บทที่ 138 พูดคุยกันที่จวนแม่ทัพ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปถึงจวนแม่ทัพอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และอ๋องตวนก็อยู่ข้าง ๆ ฉีเฟยอวิ๋นจึงรู้สึกใจคอห่อเหี่ยว

ควรจะเชิญหนานกงเหยี่ยนเข้าไปหรือไม่ควรเชิญ ?

“ท่านอ๋องตวน” ฉีเฟยอวิ๋นหยุดชะงัก

หนานกงเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นและเหลือบมอง เขาไม่รู้ว่ามาถึงจวนแม่ทัพแล้ว

“ขอบพระทัยท่านอ๋องตวนที่ทรงมาส่งหม่อมฉันเพคะ ถ้าหากท่านอ๋องตวนทรงไม่มีธุระแล้วก็สามารถเข้าไปนั่งได้นะเพคะ หม่อมฉันเชื่อว่าท่านพ่อคงต้องดีใจมากเป็นแน่” ฉีเฟยอวิ๋นจงใจกล่าวถึงแม่ทัพฉี เพียงเพราะต้องการให้หนานกงเหยี่ยนจากไป

แต่หนานกงเหยี่ยนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และก้าวเข้าไปในจวนแม่ทัพ

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจ ที่แท้คนผู้นี้ก็มองมีปัญหา นางเพียงกล่าวตามมารยาท แต่เขาก็ไม่เข้าใจ

มีคนออกมาจากจวนแม่ทัพ และประหลาดใจที่ได้เห็นหนานกงเหยี่ยน คนผู้นี้เข้ามาได้อย่างไร เป็นใครกัน ?

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพ่อบ้านเดินออกมาก็คงจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

พ่อบ้านรู้จักหนานกงเหยี่ยน และเมื่อเห็นหนานกงเหยี่ยน เขาก็เดินไปข้างหน้าและคำนับในทันที

ไม่ว่าแม่ทัพฉีกับอ๋องตวนจะมีเรื่องหมางใจอะไรกัน แต่นั่นก็เป็นเรื่องของแม่ทัพฉีกับอ๋องตวน พวกเขามีหน้าที่ทำในสิ่งที่คนรับใช้ควรทำ

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านอ๋องตวนทรงเสด็จมาเยือนจวนแม่ทัพ ท่านอ๋องตวนเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปรายงานท่านอ๋อง”

พ่อบ้านเตรียมจะรายงานแม่ทัพฉี และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้ามา เขารู้สึกประหลาดใจ

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“ข้าพบกับท่านอ๋องตวนระหว่างทางกลับ พระองค์ทรงกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับข้า จึงมาส่งข้ากลับมา ไปเชิญท่านพ่อมาพูดคุยกันที่ห้องโถงด้านหน้า และบอกว่าท่านอ๋องตวนมาแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่คุณหนูพูดถูก

ฉีเฟยอวิ๋นเดินข้างหน้าอ๋องตวน และเชิญอ๋องตวนไปที่ห้องโถงด้านหน้า

นี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงเหยี่ยนมาจวนแม่ทัพ ก่อนหน้านี้เวลาผ่านไปมาก็เพียงแค่มอง จวนแม่ทัพใหญ่โตพอสมควร

แม่ทัพฉีเคยช่วยชีวิตจักรพรรดิอวี้ตี้ไว้หลายครั้ง ในขณะนั้นทั้งสองเป็นสหายกัน แม่ทัพฉีปกป้องจักรพรรดิอวี้ตี้อย่างไม่คิดชีวิต และทำให้จักรพรรดิอวี้ตี้มีชีวิตรอดมาได้

แม่ทัพฉีออกรบทั้งเหนือใต้ เพื่อที่จะปกป้องต้าเหลียง และสนับสนุนจักรพรรดิอวี้ตี้ เขาได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง และมีครั้งหนึ่งที่เกือบจะตายในสนามรบ

จักรพรรดิอวี้ตี้ปฏิบัติต่อแม่ทัพฉีเป็นอย่างดี ผู้คนทั้งต้าเหลียงต่างรู้ดี

สิงโตตัวใหญ่สองตัวที่หน้าจวนแม่ทัพ เดิมทีเป็นสิงโตตัวใหญ่ที่อยู่สองข้างของประตูวัง เพียงแค่แม่ทัพฉีกล่าวว่าชอบมันมาก วันต่อมามันก็ถูกส่งมาให้เขา

ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน

แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่งดงามเท่าจวนอ๋องตวน แต่ก็เป็นจวนที่มีความโอ่อ่าที่สุดเท่าที่หนานกงเหยี่ยนเคยเห็นมา

หลังจากที่เข้ามาในจวนแม่ทัพแล้ว หนานกงเหยี่ยนก็รู้สึกชื่นชอบมากยิ่งขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามไปข้าง ๆ หนานกงเหยี่ยนด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว

ระหว่างอ๋องตวนกับนางแม้ว่าจะไม่ใช่ศัตรู แต่ก็มีความคับข้องใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นท่าทีที่สบายอกสบายใจของอ๋องตวน นางก็จำมันไม่ได้แล้ว

เมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้า ฉีเฟยอวิ๋นก็เชิญให้หนานกงเหยี่ยนนั่งลง และคนรับใช้ก็ถวายน้ำชา ฉีเฟยอวิ๋นนั่งดื่มชาอย่างช้า ๆ อยู่ตรงนั้น ในเวลานี้หนานกงเหยี่ยนก็ตระหนักได้ว่าถึงแม้ฉีเฟยอวิ๋นจะไม่ได้รู้จักกฎระเบียบดีเท่ากับจวินฉูฉู่ แต่การยกน้ำชาขึ้นดื่มและการนั่งของนางนั้นถูกวิธี

หลังจากที่เป่าเบา ๆ แล้วก็จิบชา ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้าลงและเริ่มคิดเรื่องต่าง ๆ

ดวงตาสีเข้มของนางเป็นประกาย และจ้องไปที่ถ้วยน้ำชาในมืออย่างเหม่อลอย ราวกับว่านางเผลอหลับไปแล้ว

เมื่อแม่ทัพฉีมาถึง ห้องโถงด้านหน้าก็เงียบอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ทัพฉี เมื่อเขาเห็นสายตาของหนานกงเหยี่ยนที่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล

มองอวิ๋นอวิ๋นของบ้านเขาเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี

แม่ทัพฉีเหลือบมองไปที่พ่อบ้าน และบอกใบ้ให้ไปหาหนานกงเย่

พ่อบ้านพยักหน้าและรีบหันหลังเดินออกไป

พ่อบ้านส่งคนไปที่จวนอ๋องเย่ และหันหลังกลับไปกำชับว่าถ้าอ๋องเย่มาแล้ว ให้เขาไปที่ห้องโถงด้านหน้า

แม่ทัพฉีส่งเสียงไอ ฉีเฟยอวิ๋นมือสั่นจนถ้วยชาในมือของนางเกือบจะตกลงมา แม้ว่าถ้วยชาจะไม่ได้ตกลงมา แต่ก็ลวกมือของฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นรีบวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ นางเอามือมาวางไว้ที่ปากแล้วเลียสองครั้ง

หนานกงเหยี่ยนที่กำลังมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น แล้วแม่ทัพฉีก็เดินผ่านไปมา

“อวิ๋นอวิ๋น เป็นอย่างไรบ้าง?”

แม่ทัพฉีกระวนกระวายใจเหมือนเด็กและตื่นตระหนกมาก

เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นถูกน้ำร้อนลวก แต่สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง:“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวข้าจะทายา ท่านพ่อไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไป ข้าไม่เจ็บเจ้าค่ะ”

หนานกงเหยี่ยนนึกถึงตอนที่จวินฉูฉู่ถูกลวกที่มือเช่นกัน แต่จวินฉูฉู่เจ็บไปหลายวันและร้องไห้ตลอดเวลา หลังจากนั้นเขาก็โบยคนรับใช้ที่ไม่รู้ความ และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไป

ทั้งสองเป็นพระชายาของท่านอ๋องเหมือนกัน แต่ฉูฉู่กับฉีเฟยอวิ๋นนั้นต่างกันมากจริง ๆ เหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงไม่เคยตระหนักได้เลย ?

