ตอนที่ 639 สุสานแห่งโลกของหกวิถี

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

กู่ฉิงซานรู้สึกเป็นห่วงเหลียวฮังเล็กน้อย

เขาปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป และคอยเฝ้าสังเกตสถานะของเหลียวฮัง

ไม่นานนัก กู่ฉิงซานก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณของเหลียวฮัง

นี่คือสัญญาณว่าพลังวิญญาณกำลังเข้าสู่กระบวนการปะทุ ในไม่ช้าก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญของการตัดผ่าน

สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว การโจมตีขั้นแก่นทองคำ จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ยากก็ไม่เชิง อันที่จริงแล้วมันอยู่กลางๆ

เพราะการโจมตีขอบเขตแก่นทองคำ ไม่จำเป็นต้องเผชิญกับกฎแห่งฟ้าดินอย่างทัณฑ์สวรรค์

ด้วยเหตุผลนี้เพียงข้อเดียว ระดับความยากมันก็ลดลงไปกว่าเจ็ดในสิบส่วนแล้ว

มองไปยังเหลียวฮังที่กำลังหลับตา และค่อยๆ เข้าสู่สภาวะไร้จิตสำนึก

เมื่อเวลาผ่านไป ทันใดนั้นมอนสเตอร์ที่ครอบครองดวงตากว่าห้าดวงก็โผล่ออกมา

“นี่มันผู้ฝึกยุทธ์…จิตวิญญาณและเลือดเนื้อสดใหม่ น่าลิ้มลองจริงๆ”

มอนสเตอร์กล่าวด้วยน้ำลายสอ ขณะเดียวกันก็บดฟันของมันจนเกิดเสียงกึกๆๆ

กู่ฉิงซานมองมอนสเตอร์ตัวนั้น เขากำลังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยเหลือดีหรือไม่

ใช่แล้วล่ะ ขอบเขตแก่นทองคำน่ะ ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ก็จริง แต่มอนสเตอร์ทุกตัวในความว่างเปล่าจะติดตามคลื่นกระแสวิญญาณมา

ซึ่งนี่คือการทดสอบที่ผู้ฝึกยุทธ์จะต้องเผชิญ

เขาสามารถช่วยเหลือเหลียวฮังในครั้งนี้ได้ก็จริง แต่เขาไม่สามารถช่วยเหลียวฮังได้ทุกครั้ง

เพราะเมื่อไหร่ที่เขาตัดผ่านขอบเขตแก่นทองคำ หลังจากนั้นทัณฑ์สวรรค์ก็จะมาเยือน และไม่ช้าเหลียวฮังก็จะต้องเผชิญทุกอย่างด้วยตัวเอง

ดังนั้นการตัดผ่านของผู้ฝึกยุทธ์ สุดท้ายแล้วโชคชะตาจะเป็นเช่นไร มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเขาเอง

เอาเถอะ งั้นมาดูกันว่าเหลียวฮังจะมีวิธีการจัดการกับมันอย่างไร

กู่ฉิงซานคิดแบบนั้น และเลือกที่จะไม่ลงมือออกไป

เห็นแค่เพียงมอนสเตอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ ลดระดับลงตรงไปยังเหลียวฮังอย่างเงียบๆ

ขณะที่เหลียวฮังยังคงหลับตา และไม่ขยับเขยื้อนส่วนใดๆ ของร่างกายเลย เว้นเพียงแต่มือที่ทำการจีบออกอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานเบิกตากว้างขึ้นทันใด

เห็นแค่เพียงพลังวิญญาณจากทั้งร่างของเหลียวฮังกำลังควบรวมมายังฝ่ามือ กระตุ้นบางอย่างในความว่างเปล่า

วิชาลับ ‘สุดแกร่ง!’

วิชาลับ ‘สุดแกร่ง!’

วิชาลับ ‘สุดแกร่ง!’

วิชาลับ ‘สุดแกร่ง!’

วิชาลับ ‘สุดแกร่ง!’

เหลียวฮังได้ใช้ออกด้วยห้าเทคนิคมนตราในลมหายใจเดียว!

ปรากฏถึงรังสีแสงสีทองถูกยิงขึ้นไปบนฟากฟ้าพร้อมๆ กัน พุ่งเข้าต้อนรับมอนสเตอร์ห้าตา เตรียมที่จะตัดเฉือนมัน

มอนสเตอร์ห้าตากางสองปีกออกทันใด เตรียมที่จะโฉบหนีไป

อย่างไรก็ตาม แสงสีทองกลับเร็วยิ่งกว่า หนึ่งในห้าได้วูบผ่านร่างของมันไป หยุดการเคลื่อนไหวของมัน

จากนั้นสี่เส้นแสงสีทองก็ตามมา มันโบยบินขึ้นรูปเป็นตัวอักษร ‘แกร่ง’ และจมหายเข้าไปในร่างของมอนสเตอร์ในทันที

