ตอนที่ 8 ความแข็งแกร่งของอสูร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 8

ความแข็งแกร่งของอสูร

 

“ทองแดง? ระดับ 3?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วอย่างสงสัย อะไรคือทองแดงระดับ 3 กัน แร่งั้นเหรอ ใช่ก้อนแร่ที่หาได้จากสันเขาทองคำหรือไม่?

“มันเป็นคำที่ใช้แบ่งระดับความเข้มข้นของพลังอสูรขอรับนายน้อย”หมีคิ้วขาวพูดพลางสัมผัสที่ท้องตนเองอีกครั้ง

“ตอนนี้นายน้อยอยู่ในระดับแรกเริ่ม ซึ่งก็คือระดับทองแดงขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็ยังไม่หายสงสัย มันเอียงคอเล็กน้อยราวกับยังไม่เข้าใจ

“อสูรอย่างพวกเราแบ่งย่อยได้เป็น ทองแดง เงิน ทอง หยก หยกขาว ตำนาน มายา และ อสูรบรรพกาลขอรับ”หมีคิ้วขาวอธิบายพลางหัวเราะกับความน่าเอ็นดูของนายน้อย

“แล้วขั้น 3 ละ มันหมายความว่ายังไง”ไป๋จูเหวินถามอย่างสนอกสนใจ

“ในแต่ละชั้นของอสูร เราแบ่งย่อยเป็น 10 ขั้นขอรับนายน้อย”หมีคิ้วขาวว่าพลางกางมือของมันออกราวกับจะชู 10 นิ้วให้นายน้อยมันดู

“แล้วน้าหมีอยู่ขั้นไหนละ”ไป๋จูเหวินถามด้วยความสงสัย แม้หมีคิ้วขาวตนนี้จะอ่อนแอที่สุดในป่าวัฒนะ หากไม่นับพวกลูกอสูร แต่กำลังของไป๋จูเหวินก็ทำร้ายหมีคิ้วขาวไม่ได้แม้แต่น้อย

“บ่าวอยู่ระดับ เงิน ขั้น 10 ขอรับอีกเพียงเล็กน้อยก็จะขึ้นระดับ ทอง แล้ว”หมีคิ้วขาวตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน การเลื่อนระดับของอสูรไม่เหมือนการฝึกพลังวิญญาณของมนุษย์ พวกมันสะสมพลังของตนเองไปเรื่อยๆเพราะมีช่วงชีวิตที่ยาวนาน กว่าหมีคิ้วขาวจะขึ้นมาระดับ เงิน ขั้น 10 เช่นนี้ก็ใช้เวลากว่า 1,000 ปีทีเดียว

“แล้วพวกน้ามังกร น้าพยัคฆ์ น้าราชสีห์ น้าจิ้งจอก น้าไก่ฟ้าละ”ไป๋จูเหวินไล่ถามอย่างสนใจ มันรู้แต่ว่าน้าๆทั้งหลายปกครองป่าแต่ละเขต แต่ไม่เคยรู้เลยว่าน้าๆของพวกมันแข็งแกร่งขนาดไหน

“เรื่องนั้น…เพราะพลังของบ่าวมีน้อยเกินไปจึงไม่สามารถทราบระดับของพวกท่านราชาได้ ต้องขออภัยด้วย”หมีคิ้วขาวตอบพลางก้มหัวลงอย่างจนใจ ในเรื่องนี้ทั้งมนุษย์และอสูรต่างก็เป็นเหมือนกัน ผู้มีพลังด้อยกว่าจะไม่สามารถตรวจสอบพลังของผู้แข็งแกร่งกว่าได้ พวกมันรู้แต่เพียงว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเองเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเท่าใด

“งั้นคงต้องไปถามน้าๆเอาเองสินะ”ไป๋จูเหวินถอนหายใจพลางลุกขึ้นยืน แก่นอสูรของมันผลิตพลังอสูรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงได้นั่งครู่หนึ่งพลังที่ใช้ออกไป 2 หมัดเมื่อครู่ก็ฟื้นกลับมาแล้ว

“เป็นไงบ้างหมีคิ้วขาว สอนพื้นฐานให้จูเอ๋อเสร็จหรือยัง”หลังจากทดลองต่อยเตะอีกนิดหน่อย พยัคฆ์อัสนีก็เป็นผู้เดินทางมารับไป๋จูเหวินด้วยตนเอง หลังจากอสูรแมงมุมจากไป เหล่าราชาทั้ง 5 ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของอสูรแมงมุมอีกแล้ว แต่พวกมันกลับชินกับการเลี้ยงดูไปจูเหวินและชินกับความสนิทสนมที่เป็นอยู่ตอนนี้ไปเสียแล้ว พวกมันเลยยังคงจะสอนไป๋จูเหวินต่อไป ยิ่งไป๋จูเหวินได้แก่นอสูรในร่างมาแล้ว พวกมันก็มีอะไรสอนให้ไป๋จูเหวินอีกมากมายทีเดียว