แม่ทัพฉียังคงไม่วางใจ โดยปกติแล้วมีอำนาจยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่เกรงกลัวต่อเทวดาฟ้าดิน แต่ในเวลานี้กลับเศร้าใจ และทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมา

“เป็นพ่อเองที่ไม่ดี”

แม่ทัพฉีตัดพ้อและเช็ดน้ำตา

ฉีเฟยอวิ๋นเช็ดน้ำตาให้แม่ทัพฉี:“ท่านพ่อ ข้าก็แค่ถูกน้ำร้อนลวกเพียงเล็กน้อย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ ทำให้ท่านต้องร้องไห้ ข้าช่างเป็นเด็กสาวที่ไร้ประโยชน์เสียจริง ท่านพ่อ ท่านร้องไห้เช่นนี้ไม่กลัวว่าผู้คนจะหัวเราะเยาะหรือเจ้าคะ ?”

“ใครอยากจะหัวเราะเยาะก็หัวเราะเยาะไปสิ” แม่ทัพฉีเช็ดหน้าและนึกอะไรบางอย่างได้ เขาหันไปตะโกนว่า:“ยังไม่ไปตามหมอประจำจวนมาอีก พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าคุณหนูได้รับบาดเจ็บ ?”

คนรับใช้ไปตามหมอประจำจวนมา เมื่อหมอประจำจวนมาถึง มือของฉีเฟยอวิ๋นก็บวมแดงมาก หมอประจำจวนจึงตรวจดู

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หมอประจำจวนอย่างร้อนใจ แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พวกเขากลับบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ราวกับนางไปรบแล้วได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถรักษาได้

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หมอประจำจวนอยู่ครู่หนึ่ง นางหยิบกล่องยาของหมอประจำจวนมาแล้วหายาที่อยู่ข้างใน ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเฟยอวิ๋นอย่างไร ฉีเฟยอวิ๋นก็เจอยาแล้ว จากนั้นนางก็เปิดเพื่อดมกลิ่น เมื่อรู้ส่วนผสมที่อยู่ข้างในแล้ว นางก็ใช้นิ้วป้ายยาและเริ่มทายาลงบนบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวก

หนานกงเหยี่ยนเห็นทุกอย่าง นี่คือฉีเฟยอวิ๋นจริง ๆ หรือ ?

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบผ้าห่อยามาพันทีละชั้น ลี่ว์หลิ่วมองดูอยู่ที่ประตูอย่างร้อนใจ

“พระชายา บ่าวเองเพคะ”

เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะฉีกผ้าออกจากกัน ลี่ว์หลิ่วก็ทนดูไม่ไหว นางจึงวิ่งเข้าไปพันแผลให้ฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หมอประจำจวนเหล่านั้นอย่างเฉยเมย พวกเขายังคงหารือว่าจะจัดการกับแผลน้ำร้อนลวกของนางอย่างไร

ช่างใส่ใจมากเกินไปจริง ๆ หมอประจำจวนเหล่านี้เป็นห่วงนางมากถึงได้เป็นเช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่ได้สนใจมากนัก

“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไรแล้ว ท่านให้หมอประจำจวนเหล่านี้ออกไปเถอะเจ้าค่ะ หากยังเอะอะโวยวายต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะทะเลาะกันนะเจ้าค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นเรียกแม่ทัพฉี เมื่อแม่ทัพฉีเห็นว่าบุตรสาวของเขาไม่เป็นไรแล้ว เขาก็รู้สึกว่าหมอประจำจวนเหล่านี้ช่วงไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่แผลน้ำร้อนลวกก็ยังจัดการไม่ได้ แล้วยังจะเอะอะเสียงดังอยู่ที่นี่อีก

“อย่าทำให้ข้าขายหน้าอยู่ที่นี่อีกเลย” แม่ทัพฉีไล่หมอประจำจวนเหล่านั้นออกไป แล้วนั่งลง คนรับใช้นำชามาให้ แม่ทัพฉีจิบชา แล้วหลังจากนั้นก็นึกถึงหนานกงเหยี่ยนขึ้นมาได้

“ท่านอ๋องตวนทรงยุ่งมาก ช่วงนี้ทรงไม่ประทับอยู่ในจวนเพื่อรออภิเษกสมรสกับพระชายารองหรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดถึงนึกอยากจะมาที่จวนแม่ทัพได้ ?” แม่ทัพฉีมองอย่างสุภาพ แต่ในแววตาไม่สามารถทนต่อสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในวัง ฉีเฟยอวิ๋นต้องตกทุกข์ได้ยากก็เพราะหนานกงเหยี่ยน และเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเพิกเฉยในเวลานี้

หนานกงเหยี่ยนไม่สนใจและกล่าวว่า:“ข้าไม่มีอะไรทำ จึงออกมาเดินเล่น และได้พบกับพระชายาเย่ ข้าจึงมาส่งนาง ท่านแม่ทัพฉีไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”

“……” แม่ทัพฉีเบิกตากว้าง ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะขอบคุณเจ้า ?

