ตอนที่178 ทำได้เพียงประนีประนอม

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่178 ทำได้เพียงประนีประนอม

จางหยางกลับเข้ามาที่บริษัทและแจ้งข่าวดีกับฟางนี่ทันที

“จริงเหรอ? ฟู่เทียนยอมกลับมาร่วมมือกับเราแล้ว? คุณทำได้ยังไง?”

ฟางนี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

จางหยางรีบอธิบายโดยเร็วว่า

“ผมเสนอให้เขาเข้ามาเป็นหนึ่งในส่วนผู้ถือหุ้นกับทางเรา พร้อมอัตรากำไรเพิ่มขึ้น10% โดยเขาจะจ่ายเงินจำนวน10ล้านให้”

“อะไรนะ? นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงตัดสินใจเองแบบนี้? ไม่คิดจะปรึกษาฉันก่อนเลยเหรอ?”

ฟางนี่ขมวดคิ้วแน่นกล่าวโทษทันที

จางหยางเองก็รีบอธิบายไปว่า

“ถ้าผมปรึกษากับคุณก่อน มีหรือที่จะเห็นด้วย? ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมือไปก่อนแล้วค่อยบอกทีหลัง แต่คราวนี้พวกเรากำไรแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่ยอู่กับฟู่ไฮ่ อินเวสเมนท์ค่อยข้างไปได้สวยทีเดียว นี่เป็นโอกาสสำหรับเราแล้ว ผมรู้นะว่าคุณไม่พอใจอย่างมาก แต่ได้โปรดเชื่อใจผมสักครั้งเถอะนะ ที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของเราทั้งนั้น วางใจผมสักครั้ง!”

ฟางนี่รู้สึกได้อย่างชัดเจน สิ่งที่เรียกว่าธุรกิจมันไม่ใช่อะไรแบบนี้ การทำธุรกิจไม่ใช่ว่าต้องทำให้ตัวเองยืนอยู่ในจุดที่ได้เปรียบหรอกเหรอ? ตอนนี้เธอกำลังเสียเปรียบชัดๆ แถมยังต้องพึ่งพาสารเลวอย่างฟู่เทียนอีก เธอกลับไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถ้าบริษัทฟางนี่จำต้องล้มละลายจริง อย่างน้อยที่สุดเธอกับสามีของเธอก็สามารถใช้ชีวิตอยู่รอดในเมืองตงไห่ได้สบาย

แต่อย่างไรตามหลักปรัชญาการบริหารธุรกิจในแบบของจางหยาง สิ่งนี้อาจทำให้บริษัทของเธอพัฒนาขึ้นสู่ระดับต่อไปก็เป็นได้ ทว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ ถ้าเกิดว่าล้มเหลวขึ้นมา พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งนั้นหมายความว่าเธอจะไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ

“ที่รัก…บริษัทของเราจะมีโอกาสกลับมาเหมือนเดิมใช่ไหม?”

ฟางนี่เอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

จางหยางพยักหน้าด้วยความมั่นใจยิ่ง น้ำเสียงเด็ดขาดเอ่ยปลอบขึ้นว่า

“ผมกับฟู่เทียนสัญญากันไว้แล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ต้องสำเร็จไปได้ด้วยดี ผมพยายามดิ้นรนในทุกวิถีทางเพื่อให้บริษัทของเราดีขึ้น และทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จได้คือการร่วมมือกับเหล่ยอู่เท่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนมากแล้ว อนาคตที่สดใสรอพวกเราอยู่นะเสี่ยวนี่ เชื่อใจผมอีกสักนิด แล้วพวกเราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน!”

ดูเหมือนว่าฟางนี่จะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ หนทางเดียวที่เหลืออยู่คือการทำตามแผนของจางหยาง

“ได้…ได้สิ แต่วันหลังมีอะไรก็บอกฉันหน่อยนะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ ชะตาของบริษัทขึ้นอยู่กับการเดิมพันของคุณในครั้งนี้แล้ว ถ้าเราชนะจะมีสุขสบายไปทั้งชาติ แต่ถ้าพลาดก็กลับมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป”

