาเป่ยเจียงหลิวเช่ออยู่เหนือการจินตนาการของเขามาก ๆ

อิงจากการบันทึก เดิมทีหลิวเช่อคือทหารองครักษ์ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญข้างกายราชาเป่ยเจียงองค์ก่อน

ราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อนถูกราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนวางแผนลอบฆ่า และขึ้นมาคลองบัลลังก์แทน

ภายใต้ความกดดัน นายพลหลายคนในราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อนล้วนล้มเลิกการล้างแค้น เลือกที่จะเดินตามผู้ทรยศ

ซึ่งมีเพียงหลิวเช่อ

แม้เขาจะเป็นแค่ทหารองครักษ์ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญอะไรข้างกายราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อน ทว่าเขากลับสาบานว่าจะล้างแค้นเพื่อเจ้านายของตัวเอง

ภายใต้ความมุมานะอย่างทรหด ในที่สุดเขาก็ใช้จิตใจอันแน่วแน่ที่ยืนหยัดมานานและความลำบากที่ผู้อื่นไม่สามารถจินตนาการได้กำจัดผู้ทรยศทิ้ง

ทำการล้างแค้นให้ราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อน

ในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุนี้หลิวเช่อก็ได้กลายเป็นราชาเป่ยเจียงองค์ใหม่

ปกครองเป่ยเจียงมานาน 20 กว่าปีจนกระทั่งถึงตอนนี้

ภายใต้การนำพาของเขา เป่ยเจียงมีกองทัพที่เกรียงไกร มีรากฐานที่มั่นคง ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าหนานเจียงเลย

ในระหว่างที่เกิดความขัดแย้งทั้งเล็กและใหญ่กับหนานเจียงมามากจนนับไม่ถ้วน เป่ยเจียงก็ไม่เคยเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบมาก่อนเลย

ในเอกสารไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าหลิวเช่อมุมานะบากบั่นพัฒนาเป่ยเจียงให้รุ่งเรืองขึ้นมายังไงกันแน่ จนสามารถล้างแค้นให้ราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อนได้สำเร็จ

แต่ทว่าแค่ประเมินจากเรื่องพวกนี้ ก็พอจะรู้ได้แล้วว่าหลิวเช่อคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

มีจิตวิญญาณที่สามารถฝืนทนการประนาม แบกรับหน้าที่ที่สำคัญยิ่งใหญ่ได้ และมีแผนการอุบายในการควบคุมการใหญ่เช่นกัน

เรียกได้เลยว่าเป็นผู้ที่จะงอก็ได้ จะยืดก็ได้ เป็นบุคคลที่มีความทะเยอทะยานอย่างแท้จริง

แล้วก็เบื้องล่างของเขา ปัจจุบันกองกำลังหลัก ๆ ประกอบจากหลาย ๆ ระดับ

ระดับแรกคือสิบแปดนายพล

ในข้อมูลเอกสารมีการแนะนำสิบแปดนายพลอย่างละเอียดอยู่

หลังจากที่ฉินเทียนดูจบแล้ว เขาก็รู้สึกว่าสิบแปดนายพลนี้ไม่ด้อยไปกว่าราชาทั้งสี่ที่อยู่เบื้องล่างอานกั๋วอย่างแน่นอน

จากนั้น ระดับที่อยู่ถัดจากสิบแปดนายพลคือสามสิบหกเทียนกัง

ระดับที่อยู่ต่ำกว่าสามสิบหกเทียนกัง ยังมีเจ็ดสิบสองตี้ซ่าเลือดเย็น

ถัดจากเจ็ดสิบสองตี้ซ่า ยังมีหนึ่งร้อยแปดผู้กล้าตาย

ให้ตายเถอะ แค่คนพวกนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้มีอิทธิพลส่วนมากจุกได้แล้ว

ยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาเป็นเพียงบุคคลสำคัญ พวกเขายังบัญชาการลูกน้องตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยด้วย

สมกับที่เป็นราชาเป่ยเจียงจริง ๆ !

ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ แม้แต่ฉินเทียนที่ดูแล้วยังขนหัวลุกซู่อย่างอดไม่ได้

มุมปากของจุยเฟิงกระตุก ก่อนที่เขาจะพูดว่า: “หอชงเซียว คือรูปสัญลักษณ์ประจำพรรคของราชาเป่ยเจียงหลิวเช่อ”

“ทุกครั้งที่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับพวกเขา ล้วนต้องเรียกบุคคลสำคัญมารวมตัวกัน เพื่อทำการลงมติสุดท้ายในหอชงเซียว”

“ตอนนี้ ยู่หลิงหลงนัดนายไปเจอกันที่หอชงเซียว นายรู้หรือยังว่ามันอันตรายมากแค่ไหน?”

