บทที่ 64 ดาร์ก เดม่อนพัฒนาความสัตย์จริง ความเมตตา และความงาม

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 64 ดาร์ก เดม่อนพัฒนาความสัตย์จริง ความเมตตา และความงาม

“แค่ก! แค่ก! แค่ก!”

ซิสเตอร์คาไลด์ไอสามครั้งด้วยความตกใจ

เธอก้มหน้าลงเพื่อสังเกตอย่างละเอียด

เด็กผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงห้องพยาบาลนั้นดูเหมือนเด็กผู้ชายก็จริง แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กตรงหน้าไม่มีลูกแอปเปิ้ลของอดัม*[1] และพัฒนาการทางร่างกายของเธอก็ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ อาจจะดูเกินวัยไปด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะนักเรียนข้าง ๆ ชี้ให้เห็นเพศที่แท้จริงของเธอคนนี้ ซิสเตอร์คาไลด์คงไม่มีทางเดาได้เลยว่าเธอเป็นเด็กผู้ชาย

“แน่ใจนะ?”

เธอยังคงอดไม่ได้ที่จะถามกลับ

ดาร์กแสดงความสงสารและพยักหน้า “ใช่ครับ”

ยังไงก็ไม่น่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของโรเบิร์ตที่จู่ ๆ ก็โผล่มาในหมู่นักเรียนปีหนึ่งหรอกใช่ไหม?

“งั้นก็เป็นเรื่องแล้ว!” ซิสเตอร์คาไลด์สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้แต่การแกล้งที่เกินเลยก็แค่ทำให้คนกลายเป็นหมูเท่านั้น ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรที่หนักกว่าการเป็นหมูได้”

“กลายเป็นหมู?!!”

ดาร์กไม่สามารถบอกได้ว่าการถูกแปลงเป็นหมู หรือแปลงเพศตรงข้ามนั้นอันไหนหนักกว่ากัน

แต่ซิสเตอร์คาไลด์รู้สึกชัดเจนว่าอย่างหลังนั้นหนักกว่าสุด ๆ

แต่เนื่องจากการถูกแปลงเป็นหมูยังสามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้น การถูกแปลงเป็นเพศตรงข้ามก็น่าจะรักษาได้ง่ายเหมือนกัน…ใช่ไหม?

ด้วยความคิดนี้ ดาร์กจึงถามว่า “รักษาได้ไหมครับ?”

ซิสเตอร์คาไลด์หยิบถุงมือยางสีขาวยู่ยี่ออกจากกระเป๋าของเธอแล้วสวมใส่ จากนั้นก็ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “รากเหง้าของการเปลี่ยนเพศเป็นการแปลงกายแบบหนึ่ง มันเหมือนกับการแปลงร่างเป็นหมู แกะ หรือคางคก ในทางทฤษฎี แม้ว่าเธอจะปล่อยไว้เฉย ๆ เพราะเดี๋ยวมันก็สิ้นฤทธิ์ไปเองโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไปสักพัก แต่แน่นอนว่า เราไม่สามารถตัดสินใจได้ง่ายนักก่อนการวินิจฉัย ซิลเวอร์ ถ้าเธอจะกรุณาละก็นะ”

“ซิลเวอร์… ศาสตราจารย์เหรอครับ?”

เมื่อรู้สึกถึงสายลม ดาร์กก็หันหน้าไปและเห็นศาสตราจารย์ซิลเวอร์ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แน่นอนว่าอาจารย์ย่อมไม่ละเลยอยู่แล้ว

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์พูดอย่างเคร่งขรึม “เธอไปเรียนก่อนเถอะ ฉันแจ้งศาสตราจารย์โจนส์ให้แล้ว”

“ครับศาสตราจารย์”

ดาร์กโค้งคำนับและออกจากห้องพยาบาล

เรื่องใหญ่ก็ควรส่งต่อให้มืออาชีพจัดการอยู่แล้ว

เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

“เฮ้ เดม่อน”

“อรุณสวัสดิ์ กาวด์”

ระหว่างทางไปห้องเรียน ดาร์กได้พบกับเวอร์เธอร์

เด็กชายดูกระสับกระส่ายมาก ใบหน้าของเขาซีดเผือดขณะทักทายดาร์ก

เขาถามโดยไม่คาดหวัง “เดม่อน นายเห็นโรเบิร์ตไหม? ฉันหมายถึงบร็อกไฮม์น่ะ”

