บทที่ 263
คุณชายหลิวที่นอนบนพื้นแสยะยิ้มพูดออกมาว่า “กระจอก เหม่ยหวา กรุ๊ปของพวกมึงจบสิ้นแล้ว เดี๋ยวมึงก็ต้องไปเป็นขอทานแล้ว มึงคิดว่ามึงปรากฏตัวออกมาแล้วจะแก้ไขทุกอย่างได้อย่างนั้นหรือ? มึงมันก็เป็นแค่ไอ้กระจอกที่ไม่รู้จักกำลังตัวเอง!”

เฉินโม่ไม่ได้สนใจเขา แล้วก็เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างๆ หลี่ซู่เฟิน

เฉินซงจื่อสวมชุดนักพรตยืนนิ่งๆ อยู่ด้านหลังของเฉินโม่ สีหน้าเย็นชา มองดูทุกคนอย่างจดจ้อง

เอียนชิงเฉิงสุดสวยกับซังซังก็ยืนอยู่ข้างๆ เฉินโม่นิ่งๆ สวยสะพรั่งอยู่ข้างๆ

สายตาของทุกคน ก็เหมือนจะหันมามองที่ตัวของเฉินโม่กันหมด

“หนุ่มน้อยจากที่ไหนกัน? ถึงได้กล้ามาอยู่ในสังคมที่มีแต่การต่อสู้แบบนี้ได้ แล้วมานั่งข้างๆ หลี่ซู่เฟิน!” ในใจของทุกคนก็เกิดความสงสัย แล้วก็เริ่มถามหาที่มาของเฉินโม่

พอรู้ว่าเป็นลูกชายของหลี่ซู่เฟิน แถมยังเป็นเด็กม.6อีกด้วย และยังสอบได้ที่สุดท้ายทุกปีอีก สายตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความดูถูก

ถึงขั้นสายตาที่มองหลี่ซู่เฟิน ยังแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยอีกด้วย

มีลูกชายแบบนี้ ช้าเร็วเหม่ยหวา กรุ๊ปก็จบสิ้นแน่นอน

ฉือรุ่ยปิง คุณชายหวางและอีกหลายคนก็มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าดูถูก

“เหอะ ไอ้กระจอกไม่รู้จักที่ตาย มันคิดว่าตัวเองเป็นคนฉุดช่วยโลกนี้หรือไง? แม่มันยังทำอะไรไม่ได้ แล้วมันจะเอาอะไรมาสู้กับตระกูลว่านได้!”

ในฝูงคน ฉู่เหวินสง เจี่ยจิ้งอานแห่งอู่โจว เซวียเชียนเหอแห่งหนานหลิงและเจ้าสัวทั้งหลายก็สีหน้าเปลี่ยน สายตาเผยการครุ่นคิดออกมา

คนพวกนี้เคยได้ยินที่มาของเฉินโม่ แต่ด้วยบารมีของเฉินโม่ ก็เลยไม่กล้าไปสืบ รู้แค่ว่าเฉินโม่เกิดที่ตำบลแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเฉินโม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหม่ยหวา กรุ๊ป

แต่ว่า ตอนที่เฉินโม่เลือกที่จะนั่งข้างๆ หลี่ซู่เฟินตำแหน่งประธานของเหม่ยหวา กรุ๊ปตอนนี้นั้น ข้อมูลที่เผยออกมา ก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาได้

คิ้วสวยๆ ของเวินฉิงขมวดขึ้นเล็กน้อย มองไปยังเฉินโม่ แล้วแอบดุไปเบาๆ “เสี่ยวโม่ ออกมาทำอะไรตอนนี้?”

หลี่ซู่เฟินก็มีใบหน้าที่อยากจะให้ลูกได้ดี เฉินโม่ออกมาตอนนี้ อยากจะมาขายหน้าพร้อมกับเธออย่างนั้นหรือ?

“เสี่ยวโม่ รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย!” หลี่ซู่เฟินโมโหนิดหน่อย แล้วก็ดุไปเบาๆ

เฉินโม่ยิ้มพูดเบาๆ ว่า “แม่ครับ ถ้าผมกลับไปแล้ว ใครจะช่วยเหลือเหม่ยหวาล่ะครับ?”

ถึงแม้เสียงของเฉินโม่จะไม่ดัง แต่มันก็พอที่จะทำให้คนทั้งห้องโถงได้ยินกันหมด

“พูดจาไม่ยั้งคิด!แค่เด็กม.6คนหนึ่ง ก็คิดจะช่วยเหลือเหม่ยหวางั้นหรือ? ฝันไกลไปหรือเปล่า!”

“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าหลี่ซู่เฟินฉลาดมาครึ่งชีวิต แต่มีลูกชายดง่แบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ !”

“โชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้ร่วมลงทุนกับเหม่ยหวา ไม่อย่างนั้นคงตายแน่!”

ทุกคนต่างพากันพูดจาประชดประชัน และจ้องมองเฉินโม่อย่างดูถูกเหยียดหยาม

คนในงานล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทุกด้านของฮ่านหยาง ใครจะเชื่อคำพูดของเด็กม.6คนหนึ่งเล่า? ต่อหน้าคนพวกนี้ ต่อให้เป็นว่านเหวินโยวก็ยังไม่มีพื้นที่ให้พูดเลย ยิ่งกว่านั้นเขาก็เป็นแค่คุณชายของเหม่ยหวา กรุ๊ปที่กำลังจะล้มละลาย

ฉือรุ่ยปิง คุณชายหลิวและพวกลูกเศรษฐีทั้งหลายก็ยิ่งพูดจาว่าร้าย พูดเยาะเย้ยใส่เฉินโม่เข้าไปใหญ่

แม้แต่เหอฉางหมิงประธานของเหอฮุ่ยกรุ๊ปที่อยู่บนเวที ก็ยังส่ายหัวเบาๆ มีใบหน้าไม่อยากจะแยแส “โชคดีที่พี่ว่านมาเตือนได้ทันเวลา ถ้าผมไปร่วมลงทุนกับเหม่ยหวาจริงๆล่ะก็ มีลูกชายที่เอาแต่เที่ยวเล่นแบบนี้ เกรงว่าผมคงจะขาดทุนกลับมาแน่นอน!”

ว่านฉางหรูก็ไม่เห็นเฉินโม่อยู่ในสายตา ถึงขั้นไม่อยากจะไปมองหน้าเฉินโม่เลยด้วยซ้ำ ฐานะของเขาสูงส่งขนาดไหนแล้ว มีหรือจะยอมให้เด็กมมัธยมคนหนึ่งมาท้าทายได้!

“พี่เหอรู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เด็กที่ถูกปล่อยจนเคยตัว จะไปสนใจมันทำไม?”

พอหลี่ซู่เฟินได้ยินคำพูดดูถูกเหล่านั้น ก็โมโหกลับคำพูดของเฉินโม่มาก มองเฉินโม่ด้วยความโมโห “เสี่ยวโม่ แกทำให้แม่ผิดหวังจริงๆ เลย”

เวินฉิงก็รีบพูดว่า “เสี่ยวโม่ เชื่อฟังหน่อยนะ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะให้นายมาก่อความวุ่นวายนะ รีบกลับไปเสีย!ที่ท่านประธานทำแบบนี้ ก็เพื่อจะปกป้องนายนะ!”