ตอนที่ 329 นั่นคือเจียงซานอี้ ลูกพี่เหยียนซีเขาน่ะ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านยกมือขึ้นแล้ววางหนังสือลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาดู——

(ไม่อยาก)

เธอตอบกลับเพียงสองคำ

อีกฝ่ายกำลังพิมพ์ ยังไม่มีข้อความ

ฉินหร่านหยิบปากกาและอ่านหนังสืออยู่ครู่หนึ่งกว่าจะเห็นข้อความตอบกลับจากฉินหลิง

ฉินหลิง : อื้อ

ฉินหร่านเลิกคิ้วและวางโทรศัพท์ไว้ด้านข้างอย่างลวกๆ ค่อยๆ เปิดหนังสืออ่านต่อ

หนังสือเกี่ยวกับวิศวกรรมนิวเคลียร์ส่วนใหญ่เป็นประเด็นความรู้เชิงทฤษฎีซึ่งมีความซับซ้อนและน่าเบื่อ

เมื่อฉินหร่านพบคำถามเฉพาะทาง เธอจะจดเอาไว้แล้วรอไปถามศาสตราจารย์หลังเลิกเรียน

ครั้งนี้ภาควิชาฟิสิกส์ได้จัดสรรศาสตราจารย์มาประจำห้องปฏิบัติการไว้หลายคนเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ประเภทนี้

ที่จริงเมื่อปีที่แล้ว ตอนแรกก็ไม่มีศาสตราจารย์ประจำห้องปฏิบัติการ แต่เพราะซ่งลี่ว์ถิงเอาแต่ถามจนผู้ช่วยศาสตราจารย์หมดปัญญาที่จะตอบ พอเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง อาจารย์ระดับมืออาชีพกลุ่มนี้ที่มาสอนซ่งลี่ว์ถิงก็แทบบ้ากันไปหมด หลังจากนั้นพวกเขาก็รวมตัวกันส่งจดหมายถึงคณบดี คณบดีจึงทราบเรื่อง ต่อมายังเอาเบอร์โทรติดต่อของศาสตราจารย์หลายท่านให้กับซ่งลี่ว์ถิง

อีกด้านหนึ่ง ฉินหลิงกำลังเอาหนังสือเรียนใส่ในกระเป๋า จากนั้นก็ถือกระเป๋าเดินลงมาข้างล่างด้วยท่าทางเพลียๆ

“คุณชายน้อย ไม่สบายหรือครับ?” อาเหวินกำลังถือกุญแจรถเตรียมจะส่งฉินหลิงไปโรงเรียน เมื่อเห็นท่าทางของเขาก็ถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า” ฉินหลิงส่ายหน้าและก้มดูโทรศัพท์อีกครั้ง จากนั้นก็เดินตามอาเหวินลงบันได

**

ตระกูลฉิน

ผู้จัดการของฉินซิวเฉินมาถึงบ้านประจำตระกูลฉินตั้งแต่เช้าตรู่ ในมือยังถือตารางงานมาด้วย

“ซุปตาร์ฉิน” เมื่อเห็นฉินซิวเฉินออกมา ผู้จัดการก็เอาสัญญาให้เขาดู “นี่เป็นรายการวาไรตี้ที่คุณเซ็นคราวที่แล้ว”

ฉินซิวเฉินทำงานหนักมาหลายปีนับตั้งแต่เข้าวงการ ได้เงินจากวงการบันเทิงมาไม่น้อย ทว่าเงินทุนส่วนใหญ่กลับโอนให้พ่อบ้านฉินเป็นการชั่วคราว

เขารับทั้งงานละครและภาพยนตร์

เนื่องจากนายท่านคนที่สี่ตระกูลฉินกดขี่ข่มเหงคนตระกูลเดียวกันอย่างออกหน้าออกตา บวกกับพ่อบ้านฉินเองก็เหลือโปรแกรมเมอร์เพียงสามคนที่อยู่ในมือ ฉินซิวเฉินจึงรับรายการเรียลลิตี้โชว์รายการใหญ่

ในฐานะดาราแนวหน้าของวงการบันเทิง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารับรายการเรียลลิตี้โชว์ที่มีค่าตัวสูงเสียดฟ้า

