บทที่ 390

บทที่ 390

แม่ทัพเปิงผู้นั้นเห็นคมดาบที่ใกล้เข้ามานั่นอย่างชัดเจน …แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบมัน !

คมดาบเข้าฟันที่สีข้างของแม่ทัพเปิงจนเขากรีดร้องออกมาแล้วร่วงจากหลังม้า

ยังไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่า จูนัวก็จัดการแม่ทัพเปิงได้แล้ว ทำให้กองทัพของจีหยิงได้รับกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก เช่นเดียวกับกลองสะบัดชัยที่ดังลั่นท้องฟ้า

ซ่งเทียนได้แต่ตะลึงกับภาพตรงหน้า เช่นเดียวกับพวกลูกน้องของเขาและพวกหนิงที่เพิ่งเห็นจูนัวสังหารแม่ทัพของเขาไปหมาด ๆ

“ซ่งเทียน เจ้าเฒ่ามากเล่ห์ ถ้าเจ้ายังไม่ยอมแพ้อีก นี่จะเป็นชะตากรรมของเจ้า !!!”

จูนัวชี้หอกที่มีศพของแม่ทัพเปิงห้อยอยู่ไปทางซ่งเทียนแล้วสะบัดไปมา

ชายแก่ที่ได้สติก็รีบบอกกับพวกของตนในทันที “มีใครอยากจะออกไปสู้อีกบ้าง ?”

พวกแม่ทัพต่างก็มองหน้ากันเองแล้วก้มหัวลงไม่พูดอะไร

เห็นแบบนั้นซ่งเทียนก็ได้แต่ขายหน้า อีกฝ่ายเป็นแค่ลูกน้องของจีหยิงแท้ ๆ แต่ฝั่งของพวกตนกลับไปไม่มีใครสักคนที่กล้าจะเผชิญหน้าเลย …นี่ช่างน่าผิดหวังยิ่ง !!

เขามองพวกองครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ

ชายชราไม่มีองครักษ์มากนัก มีเพียงแค่สามนายในตอนนี้ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอนัก และถือได้ว่ามีพลังที่เก่งกล้าเลยทีเดียว ซึ่งคนพวกนี้ แท้จริงก็คือพวกโรนินพวกนั้นนั่นเอง !!

อันที่จริงคนกลุ่มนี้มีด้วยกัน 4 คนในตอนแรก นั่นก็คือ ซุยหยุนเจียน โปเจียน เฟิงเจียน กับฮัวหยาน ทว่าหนึ่งในนั้นก็ได้จากไปแล้วในการปกป้องเมืองหยาน

ซ่งเทียนไม่สามารถคาดหวังในลูกน้องของเขาได้อีกต่อไปแล้ว เขาสามารถหวังได้จากสามองครักษ์นี้เท่านั้น “ท่านทั้งสาม ตอนนี้ศัตรูมันเก่งกาจมาก ข้าคงต้องหวังพึ่งพวกท่านแล้ว”

ในสายตาของพวกเขา จูนัวไม่ใช่ตัวอันตรายเลย แต่ทั้งสามก็ไม่อยากจะต่อสู้ทั้งแบบนี้ ดังนั้นจึงเป็นเฟิงเจียนที่ประกบมือแล้วพูดออกมา “ฝ่าบาท หน้าที่ของพวกเราคือปกป้องท่านเท่านั้น การให้ไปจัดการศัตรูแบบนี้ไม่ใช่งานของเรา”

ซ่งเทียนอับอายอีกครั้งและสิ้นหวังมากกว่าเดิม เขาต้องเสียเงินมากมายเพื่อไปดึงตัวพวกเขามาจากกลุ่มทหารรับจ้าง แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่หวัง

ทันใดนั้นหนึ่งในพวกหนิงก็พลันกู่ร้องออกมาแล้วควบม้าวิ่งนำมาอยู่ข้างหน้าซ่งเทียน

เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก จ้านอู่ตี้ !!!

จ้านอู่ตี้ควบม้าวิ่งเข้ามาเผชิญหน้ากับจูนัวแล้วตะโกนออกมา “เจ้าสารเลว เจ้าจะต้องตายด้วยดาบของข้าเท่านั้น !” จากนั้นเขาก็ฟาดดาบเข้าใส่จูนัว

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจแค่ไหนจูนัวก็ไม่หวั่นเกรง เขายกหอกขึ้นมาป้องกันไว้ทันที

เคร้ง !

ดาบของจ้านอู่ตี้ผ่าลงใส่หอกของจูนัวอย่างแรงกล้า ทำให้จูนัวสัมผัสได้ถึงแรงกดทับอันมหาศาลที่โถมลงมาทำให้เกราะของเขาเริ่มแตกร้าว

…นั่นเป็นเพราะว่าจ้านอู่ตี้ได้สู้กับจ้านหูมานานเกินไปจนพลังของเขาพัฒนาขึ้นมาถึงระดับคอขวดแล้วนั่นเอง !!!

จูนัวสบถในใจ แต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไรเขาก็ถูกจ้านอู่ตี้ใช้ดาบฟันเข้าที่ลำคอ

ดาบเล่มสีม่วงเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วจนเกิดสายฟ้าสีม่วงออกมาตามรูปลักษณ์ของมัน

จูนัวที่เห็นแบบนั้นจึงไม่กล้าเสี่ยง เร่งเอียงตัวหลบออกไปทางด้านข้าง

วู่บ !

