บทที่ 298 การโจมตีที่ไม่สามารถทำลายได้
บทที่ 298 การโจมตีที่ไม่สามารถทำลายได้
บนสนามประลอง ออร่าจากดาบพุ่งกระจายไปทั่ว ซีเหมินชุยเสวียตวัดดาบอย่างรวดเร็วและเฉียบคม ดาบยาวเล่มเดิมเคลื่อนไหวเร็วจนกลายเป็นเงาและพริ้วไหวประดุจสายป่าน เพียงพริบตาเดียวรอบ ๆ ตัวเซียวเฟิงก็ราวกับถูกห้อมล้อมไว้ด้วยดาบแสงจำนวนมากมายเสียแล้ว
ทว่าเซียวเฟิงก็ใช่ว่าจะยืนรับการโจมตีเฉย ๆ เขาขยับตัวไปมาตามจังหวะที่สมควรจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการเอี้ยวตัว กระโดด หมอบ หรือแม้แต่จะเป็นการส่ายเอวไปมา และด้วยท่วงท่าเหล่านี้มันจึงทำให้ชายหนุ่มปลอดภัย ไม่มีดาบเล่มไหนสามารถเข้าโจมตีเขาได้เลย
ผู้คนที่อยู่นอกสนามรวมไปถึงเจียงเทียนต่างก็พากันเงียบสงบ พวกเขากำลังรู้สึกร้อนตัวที่ก่อนหน้านั้นพากันหัวเราะและเยาะเย้ยเซียวเฟิง รวมถึงตั้งหน้าตั้งตาที่จะเฝ้าดูซีเหมินชุยเสวียฆ่าเซียวเฟิงในเสี้ยววินาทีด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะเหยียดหยามและหยิ่งผยอง แต่นักดาบเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนโง่ ความสามารถที่เซียวเฟิงแสดงออกมาตอนนี้ มันทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่า เซียวเฟิงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าซีเหมินชุยเสวียเลย!
โลกของเกมใบนี้ถูกสร้างขึ้นโดยอิงจากหลักฟิสิกส์เพื่อให้เหมือนกับโลกจริง ๆ มากที่สุดอย่างที่เกมอื่นไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นแล้วการต่อสู้ในสนามประลองจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะการเล่นเกมของแต่ละคนซะทีเดียว ที่แห่งนี้คือจุดที่จะสามารถบอกได้ว่าคนคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
เพราะงั้นแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองคนที่กำลังประลองกันอยู่นี้ถูกจัดว่าเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดจริง ๆ บางทีต่อให้พวกเขาไม่ใช้อาวุธหรือสกิลใด ๆ ก็อาจจะชนะพวกที่ใช้อาวุธดี ๆ ได้อย่างง่ายดายเลย
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้เลย นั่นเพราะทุกคนประจักษ์แล้วว่าเซียวเฟิงไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าซีเหมินชุยเสวียจริง ๆ แม้ว่าอาวุธอุปกรณ์ของเซียวเฟิงจะได้เปรียบ แต่การเคลื่อนไหวเช่นนี้มันไม่ได้มาจากสิ่งที่สวมอยู่แน่ ๆ
อีกเรื่องหนึ่งที่พวกเขาเพิ่งตระหนักขึ้นมาได้ นั่นก็คือไม่มีใครที่จะสามารถขึ้นเป็นผู้เล่นระดับท็อปเขตได้หากคน ๆ นั้นไม่มีความแข็งแกร่งมากพอในโลกของเกม
“เอาเลย พี่ชาย! ฆ่าเขาเลย!”
ซางกวน อาโอเชิน ที่อยู่บริเวณที่นั่งคนดูตื่นเต้นกับภาพที่เห็นนี้มาก ๆ เด็กน้อยแอบเชียร์ให้เซียวเฟิงชนะอยู่ตลอด ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความสุขมาก ๆ เสียด้วยกับการที่ได้เห็นซีเหมินชุยเสวียดูจะพ่ายแพ้เช่นนี้
“นี่มัน…ภาพลวงตาหรือไงน่ะ?”