ดาร์กตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้านายกำลังตามหาบร็อกไฮม์นายไปหาที่ห้องพยาบาลได้ แน่นอนว่าฉันไม่แนะนำให้นายไปหาเขาในตอนนี้ เพราะคาบเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว”

เวอร์เธอร์ร่าเริงขึ้นมาทันที “เขาอยู่ในห้องพยาบาลเหรอ? เขาโอเคไหม? เขาท้องเสียใช่มั้ย? เฮ้อ ฉันตามหาเขาอยู่สักพักแล้ว”

ดาร์กมีสีหน้าแปลก ๆ “ก็ประมาณนั้น”

เรื่องน่าอับอายแบบนี้ควรเก็บไว้เป็นความลับจะดีกว่า

“โอเค” เวอร์เธอร์พูด “ยังไงก็เถอะ เดม่อน… เดม่อน? หืม? เดินช้าลงหน่อย ฉันแทบจะหมดแรงแล้ว ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยซ้ำ!”

เมื่อดาร์กมาถึงห้องเรียน เขาก็พบว่ามีข่าวเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกใครบางคนแกล้งแพร่กระจายไปทั่วชั้นเรียน

โชคดีที่ไม่มีใครรู้ว่า ‘เด็กผู้หญิง’ ที่ถูกแกล้งคือโรเบิร์ต ไม่อย่างนั้นพวกจอมเวทฝึกหัดคงจะไม่ยอมหยุดส่งเสียงคุยเอะอะโวยวายอย่างแน่นอน

นักเรียนไม่ได้สังเกตเลยว่าโรเบิร์ตขาดเรียน และศาสตราจารย์โจนส์ก็มาที่ห้องเรียนตามปกติ

เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เริ่มสอนทันที

บทเรียนคาบนี้เน้นไปที่เรื่องปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติของสปิริต

มีคุณสมบัติทั้งหมดยี่สิบประเภท แต่มีเพียงแสงสว่างและความมืดเท่านั้น ที่สามารถดำรงอยู่โดยไม่ขึ้นกับคุณสมบัติอื่น ๆ อีกสิบแปดประเภท

“ทุกสิ่งมีทั้งด้านสว่างและด้านมืด และพวกมันไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติอื่น ๆ แต่แน่นอนว่ามันยังมีข้อจำกัดระหว่างกันและกันอยู่ เช่นว่า สปิริตประเภทผีนั้นเกลียดแสง แต่พวกมันเป็นข้อจำกัดทางชีวภาพ ไม่ใช่ข้อจำกัดคุณสมบัติพลังงาน”

“สิ่งที่เรียกว่าการยับยั้งคุณสมบัติพลังงาน หมายถึงการแยกตัวออกจากการเชื่อมโยงทางกายภาพระดับหนึ่ง และเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการชนะทางและแพ้ทางของพลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งอิงจากวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์”

“เหมือนกับน้ำแข็งที่ยับยั้งมังกรได้”

ศาสตราจารย์โจนส์ยักไหล่

“ใครจะรู้ว่าทำไมคุณลักษณะน้ำแข็งจึงสามารถยับยั้งคุณลักษณะของมังกรได้ อาจเป็นเพราะมังกรเป็นสัตว์เลือดเย็นก็ได้มั้ง?”

บทเรียนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ

ศาสตราจารย์โจนส์มักเลือกนักเรียนมาที่หน้าชั้นเรียน เพื่ออัญเชิญสปิริตออกมาสาธิต และสร้างฉากตลกมากมายให้ทุกคนได้หัวเราะ แต่เมื่อศาสตราจารย์โจนส์ขอให้นักเรียนจดเรื่องการยับยั้งของคุณสมบัติและบอกให้นักเรียนจดจำไว้เพื่อที่เธอจะได้สุ่มถามในชั้นเรียนถัดไป มันก็กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจน้อยลง

แม้แต่ในตอนท้ายของชั้นเรียน ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าโรเบิร์ตไม่ได้อยู่ด้วย

ทันทีที่เสียงเลิกคาบดังขึ้น เวอร์เธอร์ก็รีบออกจากห้องเรียน

แม้ว่าดาร์กจะรู้สึกว่าโรเบิร์ตไม่ต้องการให้เวอร์เธอร์มาเยี่ยมเขา แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะห้ามอีกฝ่ายไว้

