ตอนที่ 9 แดนมนุษย์

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 9

แดนมนุษย์

 

“ท่านน้า…”ขณะไป๋จูเหวินกับมังกรธรณีนั่งอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ในยามบ่าย ไป๋จูเหวินก็เอ่ยเรียกท่านน้าของมันด้วยท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“แดนมนุษย์เป็นสถานที่แบบไหนเหรอครับ”ไป๋จูเหวินถามอย่างเรียบง่ายอย่างยิ่ง แต่กลับทำให้ม้วนตำราในมือมังกรธรณีหยุดชะงักไปทันที

“ทำไมเจ้าถึงอยากรู้ละ”มังกรธรณีถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด บัดนี้ไป๋จูเหวินอายุได้ 17 ปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มเต็มตัว แวบแรกที่มันได้ยินคำถามจากปากเด็กหนุ่มมังกรธรณีกลับลอบกังวลว่ามันจะอยากไปจากพวกน้าๆแล้วไปยังแดนมนุษย์หรือไม่

“ข้าเห็นท่านชอบให้พวกอสูรลิงลูกท้อไปหาข้อมูลจากแดนมนุษย์บ่อยๆ ข้าก็เลยสงสัย”ไป๋จูเหวินถามด้วยใบหน้าใสซื่อ ทำให้มังกรธรณีโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่หลังจากอธิบายให้ไป๋จูเหวินฟังแล้ว มังกรธรณีกลับเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง จริงอยู่ที่จูเอ๋อเป็นเหมือนหลานของพวกมัน หากอยู่ที่แดนอสูรแห่งนี้ย่อมสามารถหาความสุขได้ไม่ยาก เพราะมันก็ไม่ต่างจากองค์ชายในเขตอสูรเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่จูเอ๋อจะได้เพียงความสุขในฐานะอสูร แต่กลับไม่ได้ความสุขในฐานะมนุษย์ หากพูดตามตรงตั้งแต่มันเกิดมายังไม่เคยพบเจอมนุษย์คนอื่นเลยกระมัง

.

.

“พวกเจ้าคิดว่าไง”ในวันพักผ่อนของจูเอ๋อ เหล่าราชาทั้ง 5 ต่างมารวมตัวกันที่ถ้ำแมงมุมของอสูรแมงมุมอย่างพร้อมเพรียง มังกรธรณีจึงเอ่ยปากเรียกพวกมันอีก 4 ตนไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องของจูเอ๋อ

“…ไร้สาระ จูเอ๋ออยู่กับพวกเรามีความสุขอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปแดนมนุษย์หรอก”จิ้งจอกเหมันต์เป็นคนแรกที่โวยขึ้นมากลางวง พวกมันทุกตนรวมทั้งมังกรธรณีรักจูเอ๋อปานดวงใจ พวกมันไม่อยากให้จูเอ๋อจากพวกมันไปอยู่แล้ว แต่หากเก็บจูเอ๋อเอาไว้ก็ไม่ต่างจากเลี้ยงมนุษย์เอาไว้ดูเล่นนะสิ

“แดนมนุษย์มีอะไรน่าสนใจ หากอยากให้จูเอ๋ออยู่ในสังคมมนุษย์ข้าจะสั่งให้อสูรทุกตนในป่าจำแลงเป็นมนุษย์ให้หมดในวันพรุ่งนี้เลย”พยัคฆ์อัสนีคำรามพร้อมตบโต๊ะเสียงดังสนั่น

“จูเอ๋อพึ่งจะบ่มเพาะแก่นอสูรถึงขั้น เงิน ระดับ 5 เท่านั้น เขายังไม่พร้อมหรอก”ราชสีห์เพลิงหลบตาพลางหาข้ออ้างไม่ให้ปล่อยจูเอ๋อไป

“ใช่ แล้วมนุษย์จะยอมรับมนุษย์ที่มีแก่นอสูรในร่างหรือไง”ไก่ฟ้าหงอนทองถามพลางลุกขึ้นยืนอีกคน หลังจากนั้นพวกมันทั้ง 4 ต่างสรรหาเหตุผลนับร้อยมาขัดแย้งข้อเสนอของมังกรธรณี ซึ่งมังกรธรณีก็ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา มันเพียงนิ่งเงียบและฟังเหตุผลมากมายที่ทั้ง 4 คิดออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เหตุผลเหล่านี้มันก็คิดขึ้นมาค้านตนเองแล้ว แต่มันก็ไม่อาจมองข้ามสิ่งหนึ่งไปได้ นั่นคือจูเอ๋อเป็นมนุษย์

“พรุ่งนี้ข้าจะมาถามพวกเจ้าอีกที”มังกรธรณีลุกขึ้นยืนโดยไม่เถียงแม้แต่คำเดียว มันเพียงหันหลังแล้วเดินออกไปเท่านั้น มันได้วางระเบิดลูกใหญ่ลงไปในจิตใจของราชาทั้ง 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

