บทที่ 295 ทิ่มมือ
บทที่ 295 ทิ่มมือ
ภายในมหาสุสานใต้พิภพแห่งนี้ยังมีอีกหลายชั้นลึกลงไปด้านล่าง ถึงแม้ว่าชุดมังกรปีศาจนี้จะครบทุกชิ้นแล้วก็จริง แต่เซียวเฟิงก็ยังอยากที่จะลงไปดูด้านล่างอยู่อีก เพราะเชื่อว่าด้านล่างนี้อาจจะยังมีอย่างอื่นที่น่าประทับใจรอเขาอยู่อีกก็ได้
นอกจากนี้… ที่นี่เองก็ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะจะใช้อัปเลเวลด้วย ไม่ว่าจะด้วยเลเวลของมอนสเตอร์ที่สูง หรือจะเป็นจำนวนที่มีมากมายก็ตาม ที่นี่ถือเป็นสถานที่เก็บเลเวลที่ให้ปริมาณค่าประสบการณ์มากกว่าแผนที่อื่นที่ชายหนุ่มรู้จักเลย
หลังจากที่กำจัดผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งมหาปราสาทใต้พิภพไปแล้ว เซียวเฟิงจึงสามารถเดินลงไปยังชั้น 5 ต่อได้ แต่เพราะผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 ถูกเขากำจัดไปตั้งแต่ที่เมืองแห่งความโศกเศร้าแล้ว และมันไม่น่าจะฟื้นคืนชีพกลับมาในเร็ว ๆ นี้แน่ ดังนั้นแล้วที่ชั้นที่ 5 จึงเป็นเพียงพื้นที่สำหรับเก็บเลเวลได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เก็บค่าประสบการณ์จากชั้นที่ 5 เป็นที่เรียบร้อย มันก็เป็นเวลาที่ฟ้าสางพอดิบพอดี เซียวเฟิงและเฉียนโตวโตวออฟไลน์ออกไป เพื่อไปทานอาหารเช้า ในขณะที่เหล่าสาว ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเฉียนโตวโตวเองก็จะกลับไปทำงานต่อ เพราะงั้นแผนการเพิ่มเลเวลคงต้องหยุดไว้ชั่วคราว…
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะไม่ได้อยู่กับพวกเธอเป็นเวลานานนัก แต่นี่ก็นับว่าเป็น 24 ชั่วโมงที่ให้ผลลัพธ์อันน่าทึ่งมากเลยทีเดียว!
นั่นเพราะขนาดตัวเซียวเฟิงเองยังสามารถอัปเกรดได้ถึง 2 เลเวล เฉียนโตวโตวที่มีเลเวลสูงที่สุดในบรรดาพวกเธอก็เลเวล 28 แล้ว สาว ๆ ที่เหลือก็เลเวล 25 กันหมด
ดังนั้นหากจะบอกว่าอีกอึดใจเดียวก็จะถึงเลเวล 30 กันแล้ว ก็คงไม่เกินไปนักหรอก ไว้เซียวเฟิงพาพวกเธอมาเก็บเลเวลแบบนี้อีกครั้งก็น่าจะเรียบร้อย…
กลุ่มของสาว ๆ กล่าวคำลาและกลับเมืองด้วยใบเทเลพอร์ตสำหรับเข้าเมือง ส่วนเซียวเฟิงเดินทางไปยังจุดเทเลพอร์ตประจำชั้นที่ 5 ของมหาปราสาทใต้พิภพก่อนเพื่อส่งตัวเองกลับไปยังเมืองเทียนหลง และออกจากเกม
แต่ครั้งนี้เซียวเฟิงไม่ได้ออฟไลน์ด้วยวิธีปกติ เพราะเขาโดนระบบแจ้งเตือนว่าร่างกายของตัวเองได้รับแรงปะทะ และบังคับให้ออฟไลน์เพื่อไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก
เพราะร่างกายของเซียวเฟิงไม่ได้แจ้งเตือนถึงอันตรายใด ๆ เลย เขาจึงรีบถอดหมวกเล่นเกมออกมาด้วยความสงสัย สิ่งที่รอชายหนุ่มอยู่ด้านนอกก็คือเซียวหลิง ผู้ที่มีผมยาวสีบลอนด์ทองสลวยในชุดนอนตัวบางซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ปลายเตียง เด็กสาวกัดฟันแน่นขณะที่ยกขาเตะขาเซียวเฟิงอย่างรุนแรงไปด้วย และถ้าฟังดี ๆ ริมฝีปากบางนั้นก็กำลังบ่นเขาพึมพำด้วยเสียงเบาอยู่
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เซียวเฟิงรู้สึกแปลกไปนิดหน่อย เขาจำได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรให้เซียวหลิงไม่พอใจเลยแท้ ๆ ตลอดสองวันมานี้ ทำไมเจ้าตัวเล็กผมทองถึงมาเหวี่ยงใส่เขาได้ล่ะ?