“เสร็จแล้วขอรับ นายน้อยหัวไวสามารถเรียนรู้การใช้พลังอสูรได้ทันทีขอรับ”หมีคิ้วขาวตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่ก่อนราชาทั้ง 5 น่าเกรงขามอย่างมาก แม้ตอนนี้จะสงบสุขขึ้นเพราะทุกคนแย่งกันเลี้ยงดูนายน้อย ทำให้ป่าทั้ง 5 เขตแดนเป็นมิตรกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นเมื่อก่อนการที่พยัคฆ์อัสนีเข้ามาในป่าวัฒนะแบบนี้คงเกิดการปะทะของ 2 ราชาระหว่างพยัคฆ์อัสนีกับมังกรธรณีเป็นแน่

“ทำได้ดีมาก เอาไว้ข้าจะบอกราชาของเจ้าเอง”พยัคฆ์อัสนีพูดจบก็บอกให้ไป๋จูเหวินขึ้นหลังของมัน มันอยากสอนวิชาอสูรให้เต็มแก่แล้ว

“ท่านน้า”ไปจูเหวินเรียกพยัคฆ์อัสนีหลังจากเดินทางออกมาพักหนึ่ง

“มีอะไรหรือจูเอ๋อ”พยัคฆ์อัสนีลดความเร็วลงหลังจากถูกจูเอ๋อเรียกเอาไว้

“ข้าได้เรียนเรื่องระดับขั้นของอสูร พวกท่านน้าอยู่ขั้นไหนกันเหรอขอรับ”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าทีสนใจ

“ขั้น….ข้าก็จำไม่ได้แล้วสิ”พยัคฆ์อัสนีตอบพลางส่ายหัวไปมา มันจำไม่ได้แล้วว่ามันค้างอยู่ขั้นไหน เพราะระดับขั้นของพวกมันทั้ง 5 ค้างเติ่งมานานมากแล้ว หากจำไม่ผิดพวกมันน่าจะอยู่ในระดับอสูร มายา ขั้น 10 หรืออะไรนี่ละ พวกมันค้างอยู่แบบนี้มานานหลายพันปีจนไม่ได้จำแล้ว

“แล้ว ท่านน้าคนไหนเก่งที่สุดละขอรับ”เหมือนคำถามของไป๋จูเหวินจี้จุดพอดีทำให้ความเร็วของพยัคฆ์อัสนีชะลอลงเล็กน้อย

“แน่นอนว่าต้องเป็นน้าพยัคฆ์ของเจ้านะสิ”พยัคฆ์อัสนีพูดจบก็เร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อย ตั้งแต่ไป๋จูเหวินได้แก่นอสูรมา มันก็ทนความเร็วของพยัคฆ์อัสนีได้มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าทีเดียว

แม้จะไม่ได้บอกน้าของมัน แต่ไป๋จูเอ๋อรู้สึกว่าความเร็วของพยัคฆ์อัสนีช้าลงมากจากความทรงจำที่มันจำได้ ทิวทัศน์รอบข้างควรจะผ่านไปไวกว่านี้ แต่เพราะมันผ่านมา 2 ปีแล้วมันอาจจะจำผิดก็ได้ ไป๋จูเหวินเลยไม่ได้ทักท้วงอะไรน้าของมัน…..

“หะ! ไอ้เจ้าเสือนั่นมันบอกอย่างนั้นเหรอ”มังกรธรณีพูดพลางกำก้านสมุนไพรแน่น

“จูเอ๋อ เจ้ารู้ไว้ว่าน้ามังกรของเจ้าใช้แค่เท้าเดียวก็เหยียบเจ้าเสือนั่นแบนติดดินแล้ว น้ามังกรต่างหากที่แข็งแกร่งที่สุด”หลังจากกลับมาเรียนกับมังกรธรณี ไป๋จูเหวินก็บอกเรื่องที่พยัคฆ์อัสนีพูดเช่นนั้นให้น้ามังกรของตนฟัง น่าเสียดายที่น้ามังกรก็ไม่ได้สนใจว่าตนเองอยู่ชั้นไหนของเหล่าอสูรกันแน่………….

“เหลวไหล ลองเจ้ามังกรเหยียบลงมาบนตัวข้าดูสิ ความร้อนของข้าจะทำให้เท้ามันไหม้เกรียมเอง”น้าราชสีห์เพลิงว่าพลางคำรามออกมาอย่างดุดัน ทั้ง 5 ไม่มีใครยอมใครเลยแม้แต่คนเดียว…….

“ไฟของเจ้าแมวนั่นนะเหรอ ทำอะไรไอเย็นของน้าจิ้งจอกไม่ได้หรอก คอยดูนะ น้าจะแช่แข็งทุกตัวที่เข้ามาในเขตแดนของน้าให้หมด”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางกัดฟันแน่น นางยังแค้นใจตอนที่พวกมันจับตัวนางไปอยู่เลย ถ้าพวกมันเข้ามาทีละตัว นางจะแก้แค้นคืนให้อย่างแน่นอน….

