ชุนหงนึกถึงหญิงสาวก่อนหน้านี้ เดิมทีปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายพระชายาอย่างดี จู่ๆ ก็หายไป นางตื่นตระหนกและก้มศีรษะลงกับพื้น “ข้าน้อยจำได้แล้ว พระชายาไม่ต้องกังวลเพคะ ข้าน้อยจะพูดอย่างละเอียดชัดเจนเลยเพคะ”
จวินฉูฉู่จึงหลับตาลงและพักผ่อน
เมื่อกลับมาถึงจวนท่านอ๋องตวน ท่านอ๋องตวนยังไม่กลับมา จวินฉูฉู่ลงจากรถม้าและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
หนานกงเยี่ยน ท่านมีคนรักใหม่ก็ลืมคนรักเก่าแล้วหรือ?
วันนี้หนานกงเยี่ยนได้รับคำสั่งจากพระมเหสีหวาให้ส่งอวิ๋นหลัวฉวนกลับจวนฉีกั๋วกง และขณะนี้หนานกงเยี่ยนกำลังอยู่ที่จวนฉีกั๋วกง
ฉีกั๋วกงไม่ได้ต้องการลูกเขยอย่างท่านอ๋องตวนเท่าไรนัก และก็ไม่ได้มาพบเขา
แต่ในเมื่อท่านอ๋องตวนเป็นถึงเครือราชวงศ์ ฉีกั๋วกงสามารถไม่มาเจอหน้าได้ แต่คนในจวนฉีกั๋วกงทั้งหมดก็ต้องให้เกียรติเขาบ้าง โดยมีการต้อนรับเล็กน้อยตามพิธี แต่ทัศนคติของคนในจวนฉีกั๋วกงต่างก็เหมือนกับฉีกั๋วกงเอง โดยแสดงการต้อนรับหนานกงเยี่ยนในฐานะท่านอ๋องตวนตามพิธีเท่านั้น
ฮูหยินใหญ่สั่งให้อวิ๋นหลัวฉวนพาท่านอ๋องตวนเดินเที่ยวชมสวนภายในจวนฉีกั๋วกง จากนั้นจึงปลีกตัวออกไป
บรรดาหญิงสาวคนอื่นต่างก็รู้สึกผิดหวังกับท่านอ๋องตวน โดยกล่าวว่าเป็นคนที่เกรงกลัว และไม่แยกแยะความผิดชอบชั่วดี จึงไม่เข้ามาปรนนิบัติรับใช้ มาเพียงต้อนรับและแยกย้ายกันกลับออกไป
หนานกงเยี่ยนก็พอจะดูออก คนในจวนฉีกั๋วกงต่างก็ไม่ต้อนรับเขาสักเท่าไร
“ข้าล้มเหลวเช่นนั้นเลยหรือ?” หนานกงเยี่ยนเดินไปที่หน้าสระบัวที่ไม่มีผู้คน เขามองดูแอ่งน้ำพุ
เขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนตั้งแต่ตอนเด็ก ถึงแม้จะไม่ฉลาดเท่าท่านอ๋องเย่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่เขลาขนาดนั้น
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ฉลาดที่สุดในเมืองหลวงนี้ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้
อวิ๋นหลัวฉวนมองมาที่หนานกงเยี่ยนที่มีสีหน้าผิดหวังและก็ไม่กล้าจะซ้ำเติมเขา “ตระกูลของข้าเป็นตระกูลนักวิทยายุทธ วันปกติมักไม่เหมือนกับครอบครัวอื่นที่นั่งพูดคุยเสียงดัง ดังนั้นท่านไม่ต้องคิดมาก ท่านก็คิดเสียว่ามาเดินเล่นในตลาด คนพวกนั้นกับท่านก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน ฉะนั้นจึงไม่ต้องคิดมากหรอกเพคะ”
หนานกงเยี่ยนหันหลังกลับไปหาหญิงสาวอ้วนท้วมคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าไร้ประโยชน์หรือไม่?”
“ไม่ถึงขั้นนั้นเพคะ” อวิ๋นหลัวฉวนตอบอย่างถนอมน้ำใจ นางเกือบพยักหน้าบอกว่าใช่เสียใจ
หนานกงเยี่ยนส่ายหน้า “ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ เมื่อดูลายมือของข้าก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่แปลกเลยที่วันก่อนข้าแพ้ให้กับท่านแม่ทัพฉี”
“ท่านแม่ทัพฉีฝีมือเก่งกาจเช่นนั้น แน่นอนที่จะแพ้ให้กับเขา หม่อมฉันก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ฝีมือของท่านก็ไม่ธรรมดา ท่านและข้าดูเหมือนจะฝีมือเสมอกัน หากท่านได้ประลองฝีมือกับพี่ชายและพี่สาวของหม่อมฉัน คงเป็นแค่ผู้ที่ถูกกระทำเพคะ” อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
หนานกงเยี่ยนขมวดคิ้ว “นอกจากจักรพรรดิแล้ว ใครกล้าที่จะทำร้ายข้า?”
