บทที่ 167 ผู้มาเยือนที่ไม่เป็นมิตร

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 167 ผู้มาเยือนที่ไม่เป็นมิตร

กู้โม่หานเชยตามองสายตาของไทเฮา ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็ถูกชิงขัดจังหวะโดยหนานหว่านเยียนที่เห็นท่าไม่ดี

“ทูลเสด็จย่า ท่านอ๋องกำลังบอกว่า ความจริงท่านไม่ต้องทำแบบนี้ เราทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้”

“ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสามีภรรยา ก็เป็นเรื่องของรสนิยมเท่านั้น ไม่ใช่หรือ? เมื่อคืนท่านอ๋องทรงดื่มยาสมุนไพรเข้าไปมาก แม้จะทำให้หลาน…แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงสีสันแบบนี้ได้”

นางอมยิ้ม เอ่ยปากโดยไม่ปิดบัง กล่าวอย่างสุภาพมีเหตุผลชอบธรรม ช่วยบรรเทาความลำบากใจบนใบหน้าของไทเฮาได้มากทีเดียว

กู้โม่หานชำเลืองมองหนานหว่านเยียนอย่างเย็นชา

พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อนจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ไทเฮาจะเห็นความสำคัญถึงเพียงนี้!

แต่เขาก็รู้ดีว่าเมื่อครู่ตนพูดแรงเกินไป ไม่จำเป็นต้องใส่อารมณ์กับหญิงชราขนาดนั้น

แม้ว่าหญิงชราได้ทำในสิ่งที่ทำให้เขาโกรธก็ตาม

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก บรรยากาศดีขึ้น หนานหว่านเยียนรีบกล่าวเสริมทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน

“เสด็จย่า มานี่สิ เยียนเอ๋อร์จะรินน้ำแกงดอกกุ้ยฮวาให้ท่านดื่ม จะได้ใจเย็นๆ”

นางรินอย่างคล่องแคล่ว โรยผงยาที่ทำให้สงบสติอารมณ์ลงไปด้วยโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นก็นำมาถวายแด่ไทเฮา

ความกลัดกลุ้มบนใบหน้าของไทเฮาหายไปอย่างสิ้นเชิง นางมองหนานหว่านเยียนด้วยความพึงพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“เอาล่ะ เยียนเอ๋อร์ของข้าเก่งที่สุด ไม่เหมือนอ๋องอี้พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!”

พูดจบนางก็จ้องเขม็งใส่กู้โม่หาน เหมือนเด็หญิงตัวน้อยที่กำลังอารมณ์เสีย

กู้โม่หานเอาแต่จิบชาตรงหน้าตัวเอง ทำเป็นหูทวนลมต่อสายตาและการเหน็บแนมจากไทเฮา

หนานหว่านเยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับไปนั่งที่นั่งเมื่อครู่

ในตำหนักหลวนเฟิ่งบางครั้งก็มีเสียงพูดคุยสัพเพเหระระหว่างหนานหว่านเยียนและไทเฮาดังขึ้นมา ส่วนใหญ่จะเป็นการกำชับวิธีการดูแลร่างกายจากหญิงชรา หากตั้งครรภ์ควรใส่ใจสิ่งใด

หนานหว่านเยียนหัวเราะไปพลางพยักหน้าไปพลาง แต่ในใจกลับแอบทอดถอนใจ

นางเคยเดินผ่านประตูนรกเพราะการให้กำเนิดเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองมาแล้ว หลักการเหล่านี้นางเข้าใจทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากห้ามได้ นางไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นค้นพบชีวิตของเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานหว่านเยียนก็ยิ่งรำพันถึงเด็กหญิงน่ารักทั้งสองที่รอนางอยู่ในจวนอ๋อง

หลังอาหารเช้า ทั้งสองต้องการออกไปข้างนอก แต่กลับเห็นสาวใช้เดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยสีหน้าอบอุ่น

นางถอนสายบัวให้ทั้งสาม แล้วพูดกับไทเฮาว่า “ทูลไทเฮา ฮองเฮาต้องการเชิญพระชายาอี้ไปพบเพคะ

“พระองค์ได้ยินว่าพระชายาอี้เข้าวังมาเมื่อวานนี้ วันนี้จึงส่งบ่าวมาเรียนเชิญตั้งแต่เช้าตรู่”

สาวใช้หลุบตาลง พลางเชยตามองสีหน้าของไทเฮาที่นั่งอยู่สูงขึ้นไปเป็นระยะ

กู้โม่หานเหลือบมองหนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วอย่างงุนงง

อยู่ดีๆ ฮองเฮาจะมาดีด้วยเพราะเหตุใด น่าจะต้องการตำหนินางแน่!