“อยู่ๆเจ้ามังกรนั่นเป็นบ้าอะไร ถึงอยากให้จูเอ๋อออกจากเขตอสูรไปเมืองมนุษย์”พยัคฆ์อัสนีบ่นพลางส่งเสียงลอดไรฟันอย่างไม่พอใจ

“ข้าจะไปหาจูเอ๋อแล้ว ปล่อยเรื่องไร้สาระนี่ไปเถอะ”จิ้งจอกเหมันต์พูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล ก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำของอสูรแมงมุมที่จูเอ๋อนอนหลับอยู่

“มีอะไรกันเหรอครับท่านน้า ข้าได้ยินเสียงดังมาจากหน้าถ้ำ”ทันทีที่จิ้งจอกเหมันต์เข้ามาในถ้ำ ไป๋จูเหวินที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโหวกเหวกเมื่อครู่ก็มายืนรอพวกมันที่หน้าทางเข้าพอดี

“ไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่ทะเลาะกันตามปกตินั่นละ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเดินเข้าไปโอบกอดไป๋จูเหวินอย่างรักใคร่ แม้ไม่รู้ว่าความสามารถทำให้อสูรหลงใหลมาจากไหน แต่กับจิ้งจอกเหมันต์ที่เป็นอสูรเพศเมียย่อมได้รับผลกระทบจากพลังดังกล่าวอย่างรุนแรงที่สุดในบรรดาน้าๆทั้งหลาย หากไม่ใช่ว่าไป๋จูเหวินเป็นมนุษย์แถมยังเรียกมันไม่ขาดปากว่าท่านน้า มันอาจจะพาจูเอ๋อไปครองคู่บนเทือกเขาเหมันต์แทนที่จะเป็นน้าหลานกันแบบนี้ก็ได้….

“เป็นอะไรไปเหรอครับท่านน้า”ไป๋จูเหวินเห็นจิ้งจอกเหมันต์กอดมันไม่ยอมปล่อย มันเลยถามออกมา แต่จิ้งจอกเหมันต์กลับไม่ยอมปล่อยไป๋จูเหวินออกจากอ้อมกอดเพราะไม่อยากให้หลานชายเห็นใบหน้าหมองคล้ำของตนเอง เหตุผลที่นางไม่อาจคิดเกินเลยกับจูเอ๋อได้เพราะเขาเป็นมนุษย์…

แล้วหากจูเอ๋ออยู่ในแดนอสูรแห่งนี้ต่อไป ช่วงชีวิตของมันจะเจอกับผู้จะคลองคู่ด้วยกันหรือไม่ ในเมื่อมันเป็นมนุษย์คนเดียวในเขตอสูร การจะหาคู่คลองก็ต้องเป็นมนุษย์แล้วจะหาหญิงสาวเผ่ามนุษย์ได้ที่ไหนมันก็ต้องเป็นแดนมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย อยู่ๆความคิดของมังกรธรณีก็แล่นเข้ามาในสมองของจิ้งจอกเหมันต์ พริบตานั้นความรู้สึกกังวลก็แล่นเข้ามาในใจของนาง นี่พวกนางกำลังทำตัวเป็นพ่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยลูกออกไปเผชิญโลกภายนอกอยู่หรือไม่

“จูเอ๋อ ไปเดินเล่นกันไหม”เห็นจิ้งจอกเหมันต์เอาแต่กอดจูเอ๋อไม่ยอมปล่อย พยัคฆ์อัสนีเลยส่งเสียงเรียกให้นางรู้เสียทีว่าที่นี่ไม่ได้มีมันกับจูเอ๋อแค่ 2 คน

“ครับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางออกจากอ้อมกอดของจิ้งจอกเหมันต์ มันเดินตามพยัคฆ์อัสนีออกไปที่หน้าถ้ำ พลางวิ่งออกไปด้วยขาของมันเอง บัดนี้ความเร็วของมันไม่ได้เหมือนมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ขอแค่พยัคฆ์อัสนีไม่เร่งความเร็วเกินไปมันก็สามารถตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น

“ท่านน้าพยัคฆ์ ทำไมถึงออกมาเดินเล่นยามดึกดื่นเช่นนี้ละครับ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองน้าพยัคฆ์ของมันด้วยความสงสัย

“อืม…ช่างมันเถอะน้าจะพาเจ้าไปที่สวยๆละกัน”พยัคฆ์อัสนีพูดด้วยท่าทีอารมเสีย มันแค่สลัดเรื่องของแดนมนุษย์ออกไปจากหัวไม่ได้เท่านั้น มันเลยอยากออกมาเดินเล่นเสียหน่อย มันก็เลยชวนจูเอ๋อออกมา

“จะไปไหนเหรอครับ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองน้าพยัคฆ์ของมันอย่างประหลาดใจ ปกติน้าพยัคฆ์ของมันไม่เคยแสดงท่าทีเครียดแบบนี้ออกมาเลยนับตั้งแต่ตอนที่มันกลืนแก่นอสูรของมารดาเข้าไป