เช่นนั้นก็ไม่แน่หรอกเพคะ ได้รับความคุ้มครองจากจักรพรรดิแล้วพูดเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีฝีมืออะไรหรอกเพคะ
ปู่ของหม่อมฉันบอกกับหม่อมฉันว่า จักรพรรดิที่ดูเหมือนว่าอยู่สูงเสียดฟ้านั้น อันที่จริงกลับอันตรายที่สุด
จักรพรรดิยืนอยู่ตรงนั้น ผู้คนจำนวนมหาศาลต่างเห็นพระองค์ ลงมือกระทำก็ง่าย ฉะนั้นพวกเราจึงต้องขยันฝึกซ้อมวิทยายุทธ เพื่อปกป้องจักรพรรดิและรับใช้อาณาจักร”
หนานกงเยี่ยนมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น และจู่ๆ ก็เข้าใจสิ่งหนึ่งได้
ทำไมฉีกั๋งกงจึงสามารถมีเกียรติศักดิ์อย่างมากในอาณาจักรต้าเหลี่ยง
ความจริงใจที่เขามีต่อจักรพรรดิและอาณาจักรต้าเหลียง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สามารถเป็นพยานให้ได้
เมื่อออกมาจากจวนฉีกั๋วกง หนานกงเยี่ยนก็ขึ้นรถม้าและเหลือบมองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้ารถม้า และยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ารู้สึกเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้รังเกียจข้าเท่าไรแล้ว”
เดิมที่อวิ๋นหลัวฉวนนั้นอารมณ์ดีมาก แต่เมื่อได้ยินที่หนานกงเยี่ยนกล่าวก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
“ท่านไม่รังเกียจ!” อวิ๋นหลัวฉวนหันหลังและกลับเข้าไป
หนานกงเยี่ยนกลับเข้าไปในรถม้า ก็ยังเป็นเด็ก นางยังไม่เข้าใจอะไรดี
เมื่อพักผ่อนอย่างดีแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวที่จะกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพอีกครั้ง ช่วงนี้ไม่ได้ข่าวของท่านพ่อเลย ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกใจคอไม่ดีนัก
หนานกงเย่ต้องเข้าเฝ้าช่วงเช้าทุกวัน หลายวันมานี้ออกจากจวนไปตั้งแต่เช้าตรู่และกลับเข้ามาดึกดื่น เขาเหนื่อยมากแล้วกับปัญหาเรื่องเขื่อนตู้ฟางจุน ดึกดื่นกลับเข้ามาในจวนยังต้องทรมานร่างกายของเธอ ต่อให้หนานกงเย่กินนอนได้อย่างสบายตามปกติ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกเป็นห่วงเขา
เมื่อออกมาจากจวนท่านอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ยินผู้คนบนท้องถนนพูดกันว่า ท่านอ๋องตวนไปจวนฉีกั๋วกงเพื่อพูดเรื่องการสู่ขอด้วยตัวเอง และเรื่องการสู่ขอได้รับอนุญาติจากพระมเหสีหวาและจักรพรรดิแล้ว ในอีกไม่ช้าจวนท่านอ๋องตวนจะได้ทำพิธีต้อนรับพระชายารองของท่านอ๋องตวนแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเดินบนท้องถนน เดินไปพลางและฟังผู้คนบนท้องถนนต่างพากันชื่นชมความสวยงามของจวินฉูฉู่ เธอเยาะเย้ยอย่างไม่ใส่ใจ
อาอวี่ขมวดคิ้วและหันไปทางฉีเฟยอวิ๋น รวมไปถึงหงเถาและลี่ว์หลิ่วต่างก็หันไปมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างระมัดระวัง
พระชายากำลังอิจฉาที่จวนท่านอ๋องตวนจะมีพระชายารองที่มีคุณธรรมเข้าไปอยู่ หรือว่าอิจฉาว่าพระชายารองมีชื่อเสียงมากกว่าเธอ
เพราะอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในเมืองหลวงต่างกำลังพูดถึง ที่ท่านอ๋องเย่ไม่แต่งตั้งพระชายารอง ก็เพราะพระชายาเย่มีปัญหา รวมไปถึงการปกป้องจากจักรพรรดิและท่านแม่ทัพฉี เธอจึงไม่อนุญาตให้ท่านอ๋องเย่แต่งตั้งพระชายารอง
“พระชายาเป็นอะไรหรือเพคะ?” ลี่ว์หลิ่วรวบรวมความกล้าของนางและกล่าวถาม เมื่อมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นที่ไม่พูดอะไร เธอเพียงแค่กำลังจ้องมองผู้คนที่ชื่นชมด้วยสายตาดูถูก