“นายยังกล้ามีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ! แย่มาก! ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วใช่ไหม! ทำไมไม่ตายไปเลยล่ะฮะ!”
ชัดเจนเลยว่าเซียวหลิงเพิ่งจะตื่น เพราะเจ้าตัวมีนิสัยชอบวิ่งมาห้องเซียวเฟิงหากตื่นเช้า หรือบางครั้งก็จะมุดเข้ามาในผ้าห่มของตัวเองแล้วหลับตาอีกครั้ง
วันนี้เองก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน แสดงว่าเมื่อคืนเซียวหลิงไม่ได้อยู่เล่นเกมจนดึกและนอนเร็ว ดังนั้นแล้วเด็กสาวจึงสามารถตื่นมาเข้าห้องเซียวเฟิงแต่เช้าได้ ทว่าบางสิ่งบางอย่างที่เธอเจอ น่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าตัวหัวเสียได้ขนาดนี้
“เป็นอะ…” เซียวเฟิงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่หลังจากที่เขาวางหมวกเล่นเกมลงแล้ว ชายหนุ่มก็เข้าใจได้ทันที เพราะจำนวนผู้ที่นอนอยู่บนเตียงของเขานั้นมันไม่ปกติ
ห้องของเซียวเฟิงนั้นเป็นห้องนอนหลักขนาดใหญ่ และในฐานะที่มันเป็นห้องนอนหลักของคฤหาสน์ ดังนั้นเตียงของห้องนี้จึงใหญ่มาก ๆ ซึ่งมันใหญ่พอจะให้คนห้าหกคนนอนด้วยกันได้เลย กระนั้นแล้วปกติเซียวเฟิงก็นอนบนเตียงขนาดใหญ่คนเดียว
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปนิดหน่อย เพราะนอกจากเซียวเฟิงแล้ว มันยังมีหญิงสาวอีกสองคนที่นอนอยู่บนเตียงนี้ด้วย ถึงแม้ว่าทั้งสองจะสวมหมวกเล่นเกมปิดบังใบหน้าไว้ แต่ไม่ว่าใครที่มาเจอก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเธอเป็นใคร
ร่างที่เพรียวบางที่อยู่ด้านซ้ายนั้นมีรูปร่างราบเรียบ แต่ถึงอย่างนั้นเรียวขางามที่อยู่ใต้กางเกงขาสั้นตัวเล็กก็ทำเอาทุกสายตาที่มองแอบร้อนรุ่มอยู่ภายในใจได้ไม่น้อยเช่นกัน ขาของเธอผู้นี้ยาวราวกับว่าถัดจากลำตัวก็เป็นขาเลย หากมองว่าเธอเป็นคนตัวสูง ขาของเธอก็มีความยาวเท่ากับส่วนสูงของเธอเลยทีเดียว ไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำทำเพลง สตรีเจ้าของขาเรียวยาวคู่นี้ต้องเป็นซือเยี่ยจิ๋งอยู่แล้ว
ในส่วนของร่างที่นอนอยู่ทางฝั่งขวานั้นสวมชุดนอนสีขาวสะอาด และถึงแม้ว่าเธอจะหันหลังให้อยู่ แต่เพียงมองจากรูปร่างอันไร้ที่ติภายใต้ชุดนอนตัวบางแสดงให้เห็นถึงความสะโอดสะองของสาวเจ้าได้ชัดเจน ดังนั้นแล้วเธอคนนี้ก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้อีกนอกเสียจากหลิวเฉียงเหว่ย
ตอนนี้ไม่เพียงแค่เซียวหลิงที่กำลังโกรธมาก ๆ แล้ว เซียวเฟิงเองก็หงุดหงิดไปด้วยเช่นกัน ทั้งสองสาวไม่ยอมกลับไปนอนห้องของตนเอง ที่สำคัญกว่านั้น ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเธอมาเข้าเกมในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สำคัญยังมานอนบนเตียงเขาด้วยเนี่ยนะ?