จางเสี่ยวหยูบ่นพึมพำเบา ๆ ขณะที่ยืนอยู่ข้างสนามประลอง สายตาของเธอยังคงไม่ละจากเซียวเฟิงมาตั้งแต่ต้น
ทว่าตอนนั้นเอง เซียวเฟิงรู้สึกสนุกกับการเล่นมาพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะเสียเวลากับซีเหมินชุยเสวียต่อ
ขุมพลังแห่งมังกร!
อวยพรความกล้า!
มังกรคำราม!
มังกรย่ำบาทา!
…
อันดับแรก เขาสั่งใช้งานสกิลคงกระพันของเกราะมังกรก่อน และปล่อยให้ออร่าดาบของซีเหมินชุยเสวียโอบล้อมร่างของเขาไป เพราะยังไงเสียความเสียหายมันก็จะขึ้นแค่ ‘โจมตีไม่เข้า!’ เท่านั้น
หลังจากที่ชุดมังกรนี้ถูกสะสมครบทุกชิ้น ขุมพลังแห่งมังกรก็เหมือนจะได้เอฟเฟกต์สกิลเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเมื่อสั่งใช้งานมันจะมีภาพเสมือนของมังกรกระดูกตัวใหญ่ปรากฏขึ้นมา ดวงตาที่กลวงโบ๋ของมันนั้นไร้ซึ่งดวงไฟแต่ก็ทำให้ดูน่ากลัวไม่น้อย
จากนั้นก็ตามด้วยสกิลอวยพรความกล้าที่มีเลเวล 4 แล้ว ซึ่งมันทำให้ค่าพลังเวทของเซียวเฟิงเกือบทะลุขึ้นหลักพัน!
ในตอนนี้สถานการณ์มันกลับกลายเป็นทางฝั่งของซีเหมินชุยเสวียแทนแล้วที่ดูท่าจะไม่ดี เพราะการโจมตีของเขาไม่เพียงแต่จะถูกหลบได้เท่านั้น ส่วนที่หลบไม่ได้เองก็ยังไม่สามารถทำให้เซียวเฟิงบาดเจ็บได้อีกด้วย ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะถอยออกทันทีเมื่อรู้เช่นนี้
“กรรรร!!”
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว มังกรโครงกระดูกตัวใหญ่นั้นส่งเสียงคำรามออกมาจากด้านหลังของเซียวเฟิง ทำให้คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นกระจายออกไปทั่วกว่าครึ่งสนาม ซีเหมินชุยเสวียไม่สามารถหลบมันได้พ้นอย่างแน่นอน และด้วยผลของมัน บนหัวของเขาก็แสดงสถานะมึนงงขึ้นมา
มังกรกระดูกตัวเดิมที่อยู่ด้านหลังของเซียวเฟิงยกเท้าขึ้นสูงก่อนจะกระทืบลงไปที่พื้นสามครั้งอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนเป็นวงกว้างราวกับแผ่นดินไหว ความกว้างของมันมากกว่ามังกรคำรามเสียอีก คลื่นสั่นสะเทือนนี้ปกคลุมไปทั่วสนามประลอง
ซีเหมินชุยเสวียที่ติดสถานะมึนงงอยู่ไม่สามารถไปไหนได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงโดนคลื่นกระแทกนั้นโจมตีเข้าเต็ม ๆ
-301!
-295!
-299!
คลื่นกระแทกแต่ละรอบมีความรุนแรงเท่ากับ 50% ของพลังเวท ด้วยความแข็งแกร่งของเซียวเฟิงในตอนนี้ มันจึงทำให้ซีเหมินชุยเสวียตายตั้งแต่คลื่นกระแทกรอบแรกแล้ว เพราะงั้นคลื่นอีกสองรอบที่เหลือจึงเหมือนกระแสน้ำที่พัดเอาร่างของเขาให้ลอยออกไปมากกว่า
ร่างของซีเหมินชุยเสวียล้มนอนลงไปกับพื้น แม้เจ้าตัวจะไม่อยากก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันรวดเร็วจนเขาไม่มีเวลามาโกรธเสียด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกเทเลพอร์ตออกจากสนามไปแล้ว
[การประลองจบลงแล้ว! ฝ่ายที่ชนะคือผู้เล่นแด๊ด!]
