บทที่ 260
เฉินโม่รู้สึกไม่พอใจ มองไปยังคุณชายหลิวอย่างเย็นชา และพูดคำหนึ่งออกมาด้วยเสียงราบเรียบ “ไสหัวไป !”
จิตสังหารอันเยือกเย็นออกมาจากร่างของเฉินโม่ ชายหนุ่มวัยกลางคนด้านหลังคุณชายหลิวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบเข้ามายืนบังด้านหน้าคุณชายหลิวเอาไว้ พลางจ้องมองไปยังเฉินโม่ด้วยความระมัดระวัง
คุณชายหลิวยังคงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายโดยที่ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย “ไอ้ขยะ เลิกวางมาดใหญ่โตได้แล้ว ฉันมีคุณจางอยู่ที่นี่ แกจะทำอะไรได้ ?”
คุณชายหวางที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงจริง ๆ เหม่ยหวากรุ๊ปตอนนี้ถูกทอดทิ้งไปแล้ว ไอ้ขยะอย่างแกยังกล้าทำตัวเหิมเกริมอยู่อีก คุณชายหลิว สั่งสอนมันสักหน่อยสิ !”
“ใช่ คุณชายหลิว สั่งสอนมันเลย !” เศรษฐีบางคนผุดรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
เมื่อคุณชายหลิวถูกกระตุ้น เขาก็มีอาการเลือดร้อน ตราบที่คุณจางยังอยู่ที่นี่ บนโลกนี้จะไม่มีใครเป็นศัตรูกับเขาได้อีก
“ไอ้ขยะ ฉันจะให้โอกาสแกอีกหนึ่งครั้ง คุกเข่าคำนับฉันซะ นอกจากนั้นก็ส่งสองสาวสวยมาอยู่กับฉันอีกเดือนหนึ่ง แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก ไม่งั้น…..”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ร่างของเฉินโม่ก็หายไปจากจุดที่เขายืนอยู่ทันที
ป้าบ !
เสียงถูกตบดังลั่น คุณจาง กระทั่งคุณชายหลิว ถูกตบจนกระเด็นลอยออกไปชนเข้ากับกำแพง ก่อนจะร่วงลงมา
“น่ารำคาญ !”
เสียงตะโกนอันเยือกเย็น ทันใดนั้นเฉินโม่ก็กลับมายืนอยู่ที่เดิม ราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
คุณจางกระอักเลือดออกมา มองไปยังเฉินโม่ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจกลัว “ปรมาจารย์ !”
คุณชายหลิวสมองว่างเปล่า มองไปยังเฉินโม่อย่างไม่เชื่อสายตา จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยความหวาดกลัวว่า “เป็นไปได้ยังไง ? แก ไอ้ขยะจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง !”
กลุ่มเศรษฐีรอบ ๆ ต่างก็ถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอ พลังของเฉินโม่ห่างไกลกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก
เฉินโม่ไม่เหลียวแลคุณชายหลิว สายตาเย็นชาของเขาจับจ้องไปที่ประตูทางออก คณะกรรมการของเหม่ยหวากรุ๊ปหลายคน กำลังเดินเข้ามายังงานประชุม
เมื่อเห็นคนเหล่านี้เดินเข้ามา เสียงคนนับร้อยในห้องโถงก็เกิดเงียบลง สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องไปยังคนเหล่านี้
เฉินโม่รู้ว่าคณะกรรมคนแรกที่เดินเข้ามาคือใคร เขาคือพ่อของฉือรุ่ยปิง ชื่อว่าฉือโฉงหวา
“อดีตคณะกรรมการเหม่ยหวากรุ๊ปฉือโฉงหวา ขอคารวะคุณว่าน !” ฉือโฉงหวาเดินนำอยู่ด้านหน้า ตามมาด้วยอีกเจ็ดคนที่เดินตามเข้ามาเคารพว่านฉางหรูด้วยความนอบน้อม
ว่านฉางหรูลุกยืนขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม เดินเข้ามาหา ฉือโฉงหวาและคนอื่น ๆ ด้วยตนเอง พร้อมกับประสานมือเคารพกลับไป “พวกท่านไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่งก่อนเถอะ !”
พวกเขาไม่ได้ขยับ
ฉือโฉงหวาก็พูดต่อว่า “ตอนนี้ผมได้ออกมาจากเหม่ยหวากรุ๊ปแล้ว หวังว่าท่านประธานว่านจะสามารถช่วยเหลือได้”
ว่านฉางหรูมองไปยังคนเหล่านี้ พร้อมพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ยินดี ด้วยความยินดี !”
“เชิญนั่ง !”
ทั่วทั้งโถงเกิดความวุ่นวาย !
สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องยังหลี่ซู่เฟิน
แต่ละคนแสดงท่าทีออกมาด้วยความสนุกสนาน
ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมว่านฉางหรูถึงจงใจเฉยชากับหลี่ซู่เฟิน
คุณชายหลิวเมื่อได้ยินข่าว ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข สีหน้าดูโหดร้าย “ไอ้ขยะ ได้ยินรึเปล่า ตระกูลว่านยังไม่ทันได้ทำอะไร เหม่ยหวากรุ๊ปก็แตกคอกันเองซะแล้ว เหม่ยหวาจบสิ้นแล้ว ฮา ๆ ๆ …..”
เหล่าลูกเศรษฐีต่างพากันมองไปยังเฉินโม่ด้วยความโหดเหี้ยม
พวกเขาต่างก็คิดว่าเฉินโม่ต่อยตีเก่งแล้วจะยังไง ? ยังไงเฉินโม่ก็ต้องคอยพึ่งพาเหม่ยหวากรุ๊ปอยู่ดี ไม่นานเหม่ยหวากรุ๊ปก็จะจบสิ้น
ต่อให้เฉินโม่จะต่อสู้ได้ แต่มันก็เป็นแค่ศิลปะการต่อสู้ เมื่อถึงเวลาต้องการบี้ให้ตายมันก็ง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่ง
เฉินโม่ไม่ได้สนใจ เขาได้แต่มองไปยังคุณแม่หลี่ซู่เฟินเงียบ ๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น
หลี่ซู่เฟินหน้าซีดเผือด เธอตั้งใจว่าปกปิดเรื่องที่คณะกรรมการขอถอนหุ้นออก เพื่อลดผลกระทบด้านลบของเหม่ยหวากรุ๊ป จากนั้นจะดึงผู้ร่วมลงทุนจากการประชุมสูงสุดเข้ามาเติมเต็มเงินลงทุนที่ขาดไปของบริษัท
แต่เธอคิดไม่ถึงว่า ฉือโฉงหวาและคนเหล่านี้จะเข้ามาปรากฏตัวในการประชุมสูงสุด เข้าขอความช่วยเหลือจากตระกูลว่านต่อหน้าทุกคน !
นี่ก็เหมือนกับการประกาศให้เหล่าคนดังในฮ่านหยางรับรู้ว่า ตอนนี้เหม่ยหวากรุ๊ปแตกพ่ายแล้ว !
ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้เหม่ยหวากรุ๊ปจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้ามาร่วมลงทุนด้วยหรอก !