แล้วมอนสเตอร์ก็สิ้นใจลงในพริบตา

ตามร่างกายของมัน ทั้งสองแขนและสองขา รวมไปถึงปีกต่างถูกตัดเฉือนออกอย่างประณีต ร่วงตกลงบนพื้นหิมะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

มุมปากของเหลียวฮังยกสูงขึ้น ปากเอ่ยกล่าวด้วยความเหยียดหยัน “มอนสเตอร์จากมิติที่ว่างเปล่าประเภทที่เจ็ดพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ด ครอบครองปีกที่สามารถสร้างคลื่นตัดอากาศ ความแข็งแกร่งอยู่แค่ในลำดับที่เก้าพันหกร้อยสามสิบห้าเท่านั้น แต่กลับกล้าที่จะมาแส่หาเรื่องตายที่นี่”

“อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะได้ตัวอย่างศพมอนสเตอร์ตัวใหม่จากในมิติที่ว่างเปล่า จงดีใจเถอะ ที่ได้กลายเป็นวัตถุดิบในการวิจัยของฉัน”

หลังจากพูดประโยคนี้ เหลียวฮังก็เข้าสู่สภาวะตัดผ่านอีกครั้ง

กู่ฉิงซานยกมือขึ้นกุมหน้าผากของเขา เจอแบบนี้เข้าไปเขาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะตอบสนองอย่างไรดี

สมองที่ใช้ในการตั้งชื่อวิชาลับของเหลียวฮัง…ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างไม่ปกติ

อย่างไรก็ตาม เหลียวฮังเป็นคนแรกของโลกที่ได้รับของขวัญจากการผสานรวมโลกเข้าด้วยกัน

เมื่อเวลาผ่านไป อัตราเร็วของการผสานรวมระหว่างโลกหกวิถีก็จะค่อยๆ เร็วขึ้น

แล้วสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกมนุษย์ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการพัฒนา ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะนั้นเอง ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เขาหันไปอีกทิศทางหนึ่ง

โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารีรอจนเนิ่นนาน อีกคนหนึ่งก็ได้รับของขวัญไปอีกแล้ว

กิ้งก่าเกล็ดเขียวที่มีขนาดความสูงมากกว่าตึกสิบชั้น ปรากฏตัวขึ้นบนพื้นหิมะ

ซางหยิงฮ่าวยืนอยู่บนหัวของกิ้งก่า ปากเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บอส ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้เรียกนายออกมา”

กิ้งก่าเกล็ดเขียวซ่อนตัวอยู่ในหมอกพิษหนาแน่น คู่ดวงตาของมันกวาดไปมองรอบๆ

มันกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าหนูหยิงฮ่าว นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ว่าเจ้าพึ่งจะได้รับของขวัญจากโลกใบนี้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งสามารถสั่งสมได้มากพอที่จะตัดผ่านไปยังเทียนซวนขั้นต่อไปได้แล้ว”

“อะไรนะ? ตัดผ่านไปยังขั้นต่อไปเหรอ?” ซางหยิงฮ่าวถามด้วยความอยากรู้

“ใช่ เทคนิคเทียนซวนถูกยกระดับขึ้น ปัจจุบันนี้เจ้าได้กลายเป็นผู้ใช้ไพ่แล้ว”

คล้ายกับว่าจะสัมผัสได้ถึงความไม่ใส่ใจของซางหยิงฮ่าว กิ้งก่าเกล็ดเขียวเน้นเสียงเตือน “ตอนนี้อย่ามัวพูดหรือคิดอะไรไร้สาระอยู่เลย จงมาด้วยกันกับข้า ร่วมกันสร้างไพ่นักฆ่าใบแรกของเจ้ากันเถิด”

“แต่จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าเจ้าจะต้องสร้างไพ่นักฆ่าด้วยใจจริง เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดเลยว่าในภายภาคหน้าเจ้าจะประสบความสำเร็จ และสามารถกลายเป็นราชานักฆ่าที่แท้จริงได้หรือไม่”

การแสดงออกของซางหยิงฮ่าวค่อยๆ สงบลง

“ในเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอาชีพของฉัน ถ้างั้นฉันจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ดีมาก เวลานี้เจ้าได้รับสิทธิ์ที่จะไปยังรังแห่งนักล่ากับข้าแล้ว”

กิ้งก่าเกล็ดเขียวกล่าว

ร่างของมันวูบไหว สาดรังสีแสงสีดำออกมา นำพาทั้งตนทั้งซางหยิงฮ่าวเจาะหายเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่า

“ชายคนนั้นจะได้กลายเป็นผู้ใช้ไพ่ประเภทนักฆ่า เขาเป็นเพื่อนของนายใช่ไหม ไว้ใจได้จริงๆ น่ะเหรอ?”