“เท่าที่ฉันรู้มาจวบจนปัจจุบัน ยังไม่มีคนนอกคนไหนที่สามารถย่างกรายเข้าไปในหอชงเซียวได้แม้แต่ก้าวเดียว”

“เพราะงั้นหากไม่มีอะไรผิดพลาด ลูกมือของหลิวเช่อ สิบแปดนายพล สามสิบหกเทียนกัง เจ็ดสิบสองตี้ซ่าและหนึ่งร้อยแปดผู้กล้าตาย ตลอดจนนักฆ่าหนีภัยที่นับไม่ถ้วน”

“ต้องทำการลอบสังหารนายระหว่างทางแน่”

“อย่าว่าแต่ไปช่วยชีวิตคนเลย นายรู้สึกว่านายสามารถเดินไปถึงหอชงเซียวได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”

ฉินเทียนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด: “เรื่องดำเนินการมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ฉันยังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?”

“จะเดินไปถึงขึ้นไหนได้นั้น ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”

จุยเฟิงกัดฟันแน่น

พูดตามตรงเลยว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ก็ไม่สามารถทำตัวเรียบนิ่งได้หรอกทั้ง

ยิ่งกว่านั้นคือฉินเทียนลุยเดี่ยวโดยที่ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ มาทำสงครามถึงสนามเจ้าถิ่นตัวคนเดียว

นี่แม่งเป็นการทำสงครามที่ไหน นี่มันการสังหารโหดฝ่ายเดียวชัด ๆ !

“ขอให้นายโชคดี”ลังเลใจอยู่นานมาก เขาทำได้เพียงพูดคำพูดนี้ออกมา

“ขอบใจมาก”ฉินเทียนยิ้มพลางตอบกลับ

จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่พูดอะไรอีกเลย

เรือข้ามแม่น้ำทะยานไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ ขับแล่นอยู่บนแม่น้ำมุ่งไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

แม่น้ำที่ยาวหลายพันเมตรดูเหมือนจะยาวไกล แต่ทว่าเรือข้ามแม่น้ำขับแล่นด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ไม่นานนัก ทิวทัศน์ของฝั่งตรงข้ามก็ปรากฏในสายตา

“พี่เฟิง แย่แล้ว!”

“มีคนสกัดอยู่บนท่าเรือฝั่งตรงข้าม!”

ลูกน้องคนหนึ่งพูดอย่างหวาดกลัว

ไม่ต้องให้เขารายงาน ฉินเทียนและจุยเฟิงต่างสังเกตเห็นตั้งนานแล้ว

บนหาดหินฝั่งตรงข้าม มีทั้งหมด 20 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นกลุ่มละสิบคน หรือจำนวนคนทั้งหมด 200 คนถ้วนนั่นเอง

ในมือของพวกเขาล้วนมีอาวุธสั้นยาวที่แตกต่างกันออกไป แววตาเย็นชา ไอสังหารแผ่กระจายออกมา

จุยเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด: “ดูจากสภาพแล้ว น่าจะเป็นคนในกองกำลังใต้บังคับบัญชาของหนึ่งร้อยแปดผู้กล้าตาย”

“พวกเขาเป็นผู้บุกตะลุยโจมตีข้าศึกมาโดยตลอด”

“นายต้องเฝ้าระวังคนที่มีดอกไม้สีแดงปักอยู่บนหน้าอก เพราะพวกมันคือผู้กล้าตายที่แท้จริง คนอื่นที่เหลือเป็นแค่ลูกน้องที่พวกมันผูกมัดใจเท่านั้น ถือว่าจัดการค่อนข้างง่าย”

ฉินเทียนกวาดตามองหนึ่งรอบ พบว่าผู้คนในทั้ง 20 กลุ่ม คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของทุก ๆ กลุ่มล้วนมีดอกไม้สีแดงปักอยู่บนอก

ดอกไม้สีแดง 20 ดอก ผู้กล้าตาย 20 คน

“ปักดอกไม้สีแดง เก๊กเป็นนักเรียนดีเด่นอยู่เหรอ?”เขาหัวเราะอย่างอดไม่ได้

บนใบหน้าของจุยเฟิงไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างตึงเครียด: “รอนายได้พบเห็นรู้จักความโหดเหี้ยมของพวกมันแล้ว นายก็จะรู้เองว่านี่มันไม่ตลกเลยสักนิด”

“นายเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”

บนรอยยิ้มของฉินเทียนเริ่มมีความเย็นเยือก

เขาค่อย ๆ พูดว่า: “วิธีการจัดการกับคนที่โหดเหี้ยมดีที่สุดก็คือต้องให้พวกมันรู้ว่านายโหดเหี้ยมกว่าพวกมัน”