อันที่จริงคุณสมบัติและประสบการณ์ของฉินซิวเฉินในขณะนี้ไม่เหมาะกับรายการเรียลลิตี้ ควรทุ่มเทไปที่ผลงานภาพยนตร์มากกว่า แต่ตอนแรกเขาต้องหาเงินด่วน

ใครจะรู้ว่าเมื่อเขากลับมาหลังจากถ่ายทำภาพยนตร์ พ่อบ้านฉินจะจับพลัดจับผลูใช้ระบบอัจฉริยะเอาส่วนแบ่งที่นายท่านคนที่สี่ตระกูลฉินฮุบไปกลับมาได้ ตระกูลฉินถึงได้ค่อยๆ ฟื้นกลับมา

เนื่องจากส่วนแบ่งเหล่านี้ พ่อบ้านฉินจึงไม่ขาดแคลนเงินไปชั่วคราว แต่ว่าฉินซิวเฉินเซ็นสัญญาไปแล้วและไม่คิดที่จะฉีกสัญญา

“วางไว้ตรงนั้น” ฉินซิวเฉินหยิบแซนด์วิชมาหนึ่งชิ้นด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย “เตรียมตัวด้วยนะ เย็นนี้ฉันจะพาเสี่ยวหลิงไปทานข้าว”

ผู้จัดการเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนคุณจะชอบเด็กคนนั้นซะจริงๆ ”

“ถูกชะตาน่ะ” ฉินซิวเฉินกินเสร็จก็หยิบผ้ามาเช็ดมือ

พ่อบ้านฉินเอานมอุ่นมาเสิร์ฟให้ฉินซิวเฉิน ถามผู้จัดการว่านั่นเป็นรายการเรียลลิตี้อะไร อันตรายหรือเปล่า

ผู้จัดการจึงเล่าให้พ่อบ้านฉินฟัง

รายการเรียลลิตี้นี้เป็นรายการเรียลลิตี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ มีผู้ชมคลิกเข้ามาดูในทุกแพลตฟอร์มหลักบนอินเทอร์เน็ตกว่าหนึ่งพันล้านครั้ง

และแน่นอนว่าพ่อบ้านฉินก็เคยดูมาแล้ว เขาลังเลไปสักพัก “รายการเรียลลิตี้นี้ผมเคยดู เหมือนว่าจะพาสมาชิกครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน…”

“พ่อบ้านฉิน บริษัทเรามีดาราตัวประกอบเยอะแยะ ถ้าซุปตาร์ฉินเข้าร่วมรายการ บริษัทก็จะจัดการเรื่องพวกนี้ให้เอง” ผู้จัดการรู้ว่าพ่อบ้านฉินกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เขายิ้มพร้อมกับอธิบาย

ฉินซิวเฉินคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิง คนภายนอกต่างคิดกันไปว่าสถานะครอบครัวของเขาค่อนข้างดี อยู่ได้แบบสบายๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในช่วงแรกๆ ฉินซิวเฉินถูกนายท่านคนที่สี่ตระกูลฉินข่มเหง และยังมีปัญหามากมายกับการเติบโตทางอาชีพการงาน

ในช่วงแรกพ่อบ้านฉินยังช่วยฉินซิวเฉินจัดการปัญหามากมายหลายเรื่อง เขาย่อมรู้ดีว่าเส้นทางในวงการบันเทิงมีความสลับซับซ้อน เมื่อได้ยินผู้จัดการพูดแบบนี้ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “หรือคราวนี้คุณไม่ต้องใช้ดาราตัวประกอบพวกนั้น ให้เสี่ยวหลิงไปอยู่กับคุณดีไหม? หลังจากถ่ายทำรายการเสร็จ ตัวประกอบพวกนั้นจะได้ไม่ต้องมานั่งแย่งซีนทีหลัง เสี่ยวหลิงหน้าตาดีมาก หล่อกว่าตัวประกอบพวกนั้นเสียอีก ผู้ชมจะต้องชอบแน่ๆ และยังพาเขาไปเที่ยวเล่นได้อย่างเปิดเผยอีกด้วย”