แบรี่ที่เห็นถึงฉากนี้เช่นกัน เอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล

“ไว้ใจได้สิ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เขาเป็นคนดี และไม่เคยฆ่าคนบริสุทธิ์มาก่อนเลย” กู่ฉิงซานกล่าว

“งั้นก็แล้วไป” แบรี่พยักหน้า

หากกู่ฉิงซายเอ่ยปากรับประกัน ก็ย่อมแสดงว่าคนคนนั้นเชื่อถือได้

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน จู่ๆ ก็บังเกิดคลื่นความผันผวนระเบิดออกมา จากภายในกระท่อมบนยอดเขาสูงที่ตั้งอยู่เบื้องหลัง

แสงสีแดงลอดผ่านขอบประตูและหน้าต่างของกระท่อม กวาดมาจากในระยะไกล

กู่ฉิงซาน แบรี่ และเสี่ยวเหมียวเร่งเข้ามาข้างในทันที

เห็นแค่เพียงรังไหมสีเลือดที่มีเย่เฟย์หยูอยู่ภายในค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น และเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่างในอากาศอย่างต่อเนื่อง

“เขากำลังจะเสร็จสิ้นกระบวนการวิวัฒนาการใช่ไหม?”

กู่ฉิงซานยกมือขึ้นมาบังแสงสีแดงที่สาดแยงตา ปากเอ่ยถามเสียงดัง

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องรอดูอีกครั้ง”

เสี่ยวเหมียวตอบเสียงดังกลับมา

เห็นแค่เพียงรูปร่างที่เปลี่ยนผันของรังไหมสีเลือดค่อยๆ เริ่มช้าลง

จนสุดท้ายก็คงที่ บัดนี้มันแปรสภาพกลายเป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

เหมือนกับว่ารังไหมจะกลายเป็นโลงศพไปแล้ว

บนผิวโลงศพ เต็มไปด้วยลวดลายที่ดูซับซ้อน

พร้อมกับอักษรรูนลึกลับที่ปรากฏขึ้น สาดแสงสลัวอย่างเงียบๆ ตามตัวโลง

ระเบิดคลื่นอากาศปะทุออกมาจากโลงศพ กวาดกระจายออกไปทุกทิศทาง

“จากที่ฉันดู เหมือนว่าเขาจะยังวิวัฒน์ไม่เสร็จนะ”

เสี่ยวเหมียวสรุป

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มเป็นกังวล เขาเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “หรือว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น?”

“ไม่หรอก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

เสี่ยวเหมียวตรวจสอบโลงศพสีเลือด และอธิบาย “รูปแบบการวิวัฒน์ของเขาได้เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่ามันจะเป็นรูปแบบของการวิวัฒน์ที่สูงขึ้น และลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

“เป็นเพราะพลังของโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นมันเลยส่งผลต่อการวิวัฒน์ของเขา”

“ฉันคิดว่ากระบวนการวิวัฒน์ของเขาน่าจะใช้เวลานานกว่านี้”

“แต่ยิ่งนาน นั่นก็หมายความว่าเขาจะยิ่งทรงพลัง!!”

เสี่ยวเหมียวพูดด้วยความตื่นเต้น

ยิ่งคนในสมาคมแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

กู่ฉิงซานถอนหายใจโล่งอก

ทันใดนั้น ตนเองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

เขาตระหนักได้ว่าของขวัญจากแหล่งกำเนิดของโลก กำลังจะมาเยือนตนเองแล้วเช่นกัน!

กู่ฉิงซานหลับตาลง และเริ่มทำการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเขาอย่างรอบคอบ

พลังวิญญาณในตันเถียนพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง

หลังจากที่เขาก้าวขึ้นสู่ขอบเขตร่างเทวะ ตนก็ไม่มีเวลาที่จะได้ทำการควบรวมพื้นฐานวรยุทธ์เลย เพราะจำต้องวางกลยุทธ์และต่อสู้แบบไม่ได้หยุดพัก

จนถึงขณะนี้ พลังวิญญาณจากทั้งร่างของเขายังคงพลุ่งพล่าน และไม่ยอมสงบลงเลย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการผสานรวมทั้งหกโลก และของขวัญจากแหล่งกำเนิดโลก ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้รับผลประโยชน์ แน่นอนว่าตัวกู่ฉิงซานเองก็เช่นกัน

เขารู้สึกว่าพลังวิญญาณมันเต็มเปี่ยมไปทั้งร่างกาย เอ่อล้นคล้ายกับสายธารหลากที่ปรากฏขึ้นยามฤดูฝน

พลังวิญญาณพลุ่งพล่าน ปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกาย และในที่สุดทั้งหมดก็มาบรรจบกันในตันเถียน

กู่ฉิงซานเอื้อมมือออกไป และค่อยจีบออกเป็นรูปแบบผนึก

…นี่คือหนึ่งในวิชาลับที่ได้มาจากโลกล่องเวหา เป็นสิ่งที่มีไว้อธิบายรายละเอียดถึงวิธีการตัดผ่านของผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตร่างเทวะ

กู่ฉิงซานย้อนนึกไปถึงเนื้อหาของวิชาลับ เขาเริ่มกระตุ้นพลังวิญญาณ และกระตุ้นผนึกบนมือตน

ปัง!