เสียงประกาศจากระบบดังขึ้น มันทำให้ซีเหมินชุยเสวียเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแบบสุด ๆ ไฟร้อนในอกมันรุกไหม้ขึ้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะหันหน้ากลับแล้วเดินออกจากสนามประลองไป
เมื่อตอนที่สู้กันอยู่บนสนามประลองนั้น เขามั่นใจว่าตนเองนั้นทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อสู้กับเซียวเฟิงอย่างตรงไปตรงมา เพราะคิดว่ามันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดีแน่ ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าเซียวเฟิงกลับหน้าไม่อายและใช้อาร์ติแฟกต์เล่นงานเขากลับแบบนั้น ซีเหมินแพ้พยายามยอมรับมัน แต่มันก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเซียวเฟิงกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
“เยี่ยม!”
เซียวเฟิงดูไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย เขาดูสบายใจหลังจากได้รับชัยชนะ นี่มันคือแก่นแท้ของเกมออนไลน์จริง ๆ ความรู้สึกที่สามารถอยู่เหนือผู้อื่นได้ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่านี้เป็นสิ่งที่พอได้ลิ้มลองแล้วมันเลิกยากจริง ๆ
จริง ๆ อาวุธที่ซีเหมินชุยเสวียใช้นั้นก็นับว่าระดับสูงอยู่เหมือนกัน ในตัวของคนคนนั้นน่าจะมีอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าอยู่อย่างน้อยสามชิ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขานั้นระดับสูงกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ
แต่โชคร้ายที่เซียวเฟิงเก็บชุดเซ็ตมังกรได้ครบเสียก่อน มันจึงทำให้เขาและเซียวเฟิงมีระดับที่ห่างกันไปอีกครั้ง และแน่นอนว่าความต่างระดับนี้ มันมากเสียจนซีเหมินชุยเสวียไม่สามารถต่อกรได้เลยด้วย
บางทีต่อให้เป็นผู้เล่นทั่ว ๆ ไปที่เผอิญเก็บชุดมังกรนี้ครบได้ก็อาจจะสามารถฆ่าเขาได้เช่นกัน เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเซียวเฟิง…
โดยเฉพาะกฏของสนามประลองที่ระบุไว้ว่า การคูลดาวน์ของสกิลจะไม่ถูกนับหลังจากที่จบการประลองไปแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เจ้าของสกิลนั้น ๆ กล้าที่จะใช้สกิลมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สกิลมังกรย่ำบาทา ที่มีเวลาคูลดาวน์นานถึง 1 ชั่วโมง ในการประลองนั้นทำให้สกิลติดคูลดาวน์ 1 ชั่วโมงได้ก็จริง แต่เมื่อการประลองจบลง คูลดาวน์นั้นก็จะหายไปราวกับไม่เคยใช้มาก่อน
เซียวเฟิงเองก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เลิกสนใจเรื่องคูลดาวน์ขณะเข้าร่วมการประลอง ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้การโจมตีต่อเนื่องเป็นคอมโบของอาร์ติแฟกต์เช่นนี้ได้เพราะหลังรีแมตช์แล้ว เขาก็ยังสามารถใช้มันได้อีกเรื่อย ๆ เจ้าตัวตั้งชื่อคอมโบการโจมตีด้วยอาร์ติแฟกต์นี้ไว้ว่า
การโจมตีที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้!
นั่นเพราะไม่ว่าจะประลองกับใคร คอมโบนี้ก็จะยังคงสามารถกำราบศัตรูได้อย่างแน่นอน ไม่มีใครสามารถหลบได้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าชุดมังกรแล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่รอรับการพิพากษาเท่านั้น
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเกมออนไลน์มานานมากแล้ว ใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะใส่ใจของอาวุธอุปกรณ์ดี ๆ มาสวมใส่ด้วย ไม่งั้นแล้ว ท้ายสุดยังไงเขาก็ยังคงแพ้ให้กับความต่างระดับของอุปกรณ์อยู่ดี…
นี่เป็นเหตุผลที่ซีเหมินชุยเสวียไม่สามารถพูดอะไรได้ และจำใจต้องระงับความโกรธไว้ขณะเดินออกไป การประลองครั้งนี้เขาไม่มีทางชนะอยู่แล้ว!