ฟางนี่เอ่ยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

จางหยางกระชับกอดเธอในอ้อมแขนแน่นอนทันที และสัญญากับเธอว่า

“ไม่ต้องกังวลไปนะ ถ้าผมไม่มั่นใจว่าจะพาบริษัทไปสู่อีกขั้นได้จริงๆ คงไม่ตัดสินใจแบบนี้แน่นอน หลังจากนี้ผมจะช่วยแบ่งเบาภาระของคุณเอง”

หลังจากพูดจบ จางหยางก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองเพื่อวางแผนต่อไป

ในอีกด้านหนึ่งจ้าวเฉียนได้รับแจ้งข่าวมาแล้วว่า ฟู่เทียนกลับไปร่วมลงมุนกับบริษัทฟางนี่อีกครั้ง แต่อย่างไร เขายังไม่รีบเข้ามาควบคุมบริหารเหล่ยอู่ในทันที และปล่อยให้คนเหล่านั้นวิ่งเล่นกันไปก่อน

จ้าวเฉียนที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ ทันใดนั้นอู่เลอก็โทรมาหาเขา

“ฮาโหลบอส พรุ่งนี้ผมมีแข่งที่สนามInternational Racing บอสจ้าวพอมีเวลามาดูไหมครับ?”

อู่เลอเอ่ยถาม

“โอ้? ในที่สุดนายก็ติดอันดับได้แข่งในรายการใหญ่แล้วงั้นสินะ? แน่นอน ฉันจะพลาดได้ยังไง!”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบ

“โอเคครับ ผมฝากตัวไว้กับน้องสาวแล้ว เดี๋ยวเธอเอาไปให้ถึงที่ครับ พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าอย่าสายนะครับบอส!”

“โอเค ถ้าอย่างงั้นฉันจะรับติดต่ออู๋ซินเดี๋ยวนี้แหละ นายก็เตรียมตัวให้ดีล่ะ กะจิตกะใจอย่าฟุ้งซ่าน โฟกัสกับการแข่งเข้าใจไหม?”

จ้าวเฉียนกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องกังวลครับบอส! พรุ่งนี้ผมต้องคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้!”

อู่เลอกล่าวตอบอย่างมั่นใจ

หลังจากวางสายไป จ้าวเฉียนก็โทรหาอู่ซินทันที

“ฮาโหลอู่ซิน เธออยู่ไหน?”

“กำลังซ่อมสคริปต์บทอยู่ที่บ้านน่ะ พี่ชายฝากตั๋วไว้กับฉัน พรุ่งนี้นายจะไปดูไหม?”

“แน่นอน ฉันจะพลาดได้ยังไง”

“โอเค งั้นมาเจอฉันที่บ้านเลย”

จ้าวเฉียนรีบทานอาหารเสร็จสิ้นและเดินทางไปบ้านของอู่ซินโดยไว

เป็นเวลาสักพักใหญ่แล้วที่เขาไม่ได้พบหน้าอู๋ซิน และคาดไม่ถึงเลยว่า เธอจะสวยขึ้นกว่าเดิมเกินที่เขาจินตนาการไว้มาก

“สวัสดีครับ คุณนักแสดงหญิงดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งปี ไม่ได้เจอกันตั้งนาน รัศมีนางเอกจับขึ้นเยอะเลย”

จ้าวเฉียนเอ่ยปากชมทันที

อู่ซินหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข พร้อมกล่าวว่า

“นั่งลงก่อนสิ ดื่มอะไรดีล่ะ?”

“อะไรก็ได้ ขอแบบดับกระหายนะ”

อู่ซินพยักหน้าและเดินไปหยิบขวดโค่กจากตู้เย็นมาให้ จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องอีกครั้ง เพื่อหยิบตั๋วสำหรับงานแข่งในวันพรุ่งนี้มาให้

“ทำไมมีเยอะจัง?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถาม

“พี่ชายบอกว่า เผื่อนายอยากพาเพื่อนไปดูการแข่งด้วย เขาก็เลยเตรียมไว้ให้สองสามใบ ฉันเองก็อยากไปด้วยนะ แต่กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้คนรอบข้างโดยไม่จำเป็นเข้าน่ะสิ เห้ออ…คงทำได้แค่นั่งดูผ่านเว็บในบ้านี่แหละ”