พระชายากล่าวอย่างเรียบเฉย “ถึงแม้ว่าพระชายาท่านอ๋องตวนจะไม่ค่อยเท่าไร แต่บางครั้งข้าก็รู้สึกสงสารนาง นางก็ไปเป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว แต่กลับให้สามีไปมีพระชายารองได้ ผู้หญิงใจกว้างได้ถึงเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าไม่รักสามี เช่นนั้นก็คงเป็นแค่แมลงที่น่าสงสาร”
ลี่ว์หลิ่วและคนอื่นต่างพูดไม่ออก หรือว่าแต่งตั้งพระชายารองให้กับสามีไม่ได้เป็นเรื่องที่พระชายาเอกควรทำหรือ
“พระชายา เมื่อมีพระชายารองก็สามารถแบ่งเบาเรื่องในจวนได้นะเพคะ สองคนช่วยกันดูแลท่านอ๋อง เช่นนั้นพระชายาเองก็จะสบายขึ้นนะเพคะ” ลี่ว์หลิ่วกล่าวเป็นขั้นเป็นตอน
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว “บอกว่ารักไม่มีวันเปลี่ยน ข้ารักเจ้า แต่ก็เทียบไม่ได้กับหลักธรรมคำสอน? ความที่ท่านอ๋องตวนมีต่อพระชายาตวนเช่นนั้น เก็บอยู่ในปากเกรงว่าจะละลายหายไป แต่สุดท้ายกลับไปสู่ขอผู้หญิงคนอื่น ข้าอยากจะขุดหัวใจของท่านอ๋องตวนออกมาดูเสียหน่อยว่าข้างในเป็นสีดำหรือว่าสีแดง”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเพคะพระชายา” ลี่ว์หลิ่วรีบกล่าว
อาอวี่กล่าวว่า “พระชายาก็แค่พูดเท่านั้นเอง”
“อ้อ” ลี่ว์หลิ่วคิดว่าพูดจริง เหลือบมองไปที่หงเถาที่มีสีหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปสักพักหนึ่ง เงยหน้าและเห็นใครคนหนึ่ง
ท่านอ๋องตวน?
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดดูท่านอ๋องตวน และเห็นว่าอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสิบก้าว เรื่องที่พูดเมื่อสักครู่คาดว่าคงได้ยินหมดแล้ว
ในเวลานี้ท่านอ๋องตวนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมแบบหนาสีฟ้า อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและเขาแต่งตัวสบายๆ เขาดูสดชื่นขึ้นมาก ตัวเขาเองยังหนุ่มและหล่อเหลา เมื่ออยู่ตรงข้ามรู้สึกดีเป็นพิเศษ
พวกผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองดู คาดว่าไม่น่าจะมีคนจำนวนมากเคยเห็นท่านอ๋องทั้งสองแห่งอาณาจักรต้าเหลียง ดังนั้นผู้หญิงเหล่านี้คงดูไม่ออกว่าเป็นท่านอ๋องตวน
ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงและโค้งคำนับ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”
เดิมทีท่านอ๋องตวนต้องการแสดงอาการโกรธ แต่เมื่อได้ยินฉีเฟยอวิ๋นเรียกเขาเสด็จพี่ ความโกรธนั้นจึงหายไป
เขาไม่ได้ขยับไปไหนและมองมาที่ฉีเฟยอวิ๋น “หากข้าว่าอะไรเจ้าไป เจ้าคงไปบอกกับจักรพรรดิ น้องสามก็จะไม่พอใจ”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม “ท่านพี่พูดถูกเพคะ”
บริเวณโดยรอบมีผู้คนมากมาย ฉีเฟยอวิ๋นแต่งกายออกมาด้วยชุดธรรมดา เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้สถานะของเธอ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่เรียกว่าท่านพี่
ท่านอ๋องตวนมองฉีเฟยอวิ๋นอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ค้นพบว่าฉีเฟยอวิ๋นในตอนนี้กับฉีเฟยอวิ๋นที่เคยรู้จักมีบางอย่างแตกต่างกัน จึงได้จ้องมองอย่างละเอียด
“บางทีข้าก็ไม่ค่อยชอบเจ้านัก แต่ก็เป็นเพราะเจ้าหาเรื่องใส่ตัว”
วันนี้ท่านอ๋องตวนอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก หันกลับและเดินไปทางจวนท่านแม่ทัพ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตกใจมาก เดิมทีแค่ต้องการทักทายแล้วแยกย้าย เพราะได้พูดถึงเขาในทางไม่ดี
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน บนท้องถนนมีคนมากมาย มาหาเรื่องข้าก็เท่ากับขยับหินใส่เท้าตัวเอง ข้าเป็นลิงพันปี เขาจะทะเลาะกับข้าก็เท่ากับหาเหาใส่หัว”
หงเถาทำสีหน้าแปลกประหลาด “พระชายาเพคะ ลิงพันปีหมายความเช่นไรเพคะ?”