“แช่แข็ง นางจิ้งจอกนั่นเพ้อฝันอยู่หรือไง พวกมันทุกตัวบินได้อย่างน้าไก่ฟ้าของเจ้าหรือ หากสู้กันจริงไม่มีใครทำอะไรน้าของเจ้าได้แน่นอน”ไก่ฟ้าหงอนทองหัวเราะจนพุงของมันสั่น ไม่ว่าไป๋จูเหวินจะถามน้าคนไหน ทุกคนก็จะตอบเหมือนกันหมดว่าตนแข็งแกร่งที่สุด ทำให้มันได้แต่ถอนหายใจพลางเล่าเรียนวิชาของน้าแต่ละคนไปตามเคย

ตั้งแต่ไป๋จูเหวินได้รับแก่นอสูรมา เหล่าน้าของมันก็เปลี่ยนวิธีการสอนไปมาก จากตอนแรกพวกมันจะสอนแต่ความรู้เท่านั้น ตอนนี้มันให้ไป๋จูเหวินได้ทดลองเองด้วย

การเรียนกับพยัคฆ์อัสนีเป็นการเรียนวิธีต่อสู้กับสัตว์อสูรรูปร่างต่างๆ แต่เพราะกระบวนท่าของเหล่าอสูรทั้ง 5 ไม่สามารถใช้กับร่างมนุษย์ได้ พวกมันเลยถ่ายทอดกระบวนท่าให้ไป๋จูเหวินไม่ได้สักตน สุดท้ายแล้วพยัคฆ์อัสนีจึงแอบคิดกระบวนท่าสำหรับร่างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อจะสอนจูเอ๋อ

ทางด้านมังกรธรณี เพราะไป๋จูเหวินเรียนรู้การดูแลสมุนไพรของมันไปจนหมดเปลือกแล้ว มันเลยมุ้งเน้นคิดค้นการสร้างยาให้แก่นอสูรของไป๋จูเหวินพัฒนาให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่เดิมมันกินดื่มของล้ำค้ามาตลอด ร่างกายของมันจึงพัฒนาได้ไวกว่าคนปกติมากทีเดียว การเรียนกับน้ามังกรจึงแทบจะเป็นการดื่มยาและแช่ตัวในบ่อสมุนไรเสียส่วนใหญ่

ส่วนราชสีห์เพลิง มันสอนเคล็ดการหลอมยาไปแล้ว แต่มันไม่ได้สอนการหลอมด้วยพลังอสูร แม้ไป๋จูเหวินจะยังไม่ได้แบ่งธาตุว่าแก่นอสูรของมันธาตุอะไร แต่มันก็สามารถควบคุมไฟภายนอกได้ด้วยพลังอสูรของมัน แม้จะยากกว่าผู้มีแก่นอสูรธาตุไฟแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สุดท้ายยาที่มังกรธรณีคิดค้นราชสีห์เพลิงก็เป็นคนสอนไป๋จูเหวินหลอมมันขึ้นมาอีกทีนั่นเอง

กว่าจะได้มาฝึกกับจิ้งจอกเหมันต์ พลังอสูรในร่างไป๋จูเหวินแห้งเหือดจากการหลอมโอสถมาทุกครั้ง ทำให้จิ้งจอกเหมันต์ต้องคอยดูแลและสั่งสอนเรื่องการฟื้นพลังและรักษาสมดุลของพลังอสูรให้แก่ไป๋จูเหวิน ทำเอานางบ่นใส่ราชสีห์เพลิงได้ทุกรอบที่ส่งตัวไป๋จูเหวินมาหานาง

ส่วนทางด้านไก่ฟ้าหงอนทอง มันยังคงสอนเกี่ยวกับวัตถุต่างเช่นเดิม แต่คราวนี้มันสอนไป๋จูเหวินใช้พลังอสูรในการตรวจสอบว่าวัตถุไหนมีคุณค่าหรือไม่มี เรียกได้ว่าต่อให้มีของล้ำค่าตกอยู่บนพื้นโดยไม่มีใครสนใจ ไป๋จูเหวินจะต้องเป็นคนที่เห็นและเก็บมันขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากจบจากการสอนของไก่ฟ้าหงอนทอง ไป๋จูเหวินจะไปพักภายในถ้ำของอสูรแมงมุม 2 วันเช่นเดียวกับตอนที่อสูรแมงมุมยังอยู่ ตอนแรกพวกน้าของมันพยายามจะให้ไป๋จูเหวินไปเรียนต่อเลยเพราะไม่อยากให้ไป๋จูเหวินไปอยู่ในถ้ำของอสูรแมงมุม ไม่ใช่เพราะพวกมันอยากบังคับให้ไป๋จูเหวินเรียนรู้ไวๆ แต่เพราะกลัวสภาพจิตใจของมันจะย่ำแย่

แต่สุดท้ายพวกมันก็ห้ามไป๋จูเหวินไม่ได้ เพราะอย่างไรรังของอสูรแมงมุมก็เป็นบ้านของไป๋จูเหวินเช่นกัน จนแล้วจนรอดวันพักผ่อน 2 วันนี้ก็กลายเป็นวันที่เหล่าราชาทั้ง 5 จะมารวมตัวกันในรังของอสูรแมงมุมและอยู่ด้วยกันกับไป๋จูเหวินอย่างพร้อมหน้า