นี่มันเกินกว่าไอ้พฤติกรรมที่ชอบบุกเข้ามาในห้องของเขาตอนที่ยังไม่ค่อยมีอะไรทำช่วงก่อนของพวกเธอเสียอีก หรือว่าเขาควรจะนำป้าย ‘ผู้หญิงและหมาไม่อนุญาตให้เข้าห้องนี้’ ไปแขวนไว้หน้าห้องกันนะ?
“ฮ้าว…”
จังหวะนั้นเอง ทั้งสองสาวก็ตื่นขึ้นมาตาม ๆ กันเพราะเป็นเวลาอาหารเช้า พวกเธอตื่นก่อนเซียวเฟิงจะกดปุ่มเรียกที่อยู่บนหมวกของแต่ละคนราวกับรู้ล่วงหน้า หมวกเล่นเกมที่ถูกใช้งานมาพักใหญ่ ๆ ถูกถอดออก ในขณะที่ร่างอันงดงามค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง สิ่งที่รอต้อนรับเช้าอันสดใสของพวกเธอนั้นคือ เซียวเฟิงและเซียวหลิงที่กำลังยืนจ้องเขม็งอยู่ตรงหน้า จากนั้นทั้งสองจึงได้แต่มองหน้ากันด้วยตาปรือ ๆ
“อย่าบอกนะว่าสมองของพวกเธอกระทบกระเทือนจนกลับห้องของตัวเองไม่ถูกน่ะ?” เซียวเฟิงเป็นฝ่ายพูดก่อนขณะมองไปยังสองสาว และเพราะนี่เป็นเวลาเช้าตรู่หลังตื่นนอน ดังนั้นใบหน้าของพวกเธอจึงไร้ซึ่งเครื่องประทินผิวใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าทั้งสองสาวก็ยังคงมีเสน่ห์ คนหนึ่งก็สวยอย่างไร้ที่ติ ส่วนอีกคนก็ยังสาวและสวยไม่แพ้กัน
“ระวังคำพูดหน่อยดิ” ซือเยี่ยจิ๋งคิ้วกระตุกก่อนจะเหลือบไปมองเซียวเฟิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
อย่างไรก็ตาม หลิวเฉียงเหว่ยนั้นเพียงแค่หน้าแดงน้อย ๆ เธอกระชับเสื้อและจัดผมเผ้าให้ดี จากนั้นก็ลุกออกจากเตียงพร้อมกับถือหมวกเล่นเกมไว้ในมือข้างหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องเซียวเฟิงไปโดยไม่ได้พูดอะไร
ซึ่งตลอดทางที่เธอเดินออกไป เซียวหลิงก็มองเธอด้วยสายตาที่เห็นได้ชัดเลยว่าไม่เป็นมิตร
“ฮึ่ม! เพราะทำตัวแบบนี้ไงถึงยังโสด! ไปกันเถอะเซียวหลิง! อย่าไปสนใจไอ้เจ้าบ้าตัวเน่านี่เลย!”
