บทที่ 386

บทที่ 386

อู่กวนพุ่งเข้าในกองทัพเปิง และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็ได้เห็นเข้ากับรถม้าใหญ่ที่มีพวกเปิงคุ้มกันอยู่จำนวนมาก ซึ่งขนาดใหญ่ที่ว่า มันก็ใหญ่เสียจนเกือบจะเหมือนบ้านหลังเล็ก ๆ เลยทีเดียว อีกทั้งรถยังทำจากไม้หายากและมีมังกรกับหงส์อัคคีประดับอยู่ทุกมุม !

เมื่ออู่กวนเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นเข้ากับผงทองที่ถูกโรยเอาไว้อยู่ด้วย และแม้แต่ที่ปลายหลังคารถม้าก็ยังมีใบไม้สีทองห้อยอยู่ ส่วนตรงหน้ารถม้าก็มีม้าใหญ่ 8 ตัวที่สูงเท่ากันและมีขนสีเดียวกัน

มองจากภายนอกก็รู้ได้เลยว่าคนในรถต้องไม่ธรรมดาแน่ อู่กวนรู้ทันทีว่าคนที่อยู่ในรถเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากซ่งเทียน

ดวงตาของเขาลุกโชนขึ้นแล้วตะโกน “ใครที่ขวางข้าต้องตาย !” เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาแล้วจัดการพวกทหารด้วยคลื่นปราณจนเลือดสาดกระจายไปทั่ว

เมื่ออู่กวนมาถึงหน้ารถม้า แม่ทัพเปิงสองคนก็เข้ามา โดยคนแรกนั้นได้ใช้หอกแทงเข้าใส่อู่กวน ส่วนอีกคนหนึ่งก็ใช้ดาบฟันเข้าที่ลำคอ

ทว่าอู่กวนก็สามารถใช้ดาบปัดออกไปแล้วเอียงตัวหลบหอกที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน อีกทั้งเมื่ออีกฝ่ายดึงหอกกลับไป เขาก็ยังมีเวลามากพอที่จะฟาดดาบกวาดกลับไปอีกด้วย

“หา ?”

แม่ทัพเปิงตะลึง ด้วยไม่คิดว่าอู่กวนจะโจมตีสวนกลับมาเช่นนี้

ดาบของเขาฟันเข้าที่เอวของแม่ทัพเปิงจนอีกฝ่ายร่างขาดเป็นสองท่อน

ร่างท่อนบนร่วงลงมาจากม้า ในขณะที่ท่อนล่างยังคงอยู่ที่เดิม ส่วนเครื่องในก็ได้ไหลกองมาอยู่บนพื้น …เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่ทัพเปิงอีกคนเลือดขึ้นหน้า เขาเร่งปลดปล่อยพลังปราณออกมาใส่อู่กวน ซึ่งอู่กวนก็สามารถกระโดดหลบมันด้วยความรวดเร็ว

ทำให้กลายเป็นว่าดาบของแม่ทัพเปิงนายนั้นฟันเข้าที่ด้ามจับจนเกิดแรงสะท้อนที่มากเกินกว่าจะรับได้ ส่งผลให้แขนของเขาชาไปหมดและผิวที่นิ้วก็เริ่มแตกร้าวจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

อู่กวนที่ไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้จึงคว้าจังหวะนั้นไว้ ตะโกนลั่นแล้วแทงดาบสวนไปในพลัน

แม่ทัพเปิงที่ไม่สามารถป้องกันได้จึงได้แต่ใช้เกราะปราณเข้าต้านทานอย่างสิ้นหวัง

ดาบปราณของอู่กวนลอยข้ามท้องฟ้า เข้าทำลายเกราะและฟันเข้าที่ร่างกายของแม่ทัพเปิงจนทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะสิ้นใจลงไป

เพียงพริบตาเดียวอู่กวนก็ฟาดฟันแม่ทัพศัตรูด้วยความเร็วชนิดที่มองไม่ทัน

พวกเปิงที่เห็นแบบนี้ต่างก็หวาดกลัวถึงขีดสุด พวกเขารีบหลีกทางให้อู่กวนทันที

อู่กวนที่เห็นแบบนั้นจึงไม่รอช้า เร่งควบม้าวิ่งตรงไปยังรถม้าแล้วใช้ดาบฟันเข้าไปจนขาดครึ่ง ซึ่งเมื่อเข้าไปได้ เขาก็เห็นเข้ากับชายวัยสี่สิบหรือห้าสิบอยู่ข้างในนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว …พวกเขาสบตามองกัน

อู่กวนตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดที่ท่วมเสื้อเกราะไปหมด เหมือนกับปีศาจจากนรกไม่มีผิด ชายวัยกลางคนที่เห็นแบบนี้จึงหวาดกลัวจนขนหัวลุกและกรีดร้องไม่ออก

“เจ้าคือซ่งเทียน ?” อู่กวนไม่เคยเจอหน้าเป้าหมายมาก่อน รู้แค่ว่ามีผิวขาวและหนวดสีดำเหมือนกับคนที่อยู่ในรถไม่มีผิด

“เปล่า ข้าไม่ใช่…” ชายวัยกลางคนกำลังจะพูดแต่อู่กวนก็แทงดาบเข้าไปกลางหน้าอกทันที

“ออกมาเดี๋ยวนี้ !” เขาออกแรงแขนทั้งหมดดึงชายคนนั้นออกมาจากรถม้าจนอีกฝ่ายกระอักเลือดบนพื้นแล้วขาดใจตายทันที