เมื่อเห็นว่าแม่ทัพฉีไม่พูด ฉีเฟยอวิ๋นจึงคิดว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดแล้ว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ได้ยินเสียงแม่ทัพฉีกล่าวว่า:“เกรงว่าท่านอ๋องตวนจะต้องผิดหวังแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไร

จวนอ๋องเย่กับจวนแม่ทัพอยู่บนถนนสายเดียวกัน และใช้เวลาเดินไม่นาน

อวิ๋นอวิ๋นกลับมาที่บ้านบิดาจนเป็นเรื่องปกติ นางมีสาวใช้สองคนที่คอยคุ้มกันอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าในเมืองหลวงตั้งแต่จวนอ๋องเย่ไปจนถึงจวนแม่ทัพก็มีคนเดินไปเดินมา จะมีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร

ข้าไม่เชื่อความสามารถอันน้อยนิดของท่านอ๋องตวน จะสามารถปกป้องอวิ๋นอวิ๋นของบ้านข้าได้

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องตวนทรงต้องการที่จะเอาชีวิตของอวิ๋นอวิ๋นต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท ข้ามิอาจเชื่อได้ว่าท่านอ๋องตวนทรงมีเจตนาดี”

แม่ทัพเลิกคิ้วและเหลือบมองไปที่หนานกงเหยี่ยน แต่หนานกงเหยี่ยนไม่ได้พูดอะไร

เมื่อแม่ทัพฉีเห็นว่าหนานกงเหยี่ยนไม่ได้พูด เขาจึงจงใจกล่าวว่า:“วันนี้มีลมอะไรพัดมา ถึงทำให้นิสัยของท่านอ๋องตวนเปลี่ยนไป ?”

ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ ท่านพ่อของนางไม่ใช่คนที่ชอบรังแกผู้อื่น และนี่ก็ไม่ใช่การพูดที่ดีนัก
สีหน้าของหนานกงเหยี่ยนทรุดลง:“ในเมื่อท่านแม่ทัพฉีไม่ต้อนรับ เช่นนั้นข้าไปก็ได้”

หนานกงเหยี่ยนลุกขึ้นและเตรียมจะจากไป แต่ยังไม่ทันได้ไป เขาก็เห็นหนานกงเย่เดินเข้ามาจากหน้าประตู

“พี่รอง”

เมื่อเห็นหนานกงเหยี่ยน หนานกงเย่ก็ทักทาย หลังจากนั้นก็มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น

“มือของเจ้าเป็นอะไรหรือ ?” หนานกงเย่เดินไปหาฉีเฟยอวิ๋น แล้วก้มลงมองมือของนาง

“ไม่เป็นอะไรเพคะ ท่านอ๋องทรงไม่ต้องตื่นตระหนก” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืนและถอนสายบัว หนานกงเย่จับแขนของฉีเฟยอวิ๋นในทันที และไม่ต้องการให้นางควรวะ

“ไม่มีคนนอก เจ้าไม่ต้องระวังมากจนเกินไป พี่รองก็ไม่ใช่คนนอกเช่นกัน”

หนานกงเย่มองดูมือที่พันผ้าพันแผลไว้ของฉีเฟยอวิ๋นอย่างระมัดระวัง:“ไปโดนอะไรมาหรือ ?”

