บทที่ 463 ได้มาครองอย่างราบรื่น / บทที่ 464 เปลี่ยนตัวแล้ว Ink Stone_Romance
บทที่ 463 ได้มาครองอย่างราบรื่น
แต่ว่า เขาจำเป็นต้องยืนยันอีกครั้ง
ลั่วเฉินเมื่อครู่เป็นโชคโดยบังเอิญ หรือว่ามีความสามารถแบบนี้จริงกันแน่
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจินหลินตัดสินใจเอ่ยขึ้นทันควัน “แอคที่ 13 ซีนที่ 7 พวกนายแบ่งกันออดิชันตามความเข้าใจของตัวเอง!”
หลังจากซ่งจินหลินเอ่ย ฝูงชนเดิมที่กำลังตื่นเต้นอยู่พลันกลั้นลมหายใจ มองไปทางคนทั้งสองด้วยความตื่นเต้น
แฟนคลับของซวี่หมิงบนซับกระสุนเริ่มโต้แย้งอย่างไม่พอใจ…
[ยังไม่จบอีกเหรอ! พวกนายเดือดร้อนอะไร! เมื่อกี้อาจจะเป็นแค่ดวงก็ได้!]
[ใช่ๆ ลั่วเฉินเมื่อกี้ทำหัวใสชัดๆ ซวี่หมิงเล่นสดด้วยตัวเอง ผลที่ออกมาย่อมพลาดนิดหน่อย ลั่วเฉินกลับใช้ประโยชน์จากการที่ซวี่หมิงช่วยเขาต่อบท! เจ้าแผนการจริงๆ!]
ลั่วเฉินไม่ทันได้สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของคนรอบข้าง เพียงแต่ตอนได้ยินซ่งจินหลินพูดว่าแอคที่ 13 ซีนที่ 7 สีหน้าเขาตกใจแวบหนึ่ง
บทละครฉากนี้ พี่เยี่ยสอนเขาเองกับตัว อีกทั้งเล่าบทละครให้เขาฟังแบบเน้นย้ำ ไม่คิดเลยว่าผู้กำกับซ่งจะเลือกฉากนี้
ขณะที่ลั่วเฉินกำลังงุนงง ซวี่หมิงก็ปรับโหมดอารมณ์ใหม่อีกครั้งแล้วเริ่มการทดสอบ
ไม่เสียแรงที่ผ่านการฝึกซ้อมระดับมืออาชีพมา ซวี่หมิงปรับโหมดอารมณ์ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็ว เข้าสู่พล็อตเรื่องตอนถัดมาอีกครั้ง
‘ขวับ’ ซวี่หมิงทำท่าวาดดาบ โจมตีฝั่งตรงข้ามทันที ความเป็นปรปักและจิตสังหารตรงหว่างคิ้วเหมือนจับต้องได้จริง ดูเหมือนจะส่งไปสู่สายตาผู้ชมทุกคนผ่านหน้าจอ…
[สุดยอด…สุดยอดจริงๆ! นี่น่าจะเป็นความสามารถแท้จริงของซวี่หมิงล่ะมั้ง! แค่สายตาเดียวเท่านั้น ก็ทำให้คนขนลุกซู่ได้แล้ว!]
[แสดงบทบาทมารร้ายกระหายเลือดออกมาได้ดีเยี่ยม!]
ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมทักษะการแสดงในฉับพลันของซวี่หมิงซึ่งน่าทึ่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ลั่วเฉินกลับแอบคิดเปรียบเทียบเอง
วิธีการแสดงฉากนี้ของซวี่หมิง เหมือนกับวิธีการแสดงที่พี่เยี่ยเคยชี้แนะเขาทุกอย่าง
ถ้าพี่เยี่ยไม่ได้พูดเรื่องฉากนี้กับเขาก่อน วิธีแสดงของเขาต้องเหมือนกับซวี่หมิงแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้…
การทดสอบหน้ากล้องของซวี่หมิงได้รับเสียงเชียร์ล้นหลาม อู๋เจิ้งเฟยผู้จัดการส่วนตัวของเขาที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจโล่งอก รองผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ต่างพยักหน้าชื่นชม
แต่ว่าสีหน้าซ่งจินหลินที่นั่งอยู่ตรงกลางกลับไม่เปลี่ยนแปลง มองลั่วเฉินแล้วเอ่ย “ลั่วเฉิน นายเริ่มได้!”