อู่กวนหัวเราะออกมาดังก้อง โดยไม่ทันได้ดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร …แต่มันก็คล้ายซ่งเทียนเหลือเกิน ทว่าเขาก็ไม่คิดว่าทรราชจะถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ จึงยกดาบขึ้นแล้วฟันเข้าไปที่หัวของอีกฝ่ายให้หลุดออกมาแล้วมัดเก็บเอาไว้

เมื่อมัดหัวเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงม้ากำลังวิ่งเข้ามา จึงหันไปเห็นเข้ากับศัตรูที่กำลังตรงเข้ามา และเมื่อเห็นดังนั้น อู่กวนก็พลันรีบกลิ้งไปตามพื้นทันที

เมื่อเขาวิ่งไป ก็พบว่ามีหนามปราณพุ่งไล่ตามมาติด ๆ จากทางด้านหลัง ก่อนที่มันจะหยุดลงเมื่อเจอเข้ากับม้าที่ขวางไว้ และจบลงด้วยร่างของเจ้าสัตว์สี่ขาที่พรุนไปทั่วทั้งตัว

อู่กวนที่กำลังนอนอยู่บนพื้นเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน เขาตะลึงจนเหงื่อไหล ด้วยว่าใครกันที่ทำเช่นนี้ !!

ชายคนที่มานั้นใส่เกราะสีฟ้าแล้วมีหอกสุดประหลาดในมือ เขามองลงมาจากบนหลังม้าด้วยสายตาเย็นชาไปยังอู่กวน ทำให้อู่กวนเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจควบคุม และร้องถามออกไป “บอกชื่อของเจ้ามา !”

“ซ่งอู๋ !”

หลังประกาศชื่อไปแล้วเขาก็พุ่งเข้าไปหาอู่กวนพร้อมกับแทงหอกเข้าใส่อีกฝ่ายที่กำลังนอนอยู่บนพื้น

ที่แท้ก็ซ่งอู๋ ลูกชายคนโตของซ่งเทียน ! อู่กวนหัวเราะออกมาแล้วเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วหลบการโจมตีจากอีกฝ่าย “ที่แท้เจ้าก็คือลูกชายของซ่งเทียน ตอนนี้บิดาเจ้าตายไปแล้ว แถมน้องชายเจ้าก็ด้วย วันนี้แหละข้าจะเด็ดหัวเจ้าให้ได้ไปพบกันในนรก !”

“ไร้สาระ !” ซ่งอู๋ระเบิดความโกรธออกมา ก่อนที่หอกของเขาจะเปล่งแสงปลดปล่อยหนามจำนวนมากมายรวมกันเป็นตาข่ายพุ่งเข้าใส่อู่กวน

ถึงแม้ว่าอู่กวนจะใจเย็นในตอนนี้ แต่เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะทั้ง ๆ ที่ซ่งเทียนเป็นพ่อของซ่งอู๋แท้ ๆ แต่ซ่งอู๋กลับไม่รู้สึกเศร้าเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยว่าอีกฝ่ายบ้าคลั่งและทรงพลังเกินไป อู่กวนจึงไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ เพื่อคิดทบทวนได้เลย

เขาสามารถเดาระดับพลังได้จากสีของหนามปราณที่เกิดขึ้น ยิ่งแดงเท่าไหร่ก็ยิ่งเก่งกาจมากเท่านั้น หนามของซ่งอู๋มีสีแดงเข้มมากจนทำให้เดาได้เลยว่าอีกฝ่ายเก่งกว่าตนแน่

มันยากมากที่จะหลบวิชานี้ในระยะประชิด อู่กวนจึงใช้พลังทั้งหมดที่มีตะโกนออกมา “เข้ามาเลย !” พร้อมกับแทงคมดาบออกไป

ฟุ่บ !

มีพายุดาบปราณมากมายรวมกันเป็นลมพายุหมุนขนาดใหญ่ฟาดฟันลมจนขาดสะบั้น

ในตอนนี้ทั้งพื้นดินและท้องฟ้าต่างก็สั่นสะเทือน ทั้งสองวิชาเข้าปะทะกันจนเกิดคลื่นพลังปราณกระจายออกมาทำให้พวกทหารที่อยู่รอบ ๆ กระเด็นออกไปไกลเช่นเดียวกับพวกหินดินทรายต่าง ๆ

ราวกับว่าเวลาผ่านไปหลายปีก่อนที่พลังทั้งสองจะสงบลงได้ พวกเปิงต่างก็มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตะลึง

อู่กวนยืนอยู่บนพื้นไม่ขยับไปไหน แต่ร่างของเขาถอยกลับมาจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อยและมีรูมากมายบนลำตัวของเขา

ส่วนซ่งอู๋ก็ร่วงลงจากหลังม้ามาอยู่บนพื้น ส่วนเกราะปราณบนหัวก็แตกกระจายกับมีรูบนลูกตาทั้งสองข้าง และเกราะลำตัวเองก็ถูกตัดเป็นเสี่ยง ๆ จนเลือดไหลออกมามากมาย

ทั้งสองใช้พลังขั้นสูงสุดเข้าห้ำหั่นกันอย่างสุดใจและได้รับบาดเจ็บหนักทั้งคู่

อู่กวนกัดฟันกดความเจ็บปวดเอาไว้แล้วมองไปยังซ่งอู๋ที่พยักหน้ากลับมา ดูเหมือนว่าซ่งอู๋จะเก่งกาจสมคำร่ำลือไม่ว่าจะเป็นด้านทักษะการต่อสู้ไปจนถึงพลังปราณ

เขาเงยหน้าขึ้นมามองซ่งอู๋แล้วชี้ดาบไป “เข้ามาอีก !”