เมื่อได้ยินพ่อบ้านฉินพูดแบบนี้ ฉินซิวเฉินก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ผู้จัดการเห็นว่าฉินซิวเฉินกำลังพิจารณาอยู่จริงๆ เขาก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ซุปตาร์ฉิน พ่อบ้านฉินไม่รู้ แต่คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? วงการบันเทิงคือแว่นขยายขนาดใหญ่ ทุกย่างก้าวจะต้องถูกขยาย คุณไม่รู้ความรุนแรงในโลกไซเบอร์หรือไง? พอถึงตอนนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กเอาได้”

“เสี่ยวหลิงยังเด็ก แต่ก็เชื่อฟังและฉลาดมาก เขาจะทำออกมาไม่ดีได้ยังไง ยังมีใครที่ไม่ชอบเขาอีกเหรอ?” ฉินซิวเฉินไม่เห็นด้วยกับผู้จัดการ

ผู้จัดการหุบปากไม่พูดต่อ เพราะกลัวว่าถ้าตัวเองพูดต่อไป ฉินซิวเฉินจะไปหาฉินหลิงทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นผู้จัดการฉินซิวเฉินมาตั้งแต่เขาอายุยี่สิบ เขาคงคิดไปแล้วว่าฉินหลิงเป็นลูกลับๆ ของฉินซิวเฉิน

**

ตอนกลางวัน

ฉินหร่านกลับหอพักหลังเลิกเรียน โต๊ะในหอพักมีกระถางดอกไม้เพิ่มขึ้นมาหนึ่งกระถาง

“ตอนที่ฉันกลับมา คุณป้าผู้ดูแลหอเอามาส่งให้น่ะ” หนานฮุ่ยเหยาเอียงตัวถอดหูฟังออก ชี้ไปที่กระถางดอกไม้

ฉินหร่านมองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นดอกไม้ที่เฉิงมู่ถือมาด้วยตอนเช้า น่าจะอยู่กับเฉิงมู่ที่นั่น

หนานฮุ่ยเหยายังนั่งเล่นเกมอยู่ แต่การ์ดไพ่เธอตายไปหมดแล้ว จึงคุยกับฉินหร่าน “ดูไม่ออกเลยแฮะว่าเธอยังดูแลดอกไม้เป็นด้วย”

ฉินหร่านเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ “ก็รดน้ำไปงั้นๆ แหละ ไม่ได้ดูแลมันหรอก”

นี่เป็นครั้งแรกที่เจอฉินหร่านหลังวันหยุด ในหอพักก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว หนานฮุ่ยเหยากระซิบถาม “หร่านหร่าน เธอจะเรียนเอกสองตัวจริงๆ เหรอ สอบวิชาเอกหรือยัง? ได้ยินว่าการสอบกลางภาคกับปลายภาคของม.เมืองหลวงนั้นยากมากเลยนะ มันจะลำบากมากถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ได้ยินรุ่นพี่บอกว่าโดยเฉพาะปีนี้จะยากเป็นพิเศษ”

น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวล

เห็นได้ชัดว่าจำคำพูดของเหลิ่งเพ่ยซานที่พูดไว้ครั้งที่แล้ว

“ปีนี้ยากเป็นพิเศษ?” ฉินหร่านกับหนานฮุ่ยเหยาไม่ได้สนใจในประเด็นเดียวกัน

หนายฮุ่ยเหยาวางเมาส์ มือเท้าคาง “ที่ปรึกษาบอกว่าเขาก็ไม่รู้รายละเอียดเฉพาะเจาะจง แต่แค่บอกให้พวกเราตั้งใจเรียน”

“อ้อ” ฉินหร่านกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเอง

หนานฮุ่ยเหยามองฉินหร่านก็นึกถึงตารางเรียนที่เช็กดูตอนเช้า “จริงสิ ตอนเย็นเราออกไปกินข้าวด้วยกันนะ ที่ตรอกของกินมีร้านอร่อยๆ อยู่ร้านนึง”

ฉินหร่านเงยหน้าพิงเก้าอี้ จู่ๆ ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “น่าจะไม่ได้”

“ตอนบ่ายเธอไม่มีเรียนนี่นา เธออย่ามาหลอกฉัน!” หนานฮุ่ยเหยาถ่ายรูปตารางเรียนคณะวิศวกรรมนิวเคลียร์ที่เธอให้คนอื่นลอกมาทันที