คาบที่สองเป็นคณิตศาสตร์

ศาสตราจารย์ลิลลี่ปรากฏตัวที่ประตูหลังและงอนิ้วชี้เรียกดาร์กออกมา

เด็กชายวางหนังสือเรียนและออกไปกับศาสตราจารย์ชั่วคราว

ทั้งสองไปทางมุมที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ศาสตราจารย์ลิลลี่ก็ตบไหล่ดาร์กอย่างพอใจ “ทำได้ดีมาก สมกับเป็นนักเรียนที่ฉันชอบมากที่สุด”

ดาร์ก “…”

ศาสตราจารย์ลิลลี่ยังคงตื่นเต้น “ฉันได้ยินมาแล้ว การจัดการของเธอนั้นเยี่ยมมาก แม้ว่าบร็อกไฮม์จะเป็นตัวสร้างปัญหา แต่มันคงแย่เกินไปถ้าเขาจะมีเงามืดในใจตั้งแต่ปีแรก ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะงั้นเราจะถือว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นการเล่นตลกธรรมดาเท่านั้น”

ดาร์กถาม “แล้วคนที่แกล้งล่ะครับ?… ผมหมายถึงใครเป็นคนทำ?”

ศาสตราจารย์ลิลลี่ตอบ “บร็อกไฮม์ตื่นแล้ว เขาบอกว่าเขาถูกทำให้สลบกะทันหันระหว่างเดินเล่นเมื่อคืนนี้ และเขาก็ไม่เห็นอะไรเลย”

จากนั้นเธอก็เปลี่ยนบทสนทนา “แต่เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก อาจารย์จะจัดการเอง นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เคเซอร์ยังขอให้ฉันส่งต่อข้อความว่า สิ่งที่เธอขอให้เขาทำนั้นได้ผลแล้ว จะว่าไป เธอไปขออะไรกับเขากัน?”

สีหน้าของดาร์กเริ่มแข็งกระด้าง และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คำถามในพวกเรื่องทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”

ดูเหมือนศาสตราจารย์เคเซอร์จะไม่ได้บอกอาจารย์คนอื่น ๆ เกี่ยวกับการ์ดดอกไม้เหรอ?

แต่ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ แล้วทำไมอาจารย์ถึงต้องให้คนอื่นส่งต่อข้อความด้วย?

เมื่อดาร์กกลับมาที่ห้องเรียน เขาก็ยังคิดเรื่องนั้นอยู่

ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว

เวอร์เธอร์กลับมาอย่างมีความสุข โดยมีโรเบิร์ตที่หายป่วยแล้วมาด้วย

“โรเบิร์ต เยี่ยมมากที่นายสบายดี”

“แค่ปวดท้องเอง อย่าพูดดังนักสิ…”

ดาร์กเหลือบไปทางนั้น และสบตากับโรเบิร์ตพอดี

โรเบิร์ตแสดงท่าทีอ้อนวอนทันที

ดาร์กค่อย ๆ ส่งสัญญาณว่าโอเค แล้วขยิบตาให้

โรเบิร์ตพยักหน้าขอบคุณ

เวอร์เธอร์สังเกตเห็นบางอย่างแปลก ๆ “โรเบิร์ต นายพยักหน้าทำไม?”

โรเบิร์ต “ไม่มีอะไร แค่ยุงกัดหางตา”

เวอร์เธอร์สงสัย “ยุง ทำไมฉันไม่โดนกัดเลยล่ะ?”

โรเบิร์ตตอบ “บางทีเลือดของฉันอาจจะอร่อยกว่ามั้ง?”

เวอร์เธอร์ขำ “ฮ่า ๆ”

ในคาบเรียนนี้ ศาสตราจารย์ลิลลี่แจก [ตารางสูตรคูณ] ที่เธอเรียนรู้มาจากดาร์ก

แน่นอนว่าในโลกนี้มีเรื่องการคูณ แต่เนื่องจากการศึกษาในอดีตนั้นไม่เฟื่องฟู จึงไม่มีระบบและวิธีการคำนวณที่เข้าใจง่าย หนำซ้ำยังไม่มีการประดิษฐ์ ‘ตารางคำนวณ’ และ ‘ตารางสูตรคูณ’ ด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจบวิชานี้

แม้แต่ตอนที่ดาร์กกำลังเดินอยู่ในทางเดิน ก็ได้ยินเสียงจอมเวทฝึกหัดทั้งหลายกำลังท่องมัน “หนึ่งคูณหนึ่งเท่ากับหนึ่ง หนึ่งคูณสองเท่ากับ…”

*[1] ลูกกระเดือก