บทที่ 262
“ไม่รู้ว่าแม่จะแก้ปัญหาวิกฤติของเหม่ยหวาได้หรือไม่?”

เฉินโม่สงสัยในใจ จากความทรงจำในชาติก่อน วิกฤติในครั้งนี้ไม่นานแม่ก็จะใช้เงินทุนของเหอฮุ่ยกรุ๊ปเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ว่าดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่ามันจะไม่ง่ายแบบนั้น

“หรือว่าการเกิดใหม่ของเรา ประวัติศาสตร์มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลง?”

นี่ก็อาจจะเป็นไปได้ จากความทรงจำในชาติก่อนของเฉินโม่ ตอนนี้เอียนชิงเฉิงจะยังไม่มาพบกับตนเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะมาเป็นคนรับใช้คนใกล้ชิดของตนเองเลย

บางที ประวัติศาสตร์มันอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ !

หลี่ซู่เฟินมองว่านฉางหรูแล้วยิ้มพูดว่า “ประธานว่านวางแผนล้ำลึก ควบคุมทุกอย่าง เมื่อเทียบกับคุณ ฉันยังด้อยกว่ามาก!”

ว่านฉางหรูพูดเสียงเย็นชาว่า “คุณวางใจเถอะ ถึงแม้ผมจะดูถูกความกล้าของคุณมากเกินไป แต่ผมไม่มีทางให้โอกาสอะไรกับคุณแน่นอน!”

พูดจบ ว่านฉางหรูก็ลุกขึ้นเดินไปทางเวที แล้วก็รับไมค์โครโฟนมาจากพิธีกรหญิง กวาดสายตามองทุกคนในงาน แล้วพูดเสียงเย็นว่า “วันนี้ตระกูลว่านของผมจะกำจัดเหม่ยหวา ใครกล้ายื่นมือเข้ามาแทรก ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับตระกูลว่าน ไม่ตายกันไปข้างหนึ่งก็ไม่เลิกรา!”

องอาจ!ทะนง!โหดเหี้ยม!

ทั้งในฮ่านหยาง คนที่กล้าพูดแบบนี้ได้ มีเพียงว่านฉางหรูคนเดียว!

และมีเพียงว่านฉางหรูคนเดียว ที่มีพลังอำนาจแบบนี้!

บางคนที่สนใจกับข้อเสนอของหลี่ซู่เฟิน พอได้ยินคำของว่านฉางหรู ก็ต้องถอยกลับไปไม่กล้าสู้

เดิมทีนั้น พวกเขาคิดว่าต่อให้เป็นศัตรูกับตระกูลว่าน ก็ยังมีเหม่ยหวา กรุ๊ปมารับหน้าแทน พวกเขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับตระกูลว่าน ยิ่งกว่านั้นถึงขั้นจะเอาให้ตายกันเลยถึงจะเลิกรา!

หลี่ซู่เฟินหน้านิ่ง เธอสัมผัสได้ว่าลมหายใจที่รีบร้อนโดยรอบนั้นมันได้หยุดไป

หุ้น50เปอร์เซ็นต์เป็นเส้นตายของหลี่ซู่เฟินแล้ว ถ้าหากว่ายอมมากกว่านี้ มันก็เท่ากับว่าเธอเอาเหม่ยหวา กรุ๊ปที่ตนเองก่อร่างสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากยกให้กับคนอื่นไปเลย

“เวินฉิง โทรหาประธานเหอของเหอฮุ่ยกรุ๊ปที ถามดูสิว่าจะมาถึงการประชุมสูงสุดของฮ่านหยางตอนไหน”

หลี่ซู่เฟินมีน้ำเสียงทนไม่ไหว ตอนนี้ฮ่านหยางนับถือตระกูลว่านเป็นใหญ่ ภายใต้การข่มขู่ของว่านฉางหรู ไม่มีใครกล้ามาลงทุนกับเหม่ยหวาเลย เธอก็ได้แต่หวังว่าเหอฮุ่ยกรุ๊ปของมณฑลยู่หนาน จะมาสู้กับตระกูลว่านได้

เวินฉิงหยักหน้า พอกำลังจะโทรออกไป ว่านฉางหรูก็หัวเราพูดอยู่ด้านบนเวทีว่า “เตรียมจะขอความช่วยเหลือจากเหอฮุ่ยกรุ๊ปใช่ไหม? ไม่จำเป็นแล้วล่ะ!”

พูดจบ ว่านฉางหรูก็กวักมือไปทางด้านซ้ายของห้องโถง แล้วก็มีคนหนึ่งเดินเข้ามา

หลี่ซู่เฟินเวียนหัว จนเกือบจะล้มลงไป โชคดีที่เวินฉิงมาพยุงไว้

“ประธานเหอ!” มองไปยังเหอฉางหมิงที่จับมือกับว่านฉางหรูบนเวที คุยยิ้มกันหน้าระรื่น หลี่ซู่เฟินก็หน้าเสีย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ส่วนประธานเหอไปรู้จักกับว่านฉางหรูได้อย่างไรนั้น หลี่ซู่เฟินไม่ได้อยากรู้แล้ว เธอรู้เพียงเรื่องเดียวว่า เธอแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบ!

เวินฉิงพูดอย่างรีบร้อนว่า “ท่านประธาน หนักแน่นเข้าไว้ค่ะ ต่อให้พวกเราไม่เหลืออะไรแล้ว พวกเราก็ยังมีครอบครัวนะคะ แล้วก็เฉินโม่ด้วย!”

ในสายตาของหลี่ซู่เฟิน กลับมาตั้งมั่นอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆ ยืนอย่างมั่นคง

“ใช่ เพื่อครอบครัว เพื่อนเสี่ยวโม่ ฉันจะสู้มันอีกครั้ง!”

เธอมองว่านฉางหรูบนเวทีด้วยสายตาที่เย็นชา แอบกำหมัดไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้ามีคนยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ฉันยอมยกหุ้น51เปอร์เซ็นต์ของเหม่ยหวา กรุ๊ปให้เลย!”

ทุกคนหยุดหายใจ!

ถึงแม้จะเพิ่มมาอีกแค่1เปอร์เซ็นต์ แต่มันเท่ากับว่ายกเหม่ยหวา กรุ๊ปให้เลย!เทียบกับหุ้น50เปอร์เซ็นต์แล้ว มันต่างกันราวฟ้ากับดิน!

“ประธานคะ!” เวินฉิงตกใจ อยากจะพูดตักเตือน แต่ก็ถูกหลี่ซู่เฟินยกมือมาห้ามไว้

มีสายตาของบางคน กลับมาเป็นประกายอีกครั้ง

ว่านฉางหรูส่งเสียงไม่พอใจเบาๆ “ผมจะดูสิว่าใครจะกล้า!”

เสียงนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยบารมี ที่กดหัวให้ทุกคนต้องก้มหัวลงไปอีกครั้ง

ว่านฉางหรูคือเทพเจ้าในแวดวงธุรกิจในฮ่านหยาง อยากจะสู้กับเขา จะต้องมีเทพเจ้าอีกคนออกมาสู้!

หลี่ซู่เฟินหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ยอมรับชะตาชีวิตอย่างไม่พอใจ “ฉันแพ้แล้ว เหม่ยหวา จบสิ้นแล้ว!”

ที่มุมหนึ่งของห้องโถง เฉินโม่ค่อยๆ ลุกขึ้น ใบหน้านิ่งๆ พาพวกของเฉินซงจื่อ เดินมาทางหลี่ซู่เฟินที่ปล่อยให้ยืนคนเดียว