ซวี่หมิงดูออกว่าซ่งจินหลินสนใจลั่วเฉินเป็นพิเศษ จึงสูดหายใจลึกพยายามข่มความไม่พอใจไว้ พลางมองลั่วเฉินด้วยสายตาเย็นชา
ฉากนี้ตอนแรกอาจารย์แนะนำเขาเป็นพิเศษ เขาจึงกล้าตัดสินว่าวิธีการอนุมานของเขาสุดยอดแล้ว
หากลั่วเฉินแสดงคล้ายกับเขาก็จะเป็นตกเป็นรอง…
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่นานก็เริ่มแสดง
เขาแสดงฉากนี้ออกมาตามสิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นเคยสอนไว้อย่างเคร่งครัด
วิธีการแสดงของลั่วเฉินไม่มีความก้าวร้าวและอารมณ์เหมือนของซวี่หมิง ตอนเขาชักดาบแววตาเฉยเมย อ้างว้าง ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด…
บนใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่ากลับทำให้คนอื่นหนาวสั่นถึงก้นบึ้งหัวใจ…
หลังจากดูการแสดงฉากนี้ของลั่วเฉินจบแล้ว ในที่สุดสีหน้าของซ่งจินหลินก็สูญเสียความสงบนิ่งไป ถามด้วยน้ำเสียงขึ้นสูงอยู่บ้าง “ทำไมนายถึงใช้วิธีนี้แสดงฉากนี้? ลองพูดถึงความเข้าใจของนายมาหน่อย!”
ลั่วเฉินชำเลืองไปทางเยี่ยหวันหวั่น ก่อนจะเรียบเรียงคำพูด เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ผมคิดว่า หลินลั่วเฉินในเวลานั้น เผชิญความยากลำบากและความอยุติธรรมทั้งหมดบนโลก นิสัยของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่ความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นความเลื่อมใสและยำเกรงต่อชีวิต
เมื่อเลื่อมใสและยำเกรงต่อชีวิต เห็นชีวิตคนอยู่ในสายตา จึงจะมีจิตสังหารได้ แต่หากในสายตาของเขา ชีวิตของคนก็เหมือนฝุ่นผงต้นหญ้า ถ้างั้นเวลาที่เขาฆ่าคนก็จะมีแค่ความเฉยเมย”
วินาทีที่ลั่วเฉินพูดจบ ซ่งจินหลินพลันตบโต๊ะ “พูดได้ดี!”
ซ่งจินหลินขอบตาแดงก่ำ “ก่อนที่อาจารย์หลินจงจะเสียชีวิต เคยลากฉันไปคุยถึงฉากนี้เป็นพิเศษ ตอนนั้นเขาพูดว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของตัวละครหลินลั่วเฉินก่อนหน้าและตอนหลัง ก็คือสิ่งที่นายพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้ ลั่วเฉิน นายไม่เลวเลย! เห็นได้ว่าศึกษาบทบาทมาอย่างตั้งใจจริงๆ!”
ตอนที่ซ่งจินหลินพูดประโยคนี้ออกมา เยี่ยหวันหวั่นก็ถอนใจโล่งอกเบาๆ
เธอรู้ว่า ลั่วเฉินได้บทบาทนี้มาครองแล้ว
………………………………………………………..
บทที่ 464 เปลี่ยนตัวแล้ว
สำหรับแฟนตัวยงรวมทั้งแฟนคลับภาคก่อน ชื่อของหลินจงก็หมายถึงผู้มีอำนาจ
ตอนที่ซ่งจินหลินพูดประโยคนี้ออกมา สายตาของทุกคนที่มองไปทางลั่วเฉินต่างไปจากปกติ
[สุดยอดมาก! ไม่เสียแรงที่เป็นต้นฉบับ! เข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง! แม้แต่ความตั้งใจของอาจารย์หลินจงก็ยังคาดคะเนได้ไม่ตกหล่น!]
[ขอบคุณกองถ่ายที่ไลฟ์สดการออดิชันให้ชม ทำให้พวกเราทุกคนได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของหลินลั่วเฉินดวงใจของพวกเราด้วยตาตัวเอง!]
[หลินลั่วเฉินถ้าไม่ใช่ลั่วเฉินก็คงไม่ได้!]
……
ได้เห็นซับกระสุนแล่นผ่านอย่างบ้าคลั่ง อู๋เจิ้งเฟยหน้าเครียด
เดิมทีเขาเตรียมสร้างกระแสให้ซวี่หมิง แม้แต่คำแถลงการณ์ต่างๆ ก็ได้ให้คนเตรียมร่างไว้พร้อมแล้ว ใครจะรู้ว่าสุดท้ายจะเป็นการตัดชุดวิวาห์ให้คนอื่น[1] ทั้งยังโดนเด็กเมื่อวานซืนนั่นถีบหัวส่งอีก
พวกเขาเลือกวิธีการถ่ายทอดสดด้วย กระบวนการทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดสดตามเวลาจริง คิดอยากย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนมติชน แล้วค่อยแอบให้หัวหน้าหวังช่วยจัดการผลลัพธ์อย่างลับๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว!