ซือเยี่ยจิ๋งเองก็ลุกออกจากเตียงไปด้วยเช่นกัน เธอถือหมวกเล่นเกมไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็โอบเซียวหลิงเอาไว้และเดินจากไปด้วยกัน
ภาพที่เห็นทำเอาเซียวเฟิงค่อนข้างประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่เซียวหลิงดูจะตั้งตนเป็นศัตรูกับหลิวเฉียงเหว่ยอย่างชัดเจน แต่เธอกลับสนิทกับซือเยี่ยจิ๋งมาก ๆ เสียอย่างนั้น การที่เธอยอมเดินออกไปโดยมีซือเยี่ยจิ๋งโอบ มันทำให้เซียวเฟิงเหมือนยังไม่ตื่นจากฝันดี
“นายท่านคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ…”
ตอนนั้นเอง หนิงเคอเค่อก็เดินเข้ามาเพื่อเรียกเซียวเฟิงด้วย เธอยังคงสวมชุดแม่บ้านสีขาวดำแบบคลาสสิกอยู่ดังเดิม เช่นเดียวกับท่าทีเขินอายที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอดไม่ว่าจะมาทำงานที่นี่ได้นานสักเท่าไหร่แล้วก็ตาม เซียวเฟิงไม่อ้อยอิ่งอยู่ในห้องต่อแล้วรีบเดินลงไปข้างล่างต่อในทันที
ตลอดช่วงที่รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน สงครามเย็นระหว่างเซียวหลิง เซียวเฟิง และหลิวเฉียงเหว่ยก็ยังคงดำเนินอยู่ตลอดเวลา เด็กสาวทำเมินเซียวเฟิง ไม่ว่าเขาจะชวนคุยอย่างไรก็ตาม ขณะที่จับจ้องไปยังหลิวเฉียงเหว่ยด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรที่หนักหน่วงขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป เซียวเฟิงรู้สึกได้เลยว่าสายตานั้นทำเอาหลิวเฉียงเหว่ยหนักใจจนต้องแอบเหลือบมามองขอให้เขาช่วยอยู่บ่อยครั้ง
“เซียวเฟิง ฉันรู้สึกว่าเซียวหลิงไม่ชอบฉัน”
เมื่อเซียวเฟิงเข้ามาในเกม เขาก็ได้รับสายโทรเข้าจากหลิวเฉียงเหว่ยเป็นครั้งแรก
“เรื่องปกติ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ญาติของเธอเจอหนักกว่านี้เยอะ”
เซียวเฟิงพูดเชิงปลอบใจเธอ แต่นั่นก็ไม่ใช่คำพูดให้สบายใจขึ้นแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อตอนที่เขายังอยู่กับเซียวหลิง ที่อพาร์ตเมนต์ก่อนหน้า เซียวหลิงเองก็ไม่ชอบขี้หน้าซือเยี่ยจิ๋งมาก ๆ เหมือนกัน ยิ่งการที่เจ้าตัวมาบ่อย ๆ เด็กสาวก็ยิ่งแสดงความเกลียดชังออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ
“จริงเหรอ…ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะไปถามจิ๋งจิ๋งเกี่ยวกับเรื่องนี้แทนแล้วกัน…”
หลิวเฉียงเหว่ยคิดตาม เซียวเฟิงวางสายของเธอหลังเห็นว่าไม่มีอะไรต้องช่วยแล้ว
“นายท่าน…ข้าอยากกินอีก…”
ตอนนี้เซียวเฟิงกำลังอยู่กับเสี่ยวไป๋ในนครศักดิ์สิทธิ์ เขาป้อนเค้กใส่ปากเธอไปเรื่อย ๆ คิ้วของเขาขมวดขึ้นมาหลังจากมองเด็กสาวผมสั้นสีเงินที่อยู่ในอ้อมแขนของตน
หากไม่มีปีกสองคู่ที่อยู่ด้านหลัง เสี่ยวไป๋เองก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เพียงแค่ในเวลานี้เธอสามารถอยู่ได้แค่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ตลอดทั้งวันเท่านั้น ใบหน้าของเธอจะแสดงให้เห็นถึงความสุขและความน่ารักออกมาก็ต่อเมื่อเซียวเฟิงมาอยู่ด้วย
นอกจากนั้นเธอจะดูเหมือนเด็กที่ไม่เข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา จนดูน่าสงสาร
“เอ้ก เอ้ก!!”