“….”พยัคฆ์อัสนีนิ่งเงียบไปโดยไม่ได้ตอบคำถามของไป๋จูเหวิน มันพยายามนึกถึงสถานที่ๆมันไม่เคยพาไป๋จูเหวินไปเที่ยวเล่น แต่กลับคิดสถานที่ในแดนอสูรแห่งนี้ไม่ออกเลยสักที่ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันพาจูเอ๋อท่องเที่ยวไปทั่วดินแดน ไม่ว่าจะเขตของมันหรือราชาตนอื่น แต่แดนอสูรแห่งนี้กลับไม่เหลือที่น่าสนใจให้พาจูเอ๋อไปเที่ยวเสียแล้ว

“เอาเถอะ ชมดาวตรงนี้ก็พอ”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางนั่งลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว

“ท่านน้า ที่นี่ยังอยู่ในเขตผาไร้ก้นนะครับ มองไม่เห็นท้องฟ้าหรอก”ไป๋จูเหวินท้วงพลางมองขึ้นไปด้านบน นอกจากแสงเท่าเส้นด้ายที่เป็นขอบผาแล้ว ภายในเขตผาไร้ก้นไม่มีที่ได้สามารถเรียกได้ว่าชมดาวเลยแม้แต่ที่เดียว

“…..เอ่อขึ้นหลังน้ามา”พยัคฆ์อัสนีหน้าแตกดังเพล้งก่อนจะพาจูเอ๋อขึ้นหลังแล้วขึ้นไปบนภูเขาแห่งหนึ่งเพื่อชมดาวกับหลานชาย

“จูเอ๋อ”พยัคฆ์อัสนีพูดหลังจากแปลงกายกลับมาเป็นมนุษย์แล้ว

“ครับ”ไป๋จูเหวินขานรับขณะมองดวงดาวบนท้องฟ้า มันมองดาวได้จากทุกที่ยกเว้นภายในเขตผาไร้ก้น ไม่ว่าจะคืนใดก็สามารถมองเห็นดาวเต็มผืนฟ้าได้เสมอหากไม่มีเมฆบังละก็…

“เจ้าอยากไปแดนมนุษย์หรือไม่”แน่นอนว่าในหัวของพยัคฆ์อัสนีย่อมมีเรื่องตีกันมากมายหลังจากมังกรธรณีถามคำถามบ้าๆนั่นออกมา แต่มันก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ สุดท้ายมันเลยเลือกที่จะถามจูเอ๋อตรงๆเสียเลย

“…..”ไป๋จูเหวินไม่ได้ตอบ มันอายุ 17 แล้วไม่ใช่จะไม่เข้าใจความอะไรเลย ในวันที่มันถามมังกรธรณีมันก็ไม่ได้แค่สงสัยว่าแดนมนุษย์เป็นอย่างไรตามที่มันพูดจริงๆ ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันเริ่มคิดสงสัยว่าแดนมนุษย์เป็นอย่างไร และหากเป็นไปได้มันก็อยากจะไปเช่นกัน

“ครับ…ข้าอยากไป”ไป๋จูเหวินตอบโดยไม่หันไปมองพยัคฆ์อัสนี มันไม่อยากทิ้งน้าๆของมันไปเช่นกัน แต่มันก็อยากรู้เช่นกันว่าแดนมนุษย์เป็นเช่นไร

“อืม…”พยัคฆ์อัสนีตอบรับเสียงเบา มันทั้ง 2 ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นเพียงชมเชยดวงดาวอย่างเงียบงันไร้เสียงใดรบกวน

.

.

“ข้าจะถามพวกเจ้าอีกครั้ง”ในวันต่อมา มังกรธรณีก็เรียกพวกมันทั้ง 4 มารวมกันอีกรอบ เพียงแต่คราวนี้ท่าทีฉุนเฉียวของพวกมันหายไปราวกับทั้งคืนที่ผ่านมาพวกมันได้ครุ่นคิดมาอย่างหนักแล้ว พวกมันทุกตนต่างรักจูเอ๋อ และเมื่อได้คิดถึงผลที่จะตามมา คำตอบที่พวกมันได้ก็ล้วนไปทางเดียวกัน

“เขาเป็นมนุษย์”พยัคฆ์อัสนีที่มีท่าทีต่อต้านที่สุดพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเชื่องช้า คำเพียงคำเดียวที่พูดออกมาราวกับเอาไม้ฟาดใส่ใบหน้าหม่นหมองของราชาทั้ง 3 อย่างจัง ทำให้พวกมันไม่มีสิ่งใดจะเอื้อนเอ่ยออกมาเลยแม่แต่คำเดียว พวกมันล้วนอยากให้จูเอ๋อมีความสุขในฐานะมนุษย์ทั้งสิ้น