พูดจบ จางหงถูก็เริ่มลงมือทุบตีฟางหยวน
เย่เซิ่งเทียนยืนขวางอยู่ข้างหน้าและพูดเรียบๆว่า “เรื่องนี้ครูฟางไม่ได้ทำผิด คุณสามารถไปถามคนอื่นๆได้ เป็นฉางเฟิงนั่นที่ก้าวร้าวบีบบังคับผู้อื่นก่อน อีกทั้งยังบังคับให้ครูฟางคุกเข่าลง ฉันทนมองไม่ไหวก็เลยลงมือ”
“แล้วยังไงกัน? หรือว่าประธานฉางอารมณ์เสียถือเป็นเรื่องผิด? ต่อให้ประธานฉางตีเธอ อย่างนั้นก็ถือว่าถูกต้องเช่นกัน”
จางหงถูเยาะเย้ย “แม้แต่นายก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ยังจะคิดมาจัดการเรื่องเธออีก? พาลูกของนายไสหัวไปซะ เดี๋ยวก็มีคนมาจัดการนายเอง หยวนฟาง วันนี้ฉันจะต้องจัดการเธอซะ ไม่งั้นฉันคงไม่มีคำอธิบายให้ประธานฉาง”
ฟางหยวนตกใจจนซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเย่เซิ่งเทียน “ผอ. ฉัน ฉันยินดีที่จะลาออก ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ คุณอย่าส่งฉันให้ฉางเฟิง ได้โปรด”
“ในเมื่อตอนนี้เธอรู้แผนของฉันแล้ว ก็อย่าโทษว่าฉันไร้ความปรานี คนที่เธอไปทำให้ขุ่นเคืองคือประธานฉาง เขาเป็นพ่อนายทุนของโรงเรียนอนุบาลเรา ยังมีอีก ประธานฉางเป็นใครกัน เธอเองก็รู้ดี เขาเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายบริหารของบริษัทตระกูลหนานกง เธอไปทำให้ขุ่นเคืองไหวหรือไง?”
จางหงถูสูดลมหายใจเข้าลึกและมองไปที่เย่เซิ่งเทียน “สำหรับนาย ไปขอพรเอาแล้วกัน”
เย่เซิ่งเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “ความเสียหายของนาย ฉันสามารถชดใช้แทนครูฟางได้ ฉางเฟิงลงทุนเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้สองเท่า แต่นายต้องขอโทษครูฟาง”
“อาศัยนาย?”
เมื่อได้ยินดังนั้น จางหงถูก็โกรธจนแทบบ้าแล้ว
เขามองเย่เซิ่งเทียนขึ้นลงอย่างประเมิน “นายที่แต่งตัวอย่างกับยาจกแบบนี้ ยังคิดจะมาลงทุน? ตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด ยังคิดจะมายุ่งเรื่องเธออีก?”
ฟางหยวนพูดอย่างขมขื่น “คุณไปเถอะค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องฉัน คุณช่วยฉันพูด แค่นี้ฉันก็ซาบซึ้งแล้ว”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”
เย่เซิ่งเทียนจ้องไปที่เขาและพูดว่า “ฉันแค่ถามนายว่า ตกลง หรือว่าไม่ตกลง”
เมื่อถูกจ้องมองจากเย่เซิ่งเทียน หัวใจของจางหงถูก็เต้นเร็วขึ้นในทันใดด้วยความหวาดกลัวที่อธิบายไม่ได้
เดิมทีเขายังคิดจะพูดประชดประชันอีกสักหน่อย แต่จิตใต้สำนึกกลับไม่กล้าแล้วและเอ่ยออกไป “ตกลง ประธานฉางจะลงทุนให้เรา30ล้าน นายบอกว่าจะชดใช้สองเท่า อย่างนั้นก็60ล้าน เงินล่ะ? นายเอาเงินออกมาตอนนี้ แล้วฉันจะขอโทษเธอ”
เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจเขาและกดโทรศัพท์ออกไป “โอนเงิน 60 ล้านไปยังบัญชีของโรงเรียนอนุบาลซิงกวาง”
เมื่อได้ยินดังนั้น จางหงถูก็พูดอย่างประชดประชัน “นี่นายยังจะแกล้งทำอวดเบ่งให้ใครดูอีก? นายมีหกสิบล้านแล้วจะยังใส่ผ้าขี้ริ้วแบบนี้อีกหรือไง? คนที่มีทรัพย์สินมากกว่า 50 ล้านในเมืองเฉียนถังไม่มีใครที่ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันกลับไม่เคยได้ยินเรื่องคนอย่างนายมาก่อน”
จางหงถูไม่เชื่อเลยสักนิดว่า คนหนุ่มตรงหน้าเขาจะมีเงินลงทุนหกสิบล้านหยวน
นั่นเพราะ หากเป็นคนที่เด็กและรวยมากขนาดนั้น ก็ย่อมต้องเป็นพวกลูกเศรษฐี
แต่ลูกเศรษฐีในเมืองเฉียนถัง ไม่มีใครที่เขาไม่รู้จัก
คนไม่เคยรู้ว่าก่อนมีคนแบบนี้อยู่
ดังนั้น จางหงถูจึงมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเย่เซิ่งเทียนแค่แกล้งทำเป็นอวดเบ่ง
“คนหนุ่มที่ชอบอวดเบ่งแบบนาย ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ก็แค่อยากนอนกับฟางหยวนไม่ใช่หรือไง? อีกเดี๋ยวถ้าเงินลงทุนไม่ถูกโอนมา นายจะต้องบอกว่า เงินจำนวนมากเกินไป โอนไม่ได้กะทันหัน พรุ่งนี้ค่อยโอนมา”
จางหงถูยิ้มอย่างดูถูกราวกับว่าเขารู้แผนการทั้งหมดในใจของเย่เซิ่งเทียน
“ฟางหยวน เธอฟังฉันแต่โดยดีจะดีกว่า ไปอยู่เป็นเพื่อนประธานฉางซะ แล้วเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีก”
ทันทีที่เขาพูดจบ ฝ่ายการเงินก็เข้ามาอย่างรีบเร่งและพูดว่า “ผอ. จู่ๆบัญชีของเราก็มีเงินเข้ามาหกสิบล้าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ผมไม่เคยได้ยินเรื่องการลงทุนอื่นมาก่อนเลย”
“หือ เป็นประธานฉาง…หือ 60ล้าน? นายพูดว่า 60ล้าน?
จางหงถูตกตะลึงและคิดว่าตนได้ยินผิดไป