บทที่ 261
เวินฉิงโมโหจนหน้าอกพองยุบขึ้นลง มองตาว่านฉางหรูด้วยความโกรธ “ท่านประธาน ตระกูลว่านจะเปิดศึกกับพวกเรา”

หลี่ซู่เฟินหน้าขาวซีด แต่กลับไม่ตื่นตระหนก สายตามีแต่ความจับจ้อง “ที่แท้ตอนนั้นที่ตระกูลว่านล้มเลิกการแย่งชิงพื้นที่ตรงนั้นกับพวกเรา ไม่ใช่เพราะไร้แรงจะสู้ แต่เป็นการวางแผน ตั้งแต่ตอนนั้นตระกูลว่านก็ได้วางแผนกับพวกเราไว้หมดแล้ว!”

เวินฉิงค่อนข้างรีบร้อน “ตระกูลว่านวางแผนมานานขนาดนี้ คงจะอยากโจมตีให้ตายเลยทีเดียว ท่านประธาน พวกเราจะนั่งรอความตายแบบนี้ไม่ได้นะ!”

หลี่ซู่เฟินพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วเดินไปพื้นที่ว่างด้านหน้า เผชิญหน้ากับว่านฉางหรู

ทุกคนก็หายใจถี่ขึ้น เหม่ยหวา กรุ๊ปกับมหาเศรษฐีฮ่านหยางเปิดศึกกันแล้ว!

เพียงแต่ว่า พวกเขามองว่าเหม่ยหวา กรุ๊ปไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปกระแทกหิน หาเรื่องให้ตนเองอับอายเปล่าๆ

สายตาของหลี่ซู่เฟินมองกวาดฉือโฉงหวาและพวกประธานทั้ง8คน ฉือโฉงหวายิ้มเย็น มีหลายคนที่ก้มหน้าลงไปด้วยความอับอาย

สุดท้าย หลี่ซู่เฟินก็มองว่านฉางหรูพร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า “ประธานว่านคิดจะบีบเหม่ยหวาให้จนมุมเลยหรือไง? คุณคิดว่าไม่มีพวกเขาแล้ว เหม่ยหวา กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่จะล้มลงงั้นหรือ?”

“คุณดูดถูกผู้กล้าในโลกนี้น้อยไปหรือเปล่า!”

ว่านฉางหรูมองหลี่ซู่เฟิน มุมปากก็เผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา

ยิ่งตัวใกล้อันตรายมากเท่าไร ผู้หญิงแกร่งอย่างหลี่ซู่เฟินก็ยิ่งนิ่งมั่นคงมากขึ้น

หันตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว หลี่ซู่เฟินกวาดสายตามองทุกคน แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันเอาหุ้นของเหม่ยหวา กรุ๊ป50เปอร์เซ็นต์เป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อหาคนร่วมมือด้วย ทุกท่านในที่นี้มีใครสนใจที่จะช่วยเหลือเหม่ยหวา กรุ๊ปหรือไม่!”

“หุ้น50เปอร์เซ็นต์!นี่มันเท่ากับเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของเหม่ยหวา กรุ๊ปมาใส่พานให้คนอื่นเลยนะเนี่ย!”

“เธอบ้าไปแล้วหรือเปล่า!คนโง่ก็ยังรู้เลยว่า ถ้าอยากจะควบคุมทั้งบริษัทได้ อย่างน้อยจะต้องมีหุ้น50เปอร์เซ็นต์ นี่เธอจะแบ่งเหม่ยหวา กรุ๊ปกับคนอื่นหรือไงกัน!”

“เธอไม่ได้บ้าไป กลับกัน เธอฉลาดมาก เด็ดเดี่ยวมาก มีความกล้า เผชิญหน้ากับตระกูลว่าน ถ้าไม่ให้ผลประโยชน์ที่มากพอล่ะก็ ใครจะกล้ามาหาเรื่องกับตระกูลว่าน แล้วไปลงทุนกับเหม่ยหวา กรุ๊ปเล่า!”

“นั่นสิ หลายปีมานี้เหม่ยหวา กรุ๊ปยิ่งใหญ่ขึ้นมา มีอิทธิพลต่อกิจการส่วนใหญ่ในฮ่านหยาง ผู้หญิงคนนี้มีผลงานเห็นได้ชัด คนรุ่นเก่าอย่างพวกเราถูกเธอเหยียบหัวขึ้นไปแล้ว!”

ทุกคนซุบซิบกัน คุยกันใหญ่ บางคนก็มีสายตาเป็นประกายออกมา

คนที่มาที่นี่ได้ในวันนี้ ล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในหลายๆ ด้านของฮ่านหยาง ถึงแม้กำลังจะสู้มหาเศรษฐีฮ่านหยางไม่ได้ แต่กลับมีใจกล้าที่พร้อมชิงความเป็นใหญ่กับมหาเศรษฐีได้ ถ้าไม่จัดการเหม่ยหวา กรุ๊ปไว้ ด้วยอำนาจทางธุรกิจของเหม่ยหวา กรุ๊ป อีกไม่กี่ปี ก็อาจจะสั่นคลอนตำแหน่งมหาเศรษฐีของตระกูลว่านได้

มีคนมีชื่อเสียงหลายคนที่มีอิทธิพลน้อยกว่าตระกูลว่าน สายตาก็ร้อนผ่าน เห็นได้ชัดว่าถูกข้อเสนอของหลี่ซู่เฟินทำให้สนใจ

เวินฉิงก็มองหลี่ซู่เฟินด้วยความตกใจเหมือนกัน แล้วพูดว่า “ท่านประธาน หุ้น50เปอร์เซ็นต์ มันมากเกินไปนะคะ”

หลี่ซู่เฟินไม่ได้ตอบอะไร เธอเองก็ทำไปด้วยความจำเป็น เมื่อเทียบกับการถูกตระกูลว่านมาฮุบไป ไม่สู้ลุกขึ้นสู้ดีกว่า พันกันสักตั้ง อย่างไรเสียขอเพียงตนเองยังครอบครองหุ้นอีกครึ่งหนึ่ง ก็ยังมีอำนาจออกความเห็น ให้ผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

ว่านฉางหรูก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเหมือนกัน มองหลี่ซู่เฟินด้วยสายตาเย็นชา “ประธานหลี่ ผมดูถูกคุณเกินไป!”

นี่คือครั้งแรกที่ว่านฉางหรูเรียกหลี่ซู่เฟินอย่างเป็นทางการ

เฉินโม่ก็มองแม่ตนเองนิ่งๆ สายตาก็มีความนับถือ ชาติก่อนเขายังไม่พอใจที่แม่ตนเองเอาแต่สนใจการขยายกิจการ ไม่ค่อยสนใจดูแลเขาเลย ตอนนี้เห็นแม่สู้อยู่ในสงครามธุรกิจที่โหดร้ายตัวคนเดียว เขาถึงเข้าใจขึ้นมาได้ว่าชาติก่อนแม่ต้องแบกรับแรงกดดันมากมายขนาดไหน

ที่สำคัญก็คือ หลี่ซู่เฟินเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น!