ลำพังแค่ความแข็งแกร่งส่วนตัวของเซียวเฟิงมันก็เกินมนุษย์มนาไปไกลแล้ว นี่เขายังอุตส่าห์แกล้งคนอื่นด้วยอาวุธระดับสูงอีก แบบนี้ใครจะไปชนะได้?
ซีเหมินชุยเสวียคงจะกล้ากลับมาท้าประลองอีกครั้งหากเขามีอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าทั้งตัวแล้ว ในเมื่อตอนนี้เลเวลเขาตามเซียวเฟิงอยู่แค่ 1 เลเวลเท่านั้น จะเหลือก็แต่การที่จะมีแต่อุปกรณ์ระดับทองเป็นหลัก ซึ่งมันอยู่ห่างจากเซียวเฟิงถึง 2 ระดับเลย ไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเขาดิ้นรนได้ทั้งนั้น
หากจะบอกว่าอุปกรณ์ของซีเหมินชุยเสวียนั้นยังไม่ดีพอ ขอให้พวกท่านระลึกไว้ว่า อุปกรณ์ของซีเหมินชุยเสวียที่อยู่บนตัวนี้ ติดอยู่ในท็อป 3 อันดับอุปกรณ์ของเขตฮัวเซียแล้ว เพราะงั้นในเขตนี้ไม่มีใครที่สามารถจะเทียบใกล้เซียวเฟิงได้เท่าเขาอีกแล้ว
“ให้ตายเถอะ! นี่มันแกล้งกันชัด ๆ! ระดับของอาวุธมันคนละชั้นกันเลย! ใครมันจะไปชนะได้วะ!” กลุ่มคนบางกลุ่มรวมไปถึงเจียงเทียนรู้สึกไม่ยุติธรรมที่ซีเหมินชุยเสวียโดนกระทำเช่นนี้
“เอ๋ เมื่อกี้ใครบอกนะว่าระดับอุปกรณ์มันไม่เกี่ยวอะไรกันน่ะ? แค่ความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น ถึงจะชนะทุกอย่างได้!” เจ้าตัวแสบซางกวน อาโอเชิน ที่กำลังอารมณ์ดีก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย เขาพูดยอกย้อนคนเหล่านั้นอย่างไร้ความปราณี
“ฮึ่ม! ไปกันเถอะ! เพราะความต่างของอุปกรณ์พวกนั้นมันมากเกินไป! ไม่มีใครจะไปชนะหมอนั่นได้หรอก!”
พวกเขาพ่นลมหายใจกระฟัดกระเฟียดด้วยความโกรธ จากนั้นถึงได้เดินตามซีเหมินชุยเสวียไป จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคิดว่าสิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงชนะก็คืออุปกรณ์ที่เขาใช้อยู่เหมือนเดิม
“คิดว่าอุปกรณ์ดี ๆ พวกนี้เสกเอาจากลมหรือไงน่ะ?” เด็กหนุ่มแลบลิ้นปลิ้นตาก่อนจะหันไปทักทายเซียวเฟิงบนสนามแล้วค่อยจากไปด้วยเช่นกัน
ผู้คนที่เหลือตอนนี้มีเพียงเซียวเฟิงที่อยู่บนสนามประลองและจางเสี่ยวหยูที่อยู่ข้างสนามเท่านั้น สายตาของเขาจับจ้องเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่
“เดี๋ยวก่อน!”