เสียงของไก่ขี้โมโหที่ว่ายอยู่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เหมือนเป็นในคลองดังขึ้นขัดบรรยากาศ และในตอนนี้มันว่ายมายังเท้าของเซียวเฟิงแล้ว
เซียวเฟิงเตะเจ้าไก่ขี้โมโหตัวนั้นออกไปให้ไกลจนเกิดการตีกันระหว่างคนกับไก่อยู่ครู่หนึ่ง โชคยังดีที่เขายังจำได้ว่าไก่ตัวนี้มันช่วยฆ่าเวลาให้เสี่ยวไป๋เวลาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวได้ เพราะงั้นจึงไม่เตะมันแรงมากเกินไป แต่เพียงให้มันไปไกล ๆ จากขาเขาเท่านั้น ซึ่งพอมันสงบลง ไก่น้ำตัวนี้ก็ว่ายน้ำต่อไปในทิศทางอื่นเหมือนเป็ดมากขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก
“เอ่อ…นายท่าน…ข้าอยากกินอีก…”
จังหวะที่เซียวเฟิงกำลังหลุดไปในห้วงความคิด เสี่ยวไป๋ก็เข้ามาเลียครีมที่อยู่บนนิ้วของเซียวเฟิงและใช้หัวเล็ก ๆ ของเธอถูไถอกของเขาพลางเอ่ยพูดเบา ๆ ไปด้วย
รับรู้เช่นนั้นเซียวเฟิงก็รีบหยิบเอาเค้กอีกชิ้นมาป้อนให้เธอโดยไวพร้อมกับยิ้มเห็นฟันให้เธอ แสดงสีหน้ามั่นใจให้เธอเห็น
“วัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งแสง!”
เขาเคยสืบหาเรื่องนี้มาก่อนหน้าแล้ว อันที่จริงควรจะพูดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามสืบหาเรื่องนี้ผ่านฟอรั่มเกมอยู่ตลอด มีเพียงแสงบริสุทธิ์จำนวนมากเท่านั้นที่จะทำให้เสี่ยวไป๋สามารถเติบโตขึ้นได้
แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังไม่สามารถหาทางออกนั้นได้แต่อย่างใด จะบอกว่าชายหนุ่มไม่มีเบาะแสที่จะหาก็ไม่ได้ เพราะตัวเองรู้อยู่แล้วว่าวัตถุดิบเหล่านั้นจะสามารถหาได้จากที่ไหน แต่ก็เพราะรู้ว่าจะหาได้จากที่ไหน มันจึงกลายเป็นปัญหาของชายหนุ่มเองในตอนนี้
นั่นเพราะวัตถุดิบเหล่านี้จะดร็อปจากมอนสเตอร์ที่มีธาตุเดียวกับมันเท่านั้น และด้วยเซ็ตติ้งโลกของของมิธ ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเลยที่มีธาตุประจำตัวเป็นธาตุแสงหรือศักดิ์สิทธิ์ นั่นเพราะผู้ที่ครอบครองธาตุแสงคือผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับผู้เล่น
มอนสเตอร์กลุ่มเดียวที่เซียวเฟิงเคยเจอแล้วมีธาตุแสงคือ ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนภูเขาส่องแสงในนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ขี่ก็จริง แต่ชื่อที่อยู่เหนือพลังชีวิตมันก็มีสีเหลือง และนั่นหมายถึงมันเองก็เป็นมอนสเตอร์ป่าประเภทหนึ่งด้วยเช่นกัน
การที่ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์พวกนี้มีถิ่นที่อยู่เกี่ยวโยงกับนครศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ หากพลาดพลังฆ่าไปโดยไม่ตริตรองให้ดี มันจะมีปัญหาตามมาอีกมากมายเลย อีกอย่างหนึ่งฝูงยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะจัดการได้ง่าย ๆ นั่นเพราะพวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกันทั้งกลุ่ม แถมมันยังมีจ่าฝูงอีก หากเซียวเฟิงต้องการวัตถุดิบธาตุแสง เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะสู้กับมัน แต่เขาจะชนะมันได้หรือ? นี่ยังคงเป็นคำถามที่คาใจอยู่
หรือถ้าไม่ใช่วิธีนี้ มันก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่สามารถมอบพลังแห่งแสงปริมาณมากได้
สิ่งนี้จะเรียกว่ามอนสเตอร์ก็คงจะได้ไม่เต็มปากนัก เพราะมันคือ NPC โดยแก่นแท้ของ NPC นั้น ถูกอธิบายไว้ว่าเป็นมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างแบบมนุษย์ ดังนั้นถ้าหากฆ่า NPC ได้…ก็เป็นไปได้ว่ามันจะมีของดร็อปด้วย
และที่ที่มี NPC ธาตุแสงรวมกันอยู่มากที่สุด ก็คือวิหารแห่งแสง!
