การประกาศไปทั่วทั้งโลกของกู่ฉิงซานได้จบลง

เขาปิดสมองควอนตัม และเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง

แบรี่เทเหล้าให้เขาแก้วหนึ่ง

“ผมกำลังคิดอยู่พอดีเลย ว่าอุตส่าห์พูดมาตั้งนาน ถ้าได้เหล้าสักกรึ๊บก็คงจะดี” กู่ฉิงซานดื่มและขอบคุณเขา

แบรี่ชูแก้วตัวเองขึ้นและกล่าวชื่นชม “การผสานรวมโลกเข้าด้วยกัน มันจะทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา แต่ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ทุกชีวิตก็ได้รับการเคารพและปกป้องในสิทธิ์ของตนเองเสียก่อนแล้ว ครั้งนี้ถือมานายจัดการปัญหาล่วงหน้าได้ดีทีเดียว”

เสี่ยวเหมียวก็ยังพูดด้วย “แต่ในเวลาแบบนี้ นายน่าจะใช้คำพูดอะไรที่มันรุนแรงออกไปบ้างนะ ไม่อย่างนั้นอาจจะมีบางคนคิดจะลองของขึ้นมาก็ได้”

“คงต้องดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าในกรณีที่มีคนกล้าคิดที่จะลองของ นั่นก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน พวกเราจะได้ลงโทษเขาเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู” กู่ฉิงซานกล่าว

“วางใจเถอะ ถ้ามีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น ฉันจะช่วยนายเอง” แบรี่กล่าว

“ขอบคุณครับ” กู่ฉิงซานรับน้ำใจ

ทั้งสามคนยกแก้วขึ้นชน และดื่ม

สมองควอนตัมที่วางอยู่บนโต๊ะสว่างขึ้นอีกครั้ง

เทพธิดากงเจิ้งเริ่มรายงานสถานการณ์

“ใต้เท้า หลังจากที่คุณประกาศออกไป จ้าวอสูร อาชูร่า และผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพก็ได้ออกเดินทาง ตรงมายังขั้วโลกเหนือแล้ว”

“อีกนานแค่ไหนกว่าพวกเขาจะมาถึง?”

“อย่างเร็วก็อีกสิบนาที”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ทันใดนั้นเองประตูกระท่อมก็ถูกเปิดออก

หุ่นยนต์ขนาดเล็กหลายตัววิ่งเข้ามา

ในมือของหุ่นยนต์แต่ละตัวกำลังถือถาด ที่บ้างใส่จานอาหาร บ้างน้ำแข็ง บ้างสุรา และขนมขบเคี้ยวมากมาย

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังออกมาจากหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง

“นี่คือเครื่องดื่มและของว่างที่มิสเตอร์ซางหยิงฮ่าวเตรียมเอาไว้ เขาขอร้องให้ฉันช่วยจัดการนำสิ่งเหล่านี้มาให้”

กู่ฉิงซานมองไปยังเหล้าและอาหาร ก่อนจะแอบเหลือบมองไปทางแบรี่กับเสี่ยวเหมียว

และพบว่าในแววตาของพี่ชายและน้องสาวกำลังเปล่งประกาย แต่พักหนึ่งแล้วทั้งสองก็ยังเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี บางทีนั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยได้กินอาหารของโลกใบนี้มาก่อนก็เป็นได้

กู่ฉิงซานจึงเลือกหยิบเหล้าที่มีฤทธิ์แรงที่สุดให้แก่แบรี่ จากนั้นเลือกแก้วค็อกเทลที่ฝานมะนาว และโปะเกลือเอาไว้ตรงขอบแก้ว กับจานขนมบนโต๊ะ ไปวางลงด้านหน้าของเสี่ยวเหมียว จากนั้นก็เอากล่องซิการ์ออกมา เขาตัดมันและมอบให้กับแบรี่

จากนั้นจึงค่อยเลือกเหล้าสักขวดสำหรับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เจ้าตัวไม่ได้เลือกเหล้าที่มีฤทธิ์แรงเป็นพิเศษ นั่นเพราะยังมีงานอีกมากมายที่กำลังรอให้เขาทำ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ตนจำเป็นที่จะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ยังเมาไม่ได้

เสี่ยวเหมียวดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ พลางคว้าชิ้นขนมโยนเข้าใส่ปาก

ระหว่างกิน เธอก็เอ่ยชื่นชมไปในตัว “รสชาติอาหารของโลกหกวิถีนี่มันอร่อยจริงๆ ของชั้นสูงชัดๆ! เพราะแบบนี้เองใช่ไหมเหล่าทวยเทพถึงได้สร้างโลกหกวิถีขึ้น?”