อันที่จริงแล้ว ความนิยมของอู่ซินตั้งแต่ออกอากาศซีรีย์เรื่อง ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ไป เธอก็กลายเป็นดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดในวงการ และตอนนี้เธอกำลังฮอตอย่างมาก มีหลากหลายบริษัทส่งบทละครและภาพยนตร์มากมายให้เธอลองแคส เรียกได้ว่าอนาคตของเธอกำลังสดใสอย่างมาก

“ตอนนี้เธอเป็นดาราดังแล้ว เป็นปกติที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนแบบคนทั่วไปได้ อีกอย่างนะ เธอต้องใส่ใจกับคำพูดคำจาและทุกการกระทำให้ดี อย่าเปิดโอกาสให้ใครมาทำลายชื่อเสียงได้เด็ดขาด”

จ้าวเฉียนกล่าวเตือน

อู่ซินยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ฉันแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย และไม่เคยเปิดโอกาสให้เป็นข่าวสักครั้ง เรื่องนี้ฉันค่อนข้างเข้มงวดมาก”

“อืมม…ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ชุมชนที่เธออยู่ตอนนี้ค่อนข้างเก่ามากแล้วนะ ความเป็นส่วนตัวกับความปลอดภัยดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันว่าเธอควรย้ายไปอยู่ที่อื่นนะ”

จ้าวเฉียนกล่าวแนะนำออกไป

สีหน้าการแสดงออกของอู่ซินดูอึดอัดขึ้นเล็กน้อย เธอกล่าวตอบไปว่า

“ฉันเองก็อยากเปลี่ยนเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันยังเก็บเงินได้ไม่เท่าไหร่เอง ถือจะมากในระดับนึง แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับซื้อบ้านใหม่ นายก็รู้ว่าบ้านในเมืองตงไห่แพงขนาดไหน นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ยอีกนะ”

นี่เป็นเรื่องจริงตามที่เธอว่ามาเลย แม้ว่าอู่ซินจะเริ่มมีเงินในรระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าคุยเรื่องการซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง นี่ถือว่ายังไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมการเป็นอยู่ของอู่ซินในตอนนี้ มันไม่เหมาะกับดาราดาวรุ่งอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่จ้าวเฉียนกลัวที่สุดคือ ความปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงแนะนำไปว่า

“คุณควรปรึกษาเรื่องนี้กับบริษัทต้นสังกัดที่ทำงานอยู่นะ ตอนนี้คุณคือลูกรักดังนั้นการจะขอเบิกเงินออกมาก่อนคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แล้วค่อยหักเป็นเปอร์เซ็นจากเงินค่าตัวในแต่ละเดือนแทนก็ได้ ชุมชนแห่งนี้ดูยังไงก็ไม่ค่อยปลอดภัยเลย จะซื้อบ้านสักหลัง เท่าที่ประเมินไม่ถึง8ล้านก็ซื้อได้แล้ว”

อู่ซินเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่จ้าวเฉียนกล่าวไปมันสมเหตุสมผล แต่ถึงอย่างไรเธอไม่กล้านำเรื่องนี้ไปบอกกับหยวนมี่ เพราะความเกรงใจ

“ช่างมันเถอะ ฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้ก็พอ แค่นี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบดี เสียงเคาะประตูก็พลันดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู เหมือนว่ามีใครบางคนเดินทางมาหา

อู่ซินรีบวิ่งออกไปเปิดประตูทันที ทว่าด้านนอกกลับเต็มไปด้วยกลุ่มชายหญิงมากมายที่ยืนกรี๊ดเสียงดังลั่นไม่หยุดหย่อน

“ว้าว! นั่นอู่ซินตัวจริงเสียงจริง!”

“อู่ซินอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ ด้วย! เงินที่จ่ายไปไม่เสียเปล่าแล้ว!”

“อู่ซิน พวกเราเป็นแฟนคลับของคุณ ช่วยเซ็นชื่นให้พวกเราหน่อยได้ไหมครับ?”

“พวกเราขับรถสำรวจแถวนี้หลายชั่วโมงแล้ว อย่างน้อยก็ขอถ่ายรูปกับคุณหน่อยได้ไหม?”

…..

อู่ซินตกตะลึงอย่างมากและเอ่ยถามทันทีว่า

“พวกคุณรู้ได้ยังไงค่ะ ว่าดิฉันอาศัยอยุ่ที่นี่?”