บางสิ่งบางอย่างที่ลึกลับและไร้ที่สิ้นสุด ได้เชื่อมต่อเข้ากับตัวเขา

ราวกับได้ถือกำเนิดใหม่ คลื่นความผันผวนของพลังวิญญาณค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

กู่ฉิงซานรู้สึกว่าพลังวิญญาณในตันเถียนได้กลายเป็นกระแสน้ำวน ที่เชื่อมต่อกับส่วนลึกของความว่างเปล่า เขาได้รับพลังอันมหัศจรรย์อันมิอาจบอกบรรยายได้จากโลก

พลังวิญญาณเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ขยายขึ้นอีกครั้ง

เมื่อทุกอย่างสงบลง กู่ฉิงซานก็เกือบที่จะไม่สามารถระงับพลังวิญญาณของเขาได้

รูปแบบความผันผวนของพลังวิญญาณในปัจจุบันนี้ หากเทียบกับเหลียวฮังแล้ว มันรุนแรงยิ่งกว่านับหลายร้อยเท่า!

ชนิดที่ว่าตราบใดที่กู่ฉิงซานต้องการ เขาจะสามารถกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้เลยในทันที!

เขากำลังจะตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตพันวิบัติอย่างกะทันหัน!

กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างลึกล้ำและหันไปพูดกับแบรี่ “ในที่สุด ผมก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงชอบที่จะผสานรวมโลกกันนัก”

แบรี่หัวเราะ

เสี่ยวเหมียวยิ้มและกล่าว “โควตาของทางสมาคมเรามีมาก นายสามารถใช้มันได้อีกเยอะ แต่รู้อะไรไหม ว่าถ้าคนทั่วไปทำการผสานรวมโลกมากกว่าสอง บทลงโทษของพวกเขาจะเป็นอย่างไร?”

“เป็นอย่างไร?”

“จะถูกลบตัวตนออกไปทันที”

“โชคดีจริงๆ ที่ผมได้เข้าร่วมกับสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม”

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แต่แล้วในระหว่างนั้นเอง สีหน้าของเสี่ยวเหมียวก็เปลี่ยนไป

เธอรีบหยิบนาฬิกาเรือนเล็กที่ดูประณีตออกมาอย่างรวดเร็ว

นี่คือนาฬิกาของคนจากสถาบันเทพ

เห็นแค่เพียงในมือของเธอ เข็มนาทีและเข็มวินาทีบนนาฬิกากำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

“ดูนี่สิ มันเกิดปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว!” เสี่ยวเหมียวอุทานด้วยความประหลาดใจ

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ดูเหมือนว่าถ้าผสานรวมโลกหกวิถีเข้าด้วยกัน สุสานแห่งโลกก็จะปรากฏขึ้นจริงๆ”

ช่วงเวลาต่อมา ทั้งสามเข็มของนาฬิกาเทพก็เด้งออกมาจากตัวหน้าปัด และแปรสภาพเป็นตัวเลขลอยอยู่บนอากาศ

“นี่มันคืออะไรกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

เสี่ยวเหมียวจ้องมองสามตัวเลขและกล่าว “มันคือตัวเชื่อมต่อพิกัดมิติที่ซับซ้อน นี่คือการบันทึกพิกัดมิติจากระยะไกล แต่ไม่ได้มีใครใช้งานมันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเก้าร้อยปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม โชคดีจริงๆ ที่ฉันพอจะจดจำวิธีใช้งานมันได้”

“น้องสามารถได้รับตำแหน่งที่แน่นอนได้รึเปล่า?” แบรี่ถาม

“แน่สิ ตอนนี้น้องรู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน”

“กู่ฉิงซาน นายจะเอาอย่างไร?”

“พวกเราจะไปสำรวจมันกัน เทพธิดากงเจิ้ง คุณช่วยดูแลความปลอดภัยให้เย่เฟย์หยูด้วยนะ”

“รับทราบแล้วใต้เท้า” เทพธิดาตอบรับ

“นายังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้จัดการอีกไหม?” เสี่ยวเหมียวถาม

“ไม่มีแล้ว”

“งั้นพวกเราก็ไปกัน”

เธอเอื้อมไปคว้าจับมือของแบรี่และกู่ฉิงซานตามลำดับ

ทันใดนั้นเอง ร่างของทั้งสามก็หายวับไปจากขั้วโลกเหนือ

…………………………………..