แบรี่ยกเหล้าฤทธิ์แรงขึ้นดื่ม และเลียริมฝีปากตัวเอง “เทคโนโลยีการหมักเหล้าของที่นี่ก็เป็นระดับสูง ฉันหลงรักเหล้าขวดนี้เข้าให้เสียแล้ว! ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตในโลกหกวิถีจะไม่แข็งแกร่ง แต่ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา มันกลับตรงกันข้าม ทั้งสะดวกและสุขสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ!”

พี่ชายและน้องสาวได้ตัดสินบางอย่างในจิตใจ ทั้งสองมองหน้ากันและกัน

เพียงเท่านี้ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่าทำไมกู่ฉิงซานถึงได้ทำอาหารเก่งนัก

สมาคมได้รับสุดยอดเชฟที่ดีที่สุดมาในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ

ในเวลานั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งได้ดังขึ้นอีกครั้ง

“ใต้เท้า ผู้นำของจ้าวอสูร เทพสวรรค์ และกษัตริย์อาชูร่า ทั้งหมดได้มาถึงที่นี่แล้ว”

“ตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงไหน?”

“ตีนเขา”

ขณะกล่าว เทพธิดากงเจิ้งก็ฉายม่านแสงออกมา

เห็นแค่เพียงร่างสามร่างกำลังยืนอยู่บนจอม่านแสง

ร่างแรก คือมอนสเตอร์ที่มีรูปกายเป็นมนุษย์ ทว่ามีหัวเป็นสิงโต นี่คือผู้นำของจ้าวอสูร

ร่างที่สอง คือ ชายที่กำลังสะพายอาวุธที่ดูประณีตและงดงาม นี่คือกษัตริย์อาชูร่า

ร่างที่สาม คือชายในชุดเกราะ การแสดงออกทางท่าทีและสีหน้าของเขาดูจริงจังและมีเกียรติ นี่คือเทพสวรรค์องค์ใหม่

โดยขณะนี้ พวกเขากำลังถูกขวางทางเอาไว้โดยเหล่าหุ่นรบที่เรียงรายเป็นขบวนทัพ ปิดล้อมทางขึ้นภูเขา

กู่ฉิงซานเหลือบมองวูบหนึ่งและกล่าว “บอกเทพสวรรค์ว่าให้ทิ้งข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าเอาไว้ แล้วจากไปได้”

เทพธิดากงเจิ้ง “ถ่ายทอดออกไปแล้ว เขาถามกลับมาว่าคุณมีอะไรจะบอกอีกไหม?”

“บอกให้พวกเขาทำให้สิ่งที่ตนเองต้องการ เพราะโดยสิ้นเชิงแล้วพวกเขามีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ประชากรของพวกเขากำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหลังจากทำการผสานโลกแล้ว ถ้ายังไม่ปฏิบัติตามกฎและวินัย การล้างเผ่าพันธุ์เขาคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

“รับทราบ”

เทพธิดากงเจิ้งรับคำ

เห็นแค่เพียงบนจอม่านแสง เทพสวรรค์กำลังแสดงท่าทีสนอกสนใจ เหมือนกับว่ากำลังรับฟังสิ่งที่หุ่นรบพูด

เขานิ่งไปสักพัก ก่อนจะรายงานข้อมูล โค้งกายคารวะ และหันหลังเดินจากไป

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ใต้เท้า ผู้นำจ้าวอสูรกับอาชูร่ายังรออยู่บริเวณตีนเขา”

“บอกกับจ้าวอสูรไปว่า พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ตนเองต้องการ แต่ถ้าอยากจะล่าเหยื่อ ก็ช่วยมาขอความคิดเห็นกันก่อน เพราะจะล่าก็ได้ แต่มันต้องไม่ทำให้ห่วงโซ่นิเวศวิทยาธรรมชาติของโลกเราเกิดความเสียหาย”

“หลังจากนั้นก็ให้บอกที่ตั้งของแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้ามา แล้วไปได้”

“รับคำสั่ง”

“บอกกษัตริย์อาชูร่าด้วยว่าฉันเคารพและนับถือนิสัยรักในการต่อสู้ของพวกเขา แต่ต่อจากนี้ไปถ้าพวกเขาจะต่อสู้ พวกเขาจะไม่สามารถแหกกฎหมายของมนุษย์ได้”

เสี่ยวเหมียวทนไม่ไหว เธอหลุดหัวเราะออกมา และกล่าวแทรก “ไม่ให้อาชูร่าทำผิดกฎ? แล้วพวกเขาจะต่อสู้อย่างไรล่ะทีนี้?”