ดาบของจ้านอู่ตี้เฉียดปลายจมูกของจูนัวไป ทำให้เขาเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจากในใจ

ทว่าถึงจะพลาดเป้า หากแต่จ้านอู่ตี้ก็ยังไม่ลดละความพยายาม เขาเปลี่ยนการโจมตีเป็นการแทงปลายดาบเข้ามาที่ร่างของจูนัวด้วยความรวดเร็วจนไม่คิดว่าจะหลบได้แทน !!!

ฉึก !

โชคยังดีที่ปลายดาบของจ้านอู่ตี้แทงไม่ลึกนัก มันเข้าไปถึงเพียงแค่ซี่โครงซ้ายของจูนัวพร้อมกับเกราะที่แตกออกเท่านั้น

“อ๊าก !” จูนัวร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วกัดฟันถอยร่นออกมาจนปลายดาบถูกดึงออกไป จากนั้นเขาก็จึงใช้ออกด้วยวิชายุทธ์ของตน ทำการเรียกหนามปราณออกมา

ด้วยความต่างชั้นของพลัง ทำให้จ้านอู่ตี้ไม่เกรงกลัวอะไรเลย กลับกันเขาทำแค่เหวี่ยงดาบออกไปเท่านั้น พวกหนามปราณก็พลันถูกบดขยี้ไปในทันที แถมยังมีคลื่นปราณเหลืออยู่พุ่งเข้าใส่จูนัวด้วย

จูนัวตะลึงด้วยเห็นคลื่นดาบที่กำลังพุ่งเข้ามา ซึ่งมันก็รวดเร็วเสียจนทำให้เขาไม่สามารถหลบได้ทันการ จึงได้แต่กัดฟันแน่นพลางใช้พลังยุทธ์อีกครั้ง

ทว่า คลื่นปราณของจ้านอู่ตี้ก็ไม่ได้มีแค่อันเดียว แต่กลับมีเป็นพันอัน !!

เพียงพริบตาคลื่นปราณมากมายก็ตัดผ่าร่างของเขาจนทำให้เกิดบาดแผลลึกและเกราะที่แตกกระจายออกไป

ร่างของจูนัวเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลท่วมออกมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งคลื่นปราณมันก็ไม่ใช่แค่ทำร้ายเขาเท่านั้น ด้วยมันยังทำให้ม้าของเขาได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังถอยหนี จ้านอู่ตี้ก็ควบม้าตามไป “เจ้าจะหนีไปไหน ?!”

จูนัวสติเริ่มเลือนราง เขาได้แต่เกาะอยู่บนหลังม้าที่วิ่งกลับไปยังฝั่งตน

สถานการณ์เริ่มเลวร้ายมากขึ้น จีหยิงที่หวาดกลัวจากใจจริงจึงได้ออกคำสั่งให้พวกทหารเข้าไปช่วยจูนัวทันที

พวกแม่ทัพทั้งหลายของกองทัพจีหยิงก็พากันวิ่งออกมาช่วยจูนัวเอาไว้ ในขณะที่บางส่วนก็ใช้ธนูยิงคุมเชิงจากด้านนอก

ฝูงธนูพุ่งออกไปมากมายเข้าใส่จ้านอู่ตี้อย่างน่ากลัว

ถ้ามากขนาดนี้ …ต่อให้จ้านอู่ตี้จะเก่งกาจแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้ ดังนั้นเขาจึงรีบถอยตัวกลับออกมา

เมื่อมองไปก็เห็นว่าจูนัวกำลังหนีกลับเข้าไปยังค่ายของพวกเฟิง เขาก็จึงเลิกล้มการติดตามอย่างแท้จริง และทำการยกชูชี้ดาบออกไปยังอีกฝ่าย “ใครที่ไม่กลัวตายก็เข้ามา !”

พร้อมกันนั้นทั้งกองทัพของจีหยิงก็พลันตกอยู่ในความเงียบงันจนกระทั่งมีชายคนหนึ่งเข้ามาพูดกับจีหยิง “ท่านแม่ทัพ ให้ข้าไปสู้กับเขาเถอะ !”

หลายคนอาจจะไม่เคยเจอหน้าจ้านอู่ตี้มาก่อน แต่สำหรับจีหยิง เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอะไร ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวด้วยไม่คิดอยากจะให้ใครออกไปเสี่ยงตายทั้งนั้น “ห้ามออกไปเด็ดขาด ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนข้าจะลงโทษมัน !”

ประโยคเดียวทำให้พวกทหารเงียบกริบ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของจูนัว

อีกฝ่ายสลบไปแล้วด้วยพิษบาดแผล และเพราะเสียเลือดไปมาก จูนัวจึงมีใบหน้าที่ขาวซีด เช่นเดียวกับพลังปราณที่แทบจะหมดกายจนเกือบตายอย่างที่เห็น

จีหยิงมองไปรอบ ๆ แล้วตะโกน “ไปเรียกเสนารักษ์มา !”

“เดี๋ยวเขาก็มาแล้วท่านแม่ทัพ”

จีหยิงกัดฟันกรอด ด้วยแม้ว่าตนจะไม่สนิทกับจูนัวมากนัก แต่อีกฝ่ายก็ถือได้ว่าเป็นแม่ทัพคนสนิทของถังหยิน ถ้าหากว่าตายไป จีหยิงคงไม่มีทางอธิบายให้ถังหยินได้แน่ “ไม่ว่าจะอะไรก็ต้องรักษาเขาให้ได้ !”

หลังจากจัดการเรื่องตรงนี้ จีหยิงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก เขาออกคำสั่งเสียเสร็จสรรพ ก่อนที่จะรีบควบม้าออกไปยังด้านหน้ากองทัพของตัวเองทันที