“หม่อมฉันไม่ระวัง จึงถูกน้ำร้อนลวกเพคะ ท่านพ่อของหม่อมฉันร้อนใจมา หากท่านอ๋องทรงกล่าวอีก เขาก็จะรู้สึกไม่สบายใจอีกนะเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองแม่ทัพฉีที่สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก

หนานกงเย่นึกขึ้นได้และมองไปที่แม่ทัพฉี:“ท่านพ่อตา”

“อืม”

แม่ทัพฉียืนขึ้น:“พระองค์ทรงตรัสกับเขาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ข้าเห็นเขาแล้วไม่เจริญหูเจริญตา”

หลังจากที่พูดจบแล้ว แม่ทัพฉีก็เดินออกไป

หนานกงเย่เหลือบมองแม่ทัพฉีที่เดินออกไป จากนั้นก็หันไปมองหนานกงเหยี่ยน:“พี่รอง เหตุใดวันนี้ท่านถึงมีเวลามาที่จวนแม่ทัพได้ ?”

“เจ้าก็คงไม่คิดว่าข้ามาเพื่อหาเรื่องหรอกนะ ?” หนานกงเหยี่ยนรู้สึกไม่สบายใจ เขาเอามือไพล่หลังและเตรียมที่จะจากไป

หนานกงเย่กล่าวว่:“พี่รองเข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อทรงเสด็จมาแล้ว และพี่รองต้องอภิเษกสมรสกับพระชายารองในวันพรุ่งนี้ และต่อไปก็คงจะยุ่งมาก เช่นเดียวกับในวันนี้ที่ท่านออกมาเดินเล่น พวกเราไม่ได้ดื่มกันมานานมากแล้ว เช่นนั้นก็อยู่ทานอาหารกันที่นี่จะดีกว่า”

อ๋องตวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในใจอยากจะอยู่ต่อ แต่ก็ยังกล่าวว่า:“ไม่ล่ะ ท่านแม่ทัพฉีไม่ชอบข้า ข้าไปจะดีกว่า”

“อยู่ก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อตาเป็นคนพูดง่าย ท่านกับข้าไปที่ห้องของอวิ๋นอวิ๋นก็ได้”

ลี่ว์หลิ่ว เจ้าเตรียมอาหารไปส่งที่นั่น” หนานกงเย่สั่งในทันที เขามองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและเชิญหนานกงเหยี่ยนออกไป จากนั้นหนานกงเหยี่ยนก็เดินตามออกไป

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามออกไป ลี่ว์หลิ่วไปสั่งให้ในครัวเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม หนานกงเหยี่ยนและหนานกงเย่เดินไปข้างหน้า และฉีเฟยอวิ๋นตามหลัง

“จวนแม่ทัพกว้างใหญ่มาก แม้ว่าทัศนียภาพในจวนแม่ทัพจะเทียบไม่ได้กับจวนอ๋องของเรา แต่แท้จริงแล้วงดงามที่สุดในเมืองหลวง และมีความโอ่อ่ามากกว่าจวนอ๋องขอท่านกับข้า” หนานกงเย่เหมือนยกภูเขาออกจากอก และพูดคุยมาตลอดทาง

หนานกงเหยี่ยนรู้สึกขบขัน:“ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ชอบนาง ?”

“คนเราเปลี่ยนกันได้พ่ะย่ะค่ะ พี่รองก็ไม่ชอบเช่นกัน แต่ในตอนนี้ก็ไม่ได้เกลียดชังแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?” หนานกงเย่รู้สึกขบขัน

สีหน้าของหนานกงเหยี่ยนดูเย็นชา:“เกลียดก็คือเกลียด ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นชอบได้ นาง……” เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก หนานกงเหยี่ยนก็กลืนมันกลับไป

ไม่พูดจะดีกว่า ไม่คุ้มที่จะหาเรื่องใส่ตัว

เมื่อมาถึงลานหน้าห้องของฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเหยี่ยนก็มองไปรอบ ๆ เมื่ออาหารและเครื่องดื่มเตรียมพร้อมแล้วทั้งสามก็นั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นบอกว่านางไม่หิว และลุกขึ้นกลับไปพักผ่อน จากนั้นหนานกงเหยี่ยนและหนานกงเย่ก็ดื่มกัน

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่ามันเบื่อ หลังจากนั่งได้ไม่กี่นาทีก็หลับไป

หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นที่กำลังหลับ แล้วมองมาที่หนานกงเหยี่ยน:“พี่รองทรงไม่เต็มใจที่จะอภิเษกกับพระชายารองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”

หนานกงเหยี่ยนดื่มเหล้าไปหนึ่งจอกและไม่ตอบอะไร