กู่ฉิงซาน “มนุษย์เรามีกีฬามากมาย เช่นพวกมวย ยูโด บาสเกตบอล ยิมนาสติกลีลา ฯลฯ พวกเขาสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศิลปะอื่นๆ ในแขนงนี้ได้”

“เข้าใจแล้ว ฉันจะถ่ายทอดคำสั่งของคุณไป”

มองไปยังจอม่านแสง กษัตริย์อาชูร่ารับฟังการส่งผ่านข้อความจากหุ่นรบอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกัน สีหน้าของเขาก็เริ่มค่อยๆ แสดงออกถึงความตื่นเต้น

เขาเอียงศีรษะขบคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยปาก หันหลัง และเดินจากไป

ภายในกระท่อมบนยอดเขา

ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าของโลกอาชูร่า โลกสวรรค์ และโลกจ้าวอสูร ได้ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง

กู่ฉิงซานค่อยๆ ทำการบันทึกมันทีละอัน ทีละอันอย่างเงียบๆ

เสี่ยวเหมียวที่กำลังดื่มอยู่เอ่ยถาม “ว่าไง? พวกเราจะไปเอาแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าตอนนี้กันเลยไหม?”

กู่ฉิงซาน “ไปกันเลยดีกว่า ทุกอย่างยิ่งจบลงเร็วก็ยิ่งดี”

“ตกลง” เสี่ยวเหมียวยืนขึ้น

แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะใช้มือฉกขนมยัดเข้าปาก ก่อนจะดึงกู่ฉิงซานเข้ามาและใช้มนตรามิติ

พวกเขาหายวับไปจากกระท่อมโดยตรง

ณ โลกสวรรค์ อาณาเขตของพวกเขาช่างกว้างใหญ่ ขณะเดียวกันก็ครอบครองแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าที่ทรงอำนาจมากที่สุดในหกวิถี

อย่างไรก็ตาม ประชากรของโลกสวรรค์มีน้อยเกินไป ดังนั้นถึงแม้ว่าทิวทัศน์ของพวกเขาจะสวยงาม แต่มันก็แทบจะไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย

ณ โลกอาชูร่า มันถูกแบ่งออกเป็นสี่อาณาเขต และกว้างใหญ่ยิ่งกว่าโลกสวรรค์

ณ โลกจ้าวอสูร แม้ไม่ใหญ่โตนัก แต่มันก็แบ่งออกเป็นในส่วนของพื้นโลก ส่วนของพื้นทะเล และส่วนของใต้ดิน ดังนั้นหากคิดจะค้นหาอะไรในโลกใบนี้ คงจะเป็นการยากเย็นยิ่งนัก

แต่…กู่ฉิงซานมากับเสี่ยวเหมียว

ดังนั้นทุกสถานที่ที่ต้องการจะไปรับเอาแหล่งกำเนิดธาตุมา พวกเขาจึงใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ช่างเป็นกระบวนการที่ทรงประสิทธิภาพโดยแท้!

แบรี่ดื่มเหล้าไปได้เพียงครึ่งขวด พวกเขาก็กลับมาเสียแล้ว

“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไหม?” แบรี่ถาม

“คุณลองดูนี่สิ”

กู่ฉิงซานกางมือของเขาออก

ปรากฏให้เห็นถึงสี่สายใยกฎเกณฑ์กำลังลอยอยู่ในมือของเขาอย่างเงียบๆ

“เอาล่ะสิ เวลาที่น่าจดจำกำลังจะมาถึงแล้ว” แบรี่ลุกขึ้นและกล่าว

“ใช่ๆ การผสานสี่โลกในครั้งเดียว ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ดวงตาของเสี่ยวเหมียวเปล่งประกายสดใส

กู่ฉิงซานโบกมือของเขา

สี่สายใยกฎเกณฑ์สาดแสงและเงาระยับ ก่อนจะค่อยๆ จมหายไปในความว่างเปล่า

พวกมันกำลังผสานรวมเข้ากับโลกใบนี้

ท่ามกลางความเงียบ โลกค่อยๆ เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ

แบรี่กล่าวด้วยอารมณ์ “ในอดีต ช่วงที่กฎของโลกเก้าร้อยล้านชั้นยังไม่ถูกตั้งขึ้น เผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนต่างแก่งแย่งสายใยกฎเกณฑ์ของกันและกัน”

“นั่นเป็นยุคสมัยแห่งสงคราม ฟุ้งไปด้วยกลิ่นสาบโฉ่และฝนเลือด”

“อย่างนั้นเหรอ? งั้นในยุคที่ว่าก็คงจะมีตัวตนทรงอำนาจเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเลยใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

แบรี่ “มีจ้าววงการมากมายถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยนั้น”

เสี่ยวเหมียวพยักหน้า “เพราะการผสานรวม เป็นการส่งผลดีต่อทุกชีวิตในโลก สามารถสร้างผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล”

ในอ้อมแขนของกู่ฉิงซาน สมองควอนตัมได้ส่องสว่างขึ้น

เสียงของเทพธิดาดังออกมา “ใต้เท้า คุณได้ทำการผสานรวมโลกแล้วใช่หรือไม่?”