แต่ถ้าหากเขานึกคึกไปสู้กับ NPC ของวิหารแห่งแสงล่ะก็ ผลลัพธ์มันคงได้เละเทะกว่าสู้กับพวกฝูงยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์แน่ ๆ
นั่นคือเห็นผลว่าทำไมเซียวเฟิงถึงยังไม่ลงมือทำอะไรในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเป้าหมาย แต่เพราะว่าเป้าหมายของเขามันแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก!
“ท่านอาร์คบิชอป! ท่านอา…”
อาร์คบิชอปเรนัลด์ที่เข้ามาพอดี เมื่อเห็นเซียวเฟิงก็เตรียมจะทักทาย ทว่าเพราะเซียวเฟิงหันไปจ้องมองเขาด้วยแววตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ จึงทำให้อาร์คบิชอปเรนัลด์หนาวสั่นไปทั้งตัว เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นเซียวเฟิงก่อนจะรีบหันกลับและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เซียวเฟิงละสายตากลับมาแล้วส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ลูบหัวน้อย ๆ ของเสี่ยวไป๋แผ่วเบาก่อนจะจากไป
เขาคงจะไม่ลงมือกับ NPC รวมถึงยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นด้วยหากไม่สติแตก มันคือทางออกสุดท้ายจริง ๆ เพราะเสี่ยวเสวียก็เป็นเผ่าพันธุ์นั้นด้วย และในเมื่อมันเป็นทางออกสุดท้าย เขาก็จะพยายามไม่ก้าวไปหาทางนั้น ระหว่างนั้นจะพยายามคิดหาทางอื่นก่อน
ผู้คนในนครศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเทเลพอร์ตไปยังเมืองจักรพรรดิได้โดยตรง เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงทำได้แค่เทเลพอร์ตตนเองไปยังสาขาย่อยของวิหารแห่งแสงที่เมืองเทียนหลงก่อน จากนั้นค่อยไปใช้งานจุดเทเลพอร์ตของเมืองเทียนหลงแทน เพื่อจะไปยังเมืองจักรพรรดิอีกทีด้วยแท่นเทเลพอร์ตของเมืองเทียนหลง
ตอนนี้มีผู้เล่นหลักพันคนแล้วในเขตฮัวเซียที่สำเร็จภารกิจเปลี่ยนคลาสขั้นที่ 2 เพราะงั้นภายในเมืองจักรพรรดิจึงเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มเห็นผู้เล่นในถนนหนทางได้บ่อยยิ่งขึ้น ที่เมืองนี้เป้าหมายของเซียวเฟิงก็คืออารีน่า
เซียวเฟิงไม่สามารถหาประสบการณ์บางส่วนจากเกมได้ด้วยตนเองหากมีเขาที่สามารถเข้าอารีน่าได้เพียงคนเดียว เพราะงั้นจึงรอให้คนสำเร็จภารกิจเปลี่ยนคลาสกันเยอะ ๆ ก่อน ถึงค่อยมาตามหาคู่แข่งที่คู่ควร
** มาแล้วผู้อ่านจ๋าาา เปิดนิยายให้อ่านฟรี กว่า 700 ตอน **
คัดสรรนิยาย 4 เรื่อง 4 แนว สุดฮิตมาให้อ่านกันตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องรีบไปอ่านแล้ววว
ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย – 18 เม.ย. นี้
อ่านได้เลยที่ www.enjoybook.co
ติดตามผลงานและข่าวสารจากเราได้ที่ เพจ EnjoyBook