“ก็คือฉลาดและซุกซน” ฉลาดๆ ไง
หงเถาหัวเราะและเดินตามไป
เดิมทีหนานกงเยี่ยนไม่ต้องการใส่ใจกับฉีเฟยอวิ๋นเท่าไรนัก แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉีเฟยอวิ๋นพูดก็ยิ่งรู้สึกโกรธ เขาเป็นผู้ฝึกซ้อมวิทยายุทธ ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เมตร ถ้าเขาต้องการแยกแยะ เขาจะแยกแยะได้อย่างแน่นอน
ฉีเฟยอวิ๋นพูดไปเช่นนั้น ทำให้หนานกงเยี่ยนเดินกลับมาอีกครั้ง
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว นี่คงจะกลับไปแล้วกระมัง
แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้ฉีเฟยอวิ๋น เธอรู้สึกไม่ค่อยปกตินัก ทำไมดูเหมือนว่าหนานกงเยี่ยนกำลังเดินมาหาเธอ
“ท่านพี่มีอะไรหรือเจ้าคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นถามไถ่
หนานกงเยี่ยนกล่าวว่า “เจ้าเป็นลิงพันปี เช่นนั้นข้าก็เป็นบรรพบุรุษของภูเขาหลิงซาน แค่เพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถทำให้เจ้าลงไปอยู่ภายใต้ภูเขา”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ หรือว่าที่นี่ก็มีไซอิ๋วด้วยหรือ?
หนานกงเยี่ยนหันกลับและเดินไปข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋น รู้สึกไม่มีความสุขนัก ก็คือรู้สึกไม่สบายใจนัก แม้แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็รับรู้ได้
“พวกเจ้าทั้งหมดเดินไปเดินหน้าก่อน ห้ามเข้ามาใกล้เกินไป ข้ามีเรื่องกับพูดกับนาง” หนานกงเยี่ยนพูดเช่นนั้น แต่ไม่มีใครสนใจเขา
ฉีเฟยอวิ๋นจึงโบกมือขึ้น “ไปเถอะ”
อาอวี่จึงถอยหลังออกไปสิบกว่าเมตร หงเถาและลี่ว์หลิ่วต่างก็ถอยตามไป
ท้องถนนมีผู้คนมากมาย ึคงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งสามจึงออกไป
“พี่อาอวี่ เจ้าคิดว่าเรื่องอะไรหรือ?”
ลี่ว์หลิ่วถาม อาอวี่ส่ายหน้าไม่รู้ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น
หงเถากล่าว “คงแค่หาคนพูดคุย จะมีใครที่เหมือนกับพระชายาแบบนั้น ที่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาต้องการฟังพระชายาดุว่าเขา”
อาอวี่มองไปที่หงเถา ผู้หญิงคนนี้ช่างเข้าใจ
“อาอวี่ ทำไมเจ้ามองหงเถาแต่ไม่มองข้า?” ลี่ว์หลิ่วโมโห
“ข้าไม่ได้มอง” อาอวี่อธิบาย
หงเถาไม่สนใจพวกเขา มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและท่านอ๋องตวน หากเกิดอะไรขึ้นนางสามารถเข้าไปได้
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังเดินเตร็ดเตร่ไม่เร่งรีบอยู่ในขณะนี้ ท่านอ๋องตวนถาม “เจ้าต้องการขุดหัวใจของข้า”
“ก็แค่พลั้งปากพูดไปเท่านั้น ท่านอ๋องอย่าคิดมากเลยเพคะ บางครั้งข้าก็ต้องการขุดหัวใจของท่านอ๋องเย่ ตอนนี้เขาก็ยังอยู่สุขสบายดี”
“เจ้าเป็นผู้หญิง ไม่ตั้งใจเชื่อฟังคำสั่งของสามีอยู่ที่เรือน แต่กลับอยากขุดหัวใจ?”
“ผู้ชายมีภรรยาสามคนสี่คนก็ได้ ผู้หญิงแค่ต้องการขุดหัวใจจะเป็นไรหรือเพคะ? หม่อมฉันแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ก็ต้องเป็นของหม่อมฉัน ทำไมต้องให้คนอื่นด้วยเพคะ? ท่านอ๋องเย่บอกว่าเขาเป็นท่านอ๋องเย่ ต้องแต่งตั้งพระชายารอง ต่อให้ตอนนี้ไม่แต่งตั้ง ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งตั้งสักวัน
หม่อมฉันฟังแล้วโมโหจึงอยากจะขุดหัวใจออกมาดู
เขากลัวจึงไม่กล้าแต่งตั้งพระชายารองแล้วเพคะ”