“ใช่”

“โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง ตามรูปแบบการวิเคราะห์จากการผสานรวมครั้งก่อนกับโลกปรภพ คาดว่านับจากนี้ไปจะเกิดรูปแบบและสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ปรากฏขึ้น”

กู่ฉิงซานถาม “แล้วพวกสิ่งปลูกสร้าง ภูมิอากาศ และพืชพันธุ์เดิมของโลกมนุษย์จะได้รับผลกระทบรึเปล่า?”

เทพธิดากงเจิ้ง “ได้รับผลกระทบในทางที่ดี สำหรับภูมิอากาศ มันจะสดชื่นและเหมาะสมมากขึ้นสำหรับมนุษย์ ขณะเดียวกันสิ่งปลูกสร้างอารยธรรมมนุษย์จะไม่ได้รับความเสียดายใดๆ จากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา”

“ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์แต่ละบุคคลจะได้รับผลแตกต่างกันออกไป สำหรับคนทั่วไป ร่างกายของพวกเขาจะถูกเสริมสร้างให้แกร่งขึ้นไม่มากก็น้อย ในส่วนของมืออาชีพ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะปะทุขึ้น และสัมผัสได้ถึงขอบเขตใหม่”

“นั่นฟังดูดีมากจริงๆ” กู่ฉิงซานพยักหน้า

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และอดไม่ได้ที่จะปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะของเขาออกไป สำรวจยังทิศทางหนึ่งของยานอวกาศ

เห็นแค่เพียงชายแก่ที่ดูหล่อละ…

ไม่สิ ประโยคข้างบนไม่นับ เพราะคนคนนั้นคือเหลียวฮังที่ทำการปรับโฉมรูปหน้าตัวเอง เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับชิ้นส่วนของเครื่องจักรนับไม่ถ้วนที่ว่ายวนอยู่รอบตัว

ชิ้นส่วนต่างๆ ประกบติดกันอย่างรวดเร็วตามท่าทางมือของเขา รวมตัวกันเป็นแขนจักรกลขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนหัวไหล่ และลากยาวลงมา

“เทพธิดากงเจิ้ง ทางฝั่งฉันพร้อมแล้ว ทางคุณว่าอย่างไรบ้าง?” เหลียวฮังตะโกน

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ กรุณาแทนที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องควบคุมกระแสไฟระยะไกลชิ้นที่สามและสี่ และเปลี่ยนรหัสลับของมัน เราจะได้เริ่มการเจาะเข้าสู่ระบบในชั้นถัดไป” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

“เข้าใจแล้ว!” เหลียวฮังตะโกน

เขาจัดการแขนจักรกล และเริ่มเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ขนาดใหญ่สองชิ้น ตรงหน้ายานอวกาศ

กู่ฉิงซานเงียบไป ไม่เอ่ยคำใดออกมาสักพัก

เหลียวฮังถือได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างออกไปหากเทียบกับคนอื่นๆ เขาสามารถเรียนรู้การฝึกยุทธ์ และประยุกต์มัน นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

แต่แล้วในวินาทีต่อมานั้นเอง จู่ๆ เหลียวฮังก็โยนแขนจักรกลทิ้งไปอย่างกะทันหัน และเร่งบินไปยังสถานที่ห่างไกลด้วยความกระสับกระส่าย

ทิ้งไว้เพียงเสียงที่ดังลอยมาจากเบื้องหลังเขา “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่จู่ๆ ฉันก็รับรู้ได้ว่าจะต้องทะลวงขึ้นสู่ระดับแก่นทองคำทันที เทพธิดา! ช่วยจัดการเรื่องคุ้มครองฉันเร็วเข้า!”

พอค้นพบภูมิประเทศแนวราบที่เหมาะสม เขาก็ทิ้งตัวลงไปนั่ง สองตาปิดสนิท และพร้อมเริ่มโจมตีขอบเขตแก่นทองคำ

กู่ฉิงซานเฝ้ามองไปยังฉากนี้ และกล่าวด้วยอารมณ์ “ในที่สุดมันก็เริ่มต้นขึ้น”

ใช่ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป โลกทั้งหกจะรวมเป็นหนึ่งเดียว

โลกที่จะขยายอาณาเขตกว้างใหญ่เป็นประวัติการณ์ กำลังจะถือกำเนิดขึ้น

ในเวลาเดียวกัน พลังอันเกิดจากการหลอมรวมทั้งหกโลก ก็กำลังปะทุออกมา

…………………………………….