ครั้งนี้เขาประมาทคู่แข่งเกินไป!
เมื่อซ่งจินหลินพูดถ้อยคำเหล่านั้นจบ ก็ลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้าของลั่วเฉินเอง “ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ‘มังกรผงาด2’ ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับนายอีกครั้ง!”
ได้ยินคำพูดของซ่งจินหลิน หัวใจลั่วเฉินสั่นแวบหนึ่ง ยื่นมือออกไปช้าๆ “ขอบคุณผู้กำกับซ่งที่มอบโอกาสนี้ให้ผมครับ!”
ได้เห็นฉากที่เรียกว่าประวัติศาสตร์นี้ พระเอกพระรองต่างก็ได้ทีมงานเดิมกลับมาแสดงได้สำเร็จ บนซับกระสุนต่างพากันร้องยินดี
ซวี่หมิงผู้เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาโดยตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนี้ตัวเองจะพ่ายแพ้ให้ศิลปินล้าสมัยคนหนึ่งท่ามกลางสายตาจับจ้องของประชาชนจริง เขาโกรธมาก หันกายเดินออกไปทันที
อยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร อู๋เจิ้งเฟยหน้าคล้ำเครียด รีบตามออกไป
ผลคือตอนที่เดินผ่านลั่วเฉิน ลั่วเฉินกลับเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา “คุณอู๋เหมือนว่าจะลืมอะไรไปนะ”
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ คิ้วพลันกระตุก ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นแกะน้อยโจมตีสักครั้ง
อู๋เจิ้งเฟยกัดฟัน เอ่ยขอโทษอย่างยิ้มเยาะ “ต้องขอโทษจริงๆ เลย ผู้จัดการเยี่ยมีฝีมือจริงๆ เมื่อกี้เป็นเพราะฉันมองผิดไป เพียงแต่ เฮอะๆ ภูเขาสูงแม่น้ำกว้าง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ในวงการบันเทิงแบบนี้ไม่ใช่อาศัยแค่ความหัวใสนิดหน่อยของนายแล้วจะอยู่ไปได้!”
พูดจบก็แค่นเสียงหยัน แล้วเดินสะบัดเท้าจากไป
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นคุยรายละเอียดความร่วมมือกับทีมผู้กำกับแล้ว ก็พาลั่วเฉินออกมาจากตึกออดิชัน
การทดสอบหน้ากล้องที่เตรียมตัวมายาวนานในที่สุดก็จบลงด้วยดี เยี่ยหวันหวั่นก็นับว่าโล่งใจได้สักที
กวงเย่ามีเดีย
หลังจากกลับมาถึงออฟฟิศแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มรีบเตรียมตัวเรื่องเซ็นต์สัญญาเข้าทีมแทนลั่วเฉิน
อีกอย่างทีมงานของลั่วเฉินก็เริ่มเตรียมตัวแล้ว
ครั้งก่อนหลังจากลงประกาศรับสมัครไป เนื่องจากเธอไปประเทศ B อยู่ช่วงหนึ่ง จึงทันได้แค่รับสมัครผู้ช่วยมาคนเดียว
“‘มังกรผงาด2’ เป็นละครเรื่องแรกที่นายทุ่มเทมา สิ่งสำคัญคืออะไรฉันมั่นใจว่าไม่ต้องให้พูดมากแล้ว ช่วงนี้เรื่องที่นายจำเป็นต้องทำมีเรื่องเดียว ตั้งใจเตรียมซ้อมบทละคร เรื่องอื่นๆ ทางฉัน…“
เยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน กำลังพูดอยู่กับลั่วเฉิน เวลานี้ก็มีเสียงเคาะประตูเร่งรีบดังขึ้น
“เชิญ”
ผู้ช่วยเสี่ยวชิงผลักประตูเข้ามาด้วยสีหน้าประหม่าตกใจ มองเยี่ยหวันหวั่นกับลั่วเฉินพลางเอ่ยอย่างรีบร้อน “พี่เยี่ยแย่แล้ว! เมื่อครู่กองถ่ายโทรมาแจ้งพวกเราว่า…”
“ว่าอะไร?” เยี่ยหวันหวั่นย่นหัวคิ้ว
“แจ้งว่าพระรองเปลี่ยนตัวเป็นคนอื่นแล้ว ไม่ใช่ลั่วเฉินแล้ว!”
“อะไรนะ?” เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ชะงักไปครู่ สีหน้าลั่วเฉินด้านข้างพลันซีดขาว
………………………………………………………..
[1] ตัดชุดวิวาห์ให้คนอื่น ภาษิตหมายถึง ตนเองลำบากมาแทบตาย สุดท้ายกลับต้องยกผลประโยชน์ให้คนอื่นไปเฉยๆ