นางเดินออกมาอย่างผึ่งผาย ยิ้มอ่อนโยนให้ไทเฮาที่ขมวดคิ้วมองมาอย่างเย็นชา “หลานขอตัวไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ก่อนนะเพคะ เสด็จย่าไม่ต้องเป็นห่วง หลานไปไม่นานหรอก”

ไทเฮาต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยั้งไว้ ถอนหายใจอย่างจนปัญญาพลางโบกมือ “ไม่เป็นไร สมควรไปแล้ว”

หนานหว่านเยียนตามสาวใช้นางนั้นออกจากตำหนักหลวนเฟิ่ง กู้โม่หานไม่ได้รับเชิญไปด้วย เขามองตามหลังกู้โม่หานที่ไกลออกไปด้วยสีหน้าซับซ้อน

ที่ฮองเฮาให้มาเชิญในเวลานี้ เกรงว่าจะ…มีเจตนาไม่ดีแน่

สาวใช้นำทางอยู่ข้างหน้า เอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางไม่ได้พูดอะไรกับหนานหว่านเยียนเลย

หลายครั้งที่หนานหว่านเยียนคิดหาหัวข้อเพื่อถามนางเรื่องฮองเฮา แต่สาวใช้ก็เหมือนเครื่องนำทางที่ไร้ความรู้สึก พานางไปถึงตำหนักหยูซินของฮองเฮา ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงที่หน้าประตูตำหนัก ผายมือ “เชื้อเชิญ” นาง

“ฮองเฮาอยู่ข้างในเพคะ เรียนเชิญพระชายา”

หนานหว่านเยียนยังไม่ทันได้โต้ตอบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นข้างใน

นางลองเงี่ยหูฟัง ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของผู้หญิงสองคนข้างหน้า

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วเดินเข้าไป บังเอิญเห็นภาพหนานชิงชิงยกชาให้ฮองเฮาพอดี

หนานชิงชิงยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเป็น “ภรรยาต้นแบบ”

“เสด็จแม่ดื่มชา ลูกได้ยินว่าช่วงนี้เสด็จแม่ไม่ค่อยอยากอาหาร ข้าจึงสั่งให้ทางห้องเครื่องชงชาเซียงจาหม้อนี้ให้ท่าน”

เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาถูกใจสิ่งนี้มาก นางพยักหน้าอย่างชื่นใจ

“ดี มีแต่เจ้าที่ดูแลได้ไม่ขาดตกบกพร่อง อ๋องเฉิงโชคดีจริงๆ ที่ได้ชายาอย่างเจ้า!”

หนานชิงชิงแสร้งเอามือปิดหน้ายิ้มเขิน สื่อถึงบุคลิกของบุตรสาวที่มาจากตระกูลใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมจะเห็นว่าหนานชิงชิงได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษ

หนานหว่านเยียนเองก็มองออก นางมองไปรอบๆ และพบว่าวันนี้ภายในตำหนักหยูซินคึกคักมากเป็นพิเศษ

พระชายาสิบสวีหว่านหยิงกำลังป้อนข้าวเด็กชายวัยราวๆ แปดขวบ เด็กชายดูท่าทางสะโอดสะอง แต่งตัวหรูหรา

หนานหว่านเยียนเดาว่าต้องเป็นท่านอ๋องน้อยสักพระองค์แน่

คนอื่นๆ ที่เข้ามาในสถานที่ ไม่ได้มีแต่หนานชิงชิงเท่านั้น ยังมีกลุ่มสตรีสูงศักดิ์ที่คอยประจบสอพลอฮองเฮาอยู่ด้วย

หนึ่งในนั้น กระโปรงสั้นสีเหลืองสดใสของเจียงหรูเยว่โดดเด่นเป็นพิเศษ

ดูท่าทางวันนี้จะมีการต่อสู้อย่างดุเดือด

แต่ก็ต้องเลือกดำเนินการตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป หนานหว่านเยียนไม่เคยมีช่วงเวลาขี้ขลาดมาก่อน!

หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะมุมปาก กระแอมเบาๆ แล้วเดินเข้าไป

การปรากฏตัวของนางทำให้บรรยากาศที่สงบและมีความสุขชะงักงันทันที สีหน้าของหญิงสูงศักดิ์หลายคนทยอยเปลี่ยนไป เจียงหรูเยว่ยิ่งมีสีหน้าเหยียดหยาม นอกจาก…

หนานชิงชิงยังดูสูงส่งเลิศล้ำ ฮองเฮาเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตามีประกายเย็นชาปรากฏขึ้น แต่รอยยิ้มไม่ได้ลดลงเลย

สวีหว่านหยิงเหมือนเห็นเทพธิดาลงมายังโลกมนุษย์ ยากที่จะปกปิดความตื่นเต้นบนใบหน้าไว้ นับจากครั้งก่อนที่หนานหว่านเยียนช่วยชีวิตนางไว้จากงานเลี้ยงในวัง นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกนางได้พบกัน

นางสะกิดเด็กข้างกายเบาๆ พลางกระซิบบอกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พี่สะใภ้เคยบอกเจ้าไว้ องค์ชายสิบสามเป็นไง พี่สะใภ้สวยใช่ไหมล่ะ?”

องค์ชายสิบสามพยักหน้าด้วยความงุนงง ในมือมีเค้กถั่วเขียวชิ้นหนึ่ง เขายิ้มหวานให้หนานหว่านเยียน

หนานหว่านเยียนพยักหน้าเล็กน้อยให้สวีหว่านหยิงและองค์ชายสิบสาม แล้วลุกขึ้นคำนับฮองเฮา

“ลูกขอเข้าเฝ้าเสด็จแม่ ลูกมาช้า ขอเสด็จแม่ได้โปรดลงโทษด้วย”

ฮองเฮานั่งสูงอยู่บนบัลลังก์ ไม่ได้บอกให้หนานหว่านเยียนลุกขึ้น แค่ชำเลืองมองนางอย่างเฉยเมย

“ทำไมล่ะ เป็นเพราะข้าไม่เรียกพระชายาอี้เข้าเฝ้า? หรือเป็นเพราะพระชายาอี้ไม่พอใจข้า…”

“เข้าวังมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว แต่กลับผัดผ่อนไม่ยอมมาเข้าเฝ้า?”