“พวกเราเห็นคนขายพิกัดที่อยู่ของคุณในอินเตอร์เน็ตในราคา500หยวน ผมว่าลองดูไม่เสียหายเลยยอมจ่ายเงินไปให้ ปรากฏว่านี่มันข้อมูลของจริง!”

“นี่นายใช้แค่500หยวนเองเหรอ? ทำไมตูเสียค่าโง่ตั้ง1,000หยวนวะ!”

“เอาน่า สุดท้ายก็มาเจออู่ซินตัวจริงเสียงจริงไม่ใช่เหรอไง? ได้ถ่ายรูปทั้งยังได้ลายเซ็น ต่อให้เสียเป็นหมื่นก็ยังคุ้มแล้ว!”

……

เมื่อเห็นบรรดาแฟนคลับมาหามากมายบขนาดนี้ อู่ซินก็อายเกินกว่าจะไล่ออกไปได้ เธอจึงทำได้เพียงทักทายและเซ็นลายเซ็นไปให้

“อิอิ…อู๋ซินใจดีมากเลย!”

“คุณอู๋ซินเป็นดาราที่ติดดินจริงๆ จะไม่ให้หลงรักได้ยังไงจริงไหม?”

“ใช่แล้ว…ใช่แล้ว…”

“นั่นใคร…”

ทันใดนั้นเองก็มีแฟนคลับคนหนึ่ง ดันไปเห็นจ้าวเฉียนที่อยู่ในบ้านเข้า ทุกคนต่างพากันอึ้ง จนอู่ซินต้องพาจ้าวเฉียนออกมาแนะนำให้รู้จัก

จ้าวเฉียนเองก็ไหวพริบดีไม่ใช่น้อย เขาเอ่ยทักทายทุกคนก่อนทันทีว่า

“สวัสดีครับ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอู่ซินเขา ดีใจนะครับที่เธอมีแฟนคลับที่รักใคร่กันขนาดนี้ ถือซะว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ ยังไงก็ฝากดูแลน้องสาวคนนี้ด้วยนะครับ”

ถ้าปล่อยให้อู๋ซินเอ่ยปากแนะนำตัวเขาก่อน เธอต้องบอกกับทุกคนไปแน่นอนว่า เขาคือเพื่อนหนุ่ม และถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้นบรรดาแฟนคลับจะพากันหลงเข้าใจผิดว่า แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นแฟนหนุ่มที่แอบคบหากับเธอ ดังนั้นเพื่อกันไม่ให้เข้าใจผิด จ้าวเฉียนจึงรีบอ้างไปทันทีว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง

และสิ่งนี้ก็ได้ผลจริงๆ พอบรรดาแฟนคลับได้ยินแบบนั้น พวกเขาต่างก็ยิ้มแย้มทักทายเขาทันที

อู่ซินทั้งถ่ายรูปทั้งเซ็นลายเซ็นให้ทุกคน ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงกว่า ก่อนจะส่งพวกเขากลับออกไป

“หู่วว…ทำไมรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้เนี่ย!”

อู่ซินทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาทันที

จ้าวเฉียนยิ้มและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ตอนนี้เชื่อฉันแล้วรึยัง? เธอควรย้ายที่อยู่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอเตรียมมีตติ้งกับบรรดาแฟนคลับทุกเช้า กลางวัน เย็นได้เลยหลังจากนี้”

จู่ๆ อู๋ซินพลันลุกขึ้นพรวดทันทีและพยักหน้าตอบไปว่า

“นายพูดถูก! ฉันต้องย้ายที่อยู่โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างน้อยก็คอนโดที่มียามคอยรักษาความปลอดภัย!”

จ้าวเฉียพยักหน้าและกล่าวต่อทันทีว่า

“แล้วอย่าลืมซะล่ะ หลังจากนี้ฉันคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ อย่าหลุดพูดอย่างอื่นไปเด็ดขาด”

“ฮ่าฮ่า…ฉันรู้แล้วน่า! ไปหาที่อยู่ใหม่กันเถอะ!”

อู่ซินยิ้มหวานให้ และหยิบหน้ากาก แว่นกันแดดและสวมหมวก ติดตามจ้าวเฉียนออกไปทันทีเพื่อเสาะหาที่อยู่ใหม่