จางเสี่ยวหยูรีบตะโกนเรียกและวิ่งเข้ามาหมายจะรั้งเซียวเฟิงไว้ ทว่าทันทีที่เธอถึงตัวเขา ร่างนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแสงและเทเลพอร์ตไปที่อื่นพอดิบพอดี มันจึงทำให้เธอไม่มีโอกาสที่จะได้คุยอะไรกับเขาเลย
เธอหยุดชะงักและมองไปยังจุดที่เซียวเฟิงหายไป หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงจากไปพร้อมกับคิ้วที่ขมวดด้วยความสงสัยเช่นกัน
เซียวเฟิงเดินทางผ่านห้วงอวกาศด้วยแหวนอวกาศบนนิ้วกลับมายังเมืองเทียนหลง นั่นก็เพราะว่าเขานึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ นั่นคือข่าวเรื่องบอสระดับโลก หรือ เวิลด์บอส ที่ดูมส์เดย์ก็อดพูดไว้เมื่อหลายวันก่อน
ผู้เล่นของดูมส์เดย์ลีกได้รับภารกิจลับโดยไม่ได้ตั้งใจ และสิ่งนั้นมันเกี่ยวข้องกับเวิลด์บอส สถานที่ถูกระบุไว้ว่าเป็นป่ามู่กวาง บริเวณนั้น ใต้ทะเลสาปมู่กวางคือที่แรกที่เซียวเฟิงนึกถึง รูปปั้นเทวทูตตนนั้น คือสิ่งที่คอยหลอกหลอนอยู่ภายในใจของเซียวเฟิงตั้งแต่เข้าเกมมาแล้ว ชายหนุ่มไม่มีวันลืมมันได้อย่างแน่นอน
“เวิลด์บอสงั้นเหรอ…”
เขาพึมพำเบา ๆ ขณะเดินออกจากเมืองเทียนหลง พร้อมกับเรียกเสี่ยวเสวี่ยมาขี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังป่ามู่กวางอย่างรวดเร็ว เซียวเฟิงวางแผนที่จะไปดูสถานการณ์ที่นั่น เพราะในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวกับเวิลด์บอส เขาจึงไม่สามารถมองข้ามมันไปได้
ป่ามู่กวางนั้นเคยเป็นแม็ปเริ่มต้นสำหรับหลาย ๆ คน มีเพียงส่วนกลางแม็ปเท่านั้นที่ต้องมีฝีมือกันหน่อย ในเวลานี้ผู้เล่นระดับสูงต่างก็พอกันไปง่วนกับภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 กันหมด ดังนั้นที่นี่จึงมีคนจำนวนไม่มากที่หลงเหลือให้เห็น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งจะเข้าเกมได้ไม่นานที่ต้องมาเก็บเลเวลบริเวณนี้
“พี่ชาย ตรงหน้านี้เป็นจุดฟาร์มของกิลด์มิดซัมเมอร์ ถ้าพี่ชายคิดจะมาฟาร์มเหมือนกันละก็ กรุณาไปที่อื่นเถอะ”
แต่ก่อนที่เซียวเฟิงจะได้เดินต่อไปยังทะเลสาปมู่กวาง เขาก็ต้องหยุดชะงักไป
ผู้เล่นที่เข้ามาหยุดเซียวเฟิงไว้นั้นเป็นผู้เล่นระดับทั่วไปสังเกตได้จากอุปกรณ์บนตัว ชื่อบนหัวของเขาเขียนไว้ว่า ‘มิดซัมเมอร์ฝ่ายขาย’ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้เล่นสายใช้ชีวิต เพราะด้านหลังของเขายังมีผู้เล่นที่เป็นสายใช้ชีวิตอยู่อีกหลายคนเหมือนกัน และทุกคนล้วนแต่มีชื่อกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่บนหัวกันทั้งหมด พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่กำลังเก็บเกี่ยวผลไม้สีแดงจากต้นไม้กันอยู่
เซียวเฟิงจำบริเวณนี้ได้ มันคือป่าไม้ชีหยาง ที่ซึ่งมีผลชีหยางอุดมสมบูรณ์มาก ๆ เขาปราบบอสราชาโครงกระดูกทองคำเลเวล 20 ที่นี่ ไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นพื้นที่ของมิดซัมเมอร์ไปแล้ว