“ไม่ใช่ ฉันจะไปเจอเพื่อนคนนึง” ฉินหร่านนั่งไขว่ห้างสบายๆ

**

บ่ายสองโมง

ชมรมน้ำชายามบ่ายรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเงียบสงบ

ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง

“พี่เหยียน ถ้าบอสวังรู้ว่าผมพาพี่หนีออกมาจากสถานที่ถ่ายทำโฆษณาโดยพลการ เขาจะต้องตีผมตายแน่ๆ คอนเสิร์ตกำลังจะจัด แฟนคลับพี่ก็อยู่ไปทั่วทั้งเมือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมหาลัยนี้” ผู้ช่วยเหยียนซีบ่นอุบ “พี่จะไปเจอเพื่อนคนไหน?”

เหยียนซีถอดผ้าปิดจมูกและแว่นตาที่สวมบนจมูกลง วางไว้ด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ

เมื่อได้ยินผู้ช่วยพูด เหยียนซีก็ไม่ตอบอะไร

จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก เป็นเสียงช้าๆ ไม่เร่งรีบ

เหยียนซีลุกขึ้นไปเปิดประตู

ผู้ช่วยเบิกตากว้าง “พี่เหยียน พี่อย่าเปิดประตูมั่วซั่วสิ ถ้า…”

เขาพูดยังไม่ทันจบ เหยียนซีก็เปิดประตูห้องด้วยความรวดเร็ว มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกประตู เธอสวมหมวกแก๊ปจึงมองเห็นหน้าไม่ค่อยชัด

เหยียนซีเบี่ยงตัวให้เธอเข้ามาแล้วปิดประตู

ขณะเดินเข้าไปเธอก็ถอดหมวกแก๊ปสีดำลง เผยให้เห็นใบหน้าที่เอาแต่ใจ

ที่แท้ก็คือฉินหร่าน

เมื่อเห็นหน้าตรง ผู้ช่วยก็เบิกตาโพลง สวยขนาดนี้เลยเหรอ? เด็กนักศึกษาสวยแบบนี้? เป็นนักศึกษามหาลัย? ถึงกับให้เหยียนซีเลื่อนงานโฆษณาโดยเฉพาะและยังระหกระเหินเพื่อมาเจอเธอในสถานที่อันตรายอย่างพวกมหาลัยเนี่ยนะ?

หลังจากเข้าใจเหตุผลแล้ว ผู้ช่วยก็คิดว่าตัวเองรู้ความจริงเข้าแล้ว

นิ้วเขากำลังสั่นระริก ไม่กล้าคุยโทรศัพท์ต่อหน้าเหยียนซี ไม่กล้ามองหน้าทั้งสองเพราะกลัวจะโดนฆ่าปิดปาก เขาแค่กล้าหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความวีแชทให้ “บอสวัง”——

(บอสวัง พี่เหยียนเขามีแฟนสาวใต้ดิน!)

บอสวัง : ?

บอสวังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเหยียนซี เนื่องจากเขาดูแลเหยียนซีคนเดียวและยังต้องดูแลบริษัท พวกลูกน้องรวมถึงพวกศิลปินจึงเรียกเขาว่าบอสวัง

ผู้ช่วยเพิ่งคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่นาน จิตวิญญาณกอสซิปในตัวจึงจุดติด เขารีบใส่สีตีไข่เล่าเรื่องนี้ให้บอสวังทราบ และยังใช้คำว่า “แฟนสาวใต้ดิน” มาขยายความ——

(คุณรู้ไหมว่าพี่เหยียนทำอะไรกับตั๋วคอนเสิร์ตวีไอพีของเขา? เขาเอาให้อีกฝ่ายไปหมดแล้ว! พี่เหยียนเคยทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!)

(บอสวัง ทำไมคุณไม่พูดอะไรบ้าง!)

หลังจากนั้นไม่นาน บอสวังก็ค่อยๆ ตอบมาทีละประโยค

บอสวัง : นั่นไม่ใช่แฟนเหยียนซี

บอสวัง : นั่นเจียงซานอี้ ลูกพี่เหยียนซีเขาน่ะ

บอสวัง : ฉันจะไปทำงานต่อ นายคอยดูปาปารัซซี่ไว้ให้ดีล่ะ