มิดซัมเมอร์ฝ่ายขาย คนนี้ดูเหมือนจะเป็นสมาชิกหลักคนหนึ่งของมิดซัมเมอร์กิลด์ด้วยหากยึดตามชื่อนั่น ท่าทีของเขาค่อนข้างจะสุภาพมาก ๆ บางทีอาจจะเพราะเขาเห็นเซียวเฟิงมีสัตว์ขี่และดูไม่เหมือนมือใหม่ก็เป็นได้
แน่นอนว่าเขาน่าจะรู้อยู่แล้วด้วยว่าผู้เล่นทั่ว ๆ ไปก็คงไม่มาเก็บเลเวลกันแถวนี้ ยกเว้นผู้เล่นใหม่ เพราะงั้นสิ่งที่เขาพูดจึงเหมือนจะเป็นการขอความร่วมมือแทน เขาน่าจะได้รับคำสั่งให้มาดูแลพื้นที่ของมิดซัมเมอร์ไว้ไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาแน่ ๆ
“รอก่อนนะ”
เซียวเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องของคนตรงหน้านัก เขาเปิดรายชื่อเพื่อนขึ้นมา และพบว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังออนไลน์อยู่จึงกดโทรหาเธอทันที
“ฉันโดนผู้เล่นที่ชื่อว่า มิดซัมเมอร์ฝ่ายขาย หยุดไว้ เขาเป็นคนจากกิลด์ของเธอ ช่วยพูดอะไรสักอย่างกับเขาผ่านช่องแชตกิลด์ทีสิ”
ระหว่างที่เซียวเฟิงกำลังโทรศัพท์นั้น มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายก็ยืนมองเขาอยู่ตรงหน้าด้วย แน่นอนว่าเขาได้ยินเรื่องที่เซียวเฟิงพูดแต่ก็ยังอดงุนงงไม่ได้
“นายพูดอะไรของนายน่ะ? พูดให้ดังกว่านี้หน่อยสิ! ฉันกำลังฆ่าคนอยู่!”
ซือเยี่ยจิ๋งรับสาย ทว่าเสียงที่มาจากปลายสายฝั่งเธอนั้นมีแต่เสียงรบกวนมากมายรวมถึงเสียงร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือด้วย มันทำเอาเซียวเฟิงพูดอะไรไม่ออกไปเลย
“ช่างมัน ถือว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” เซียวเฟิงวางสายแล้วเตรียมจะโทรไปหาหลิวเฉียงเหว่ยต่อ แต่เดิมแล้วเขาไม่อยากจะรบกวนหลิวเฉียงเหว่ยนักเพราะเธอเป็นหัวหน้ากิลด์ เรื่องนี้มันเล็กน้อยมาก ๆ แต่เพราะในรายชื่อเพื่อนของเขานั้น มีเพียงเธอและซือเยี่ยจิ๋งเท่านั้นที่เป็นคนของมิดซัมเมอร์กิลด์ เขาไม่ได้เพิ่มลิลลี่เป็นเพื่อนเอาไว้ด้วย
“พี่ชาย พี่รู้จักคนจากกิลด์ของพวกเราเหรอ? ถ้าใช่ แค่บอกชื่อตัวละครของคนคนนั้นมาก็ได้ นี่มันแค่พื้นที่สำหรับหาวัตถุดิบชั้นต้น ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ตราบใดก็ตามที่พี่เป็นมิตรกับมิดซัมเมอร์ อยากจะทำอะไรก็เชิญเลย”
มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายมองไปยังสิ่งที่อยู่บนหัวเซียวเฟิง เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีชื่อกิลด์อยู่บนนั้น เขาก็ยิ่งพูดด้วยความสุภาพกว่าเดิม เพราะตัวเขานั้นเป็นเพียงหัวหน้ากลุ่มเล็ก ๆ ของผู้เล่นสายใช้ชีวิต หากคนตรงหน้าเขานี้รู้จักกับพวกผู้เล่นระดับสูงในกิลด์ เขาก็เกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาเจอปัญหาเข้าได้
“โอ๊ะ ถ้างั้น ฉันรู้จักโรส” เซียวเฟิงรีบพูดชื่อตัวละครของหลิวเฉียงเหว่ย ขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายบอกเช่นนั้น