บทที่ 65 ดาร์ก เดม่อนค้นพบความจริง

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 65 ดาร์ก เดม่อนค้นพบความจริง

หลังจากโรเบิร์ตได้ผ่านเรื่องราวความโกลาหลทั้งหมดมาแล้ว เขาก็กลายเป็นเด็กดี

และหากปราศจากการยุยงของโรเบิร์ต เวอร์เธอร์ก็หยุดสร้างปัญหาเช่นกัน…

วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในตอนบ่ายก็ผ่านไปอย่างสงบสุข ท่ามกลางความง่วงนอนของเหล่าจอมเวทฝึกหัด

หลังเลิกเรียนดาร์กไม่ได้ไปห้องสมุดตามปกติ แต่ตรงไปที่ห้องทำงานของศาสตราจารย์เคเซอร์แทน

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังตัดสินใจเคาะประตูอยู่ดี

ก๊อก! ก๊อก!

“เข้ามาได้”

เสียงของศาสตราจารย์เคเซอร์ดังมาจากห้องทำงาน

ดาร์กบิดลูกบิดประตูแล้วดันเข้าไป

ศาสตราจารย์เคเซอร์นั่งอยู่หลังโต๊ะของเขา บนโต๊ะมีกองการบ้านอยู่เต็มไปหมด แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่การบ้านของนักเรียนปีหนึ่ง

“เดม่อนเหรอ? เธอมาได้เวลาพอดี”

ศาสตราจารย์เคเซอร์วางปากกาลงแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้ตัวสูง

ดาร์กถาม “ศาสตราจารย์ครับ การวิจัยเกี่ยวกับการ์ดดอกไม้ได้ผลไหมครับ?”

“อืม…” ศาสตราจารย์เคเซอร์เปิดลิ้นชัก และหยิบเอาการ์ดดอกไม้ออกมาแล้วเขย่าให้ดาร์กดู

เขาเหมือนเด็กอวดของเล่นใหม่

ดาร์กอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็ปิดประตูให้สนิทแล้วเดินไปที่หลังโต๊ะ

ศาสตราจารย์ยื่นการ์ดให้เขาและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่ ลองใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปสิ”

ดาร์กหยิบมันขึ้นมาและสังเกตอย่างละเอียด

การ์ดดอกไม้ใบนี้ไม่ใช่ดอกกุหลาบสีเขียวของศาสตราจารย์เคเซอร์ใบเดิม แต่เป็นอีกใบจากแหล่งที่ไม่รู้จัก

“นักเรียนคนหนึ่งมอบให้ฉัน” ศาสตราจารย์เคเซอร์กล่าวอย่างรู้ทัน

ดาร์กกะพริบตาอย่างสับสน

ศาสตราจารย์เคเซอร์พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ มีคนกำลังเล่นการ์ดนี่ในชั้นเรียน ฉันก็เลยยึดมันมา ยังไงก็เถอะ อย่าไปสนใจที่มาของมันนักเลย นี่เป็นผลงานที่ฉันทำอย่างระมัดระวังเมื่อคืนนี้เชียวนะ”

บนหน้าการ์ดดอกไม้แสดงภาพดอกสกุลเขากวางอ่อนสีม่วงอมชมพู ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่มีกลีบดอกคล้ายปีกผีเสื้อ เป็นสัญลักษณ์ของความรักอันสูงส่งและสง่างาม

ดาร์กได้ถ่ายโอนพลังเวทมนตร์เข้าไป และดอกสกุลเขากวางอ่อนที่หน้าการ์ดก็กลายเป็นผีเสื้อที่มีชีวิตชีวาขึ้นมา มันไม่ใช่ดอกสกุลเขากวางอ่อนแต่เป็นผีเสื้อจริง ๆ!

ผีเสื้อสีม่วงชมพูกระพือปีกและขยับท่าอย่างสง่างาม

ขณะที่ดาร์กสะบัดการ์ด เจ้าผีเสื้อตัวนั้นก็วนรอบการ์ดดอกไม้ ซึ่งทำให้รู้ว่าพวกมันเหมือนจะเชื่อมต่อกัน

แสงเรืองคล้ายละอองเกสรเล็ก ๆ เล็ดลอดออกมาจากหางของผีเสื้อ ทิ้งร่องรอยที่ส่องแสงเป็นหางยาวไว้เบื้องหลัง

มันดูน่าทึ่งมากแม้แต่ในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนคงไม่ต้องพูดถึง

ดาร์กประหลาดใจ “ศาสตราจารย์ คุณทำได้อย่างไร?”

ศาสตราจารย์เคเซอร์ยิ้ม “ก็แค่เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะ นี่ไม่ใช่การ์ดเวทมนตร์ ถ้าชอบเธอจะเอาไปก็ได้ มันมีที่มาเดียวกับการ์ดดอกไม้นั่นแหละ ไม่แน่ว่ามันอาจจะพาเธอไปเจอกับต้นตอสาเหตุ อีกอย่าง มีความลับมากมายในสถาบันที่เราสนับสนุนให้นักเรียนสำรวจด้วยตัวเอง และแน่นอน อย่าลืมเคอร์ฟิวเที่ยงคืนด้วย”

ดาร์กออกจากห้องทำงานไปด้วยความสงสัย

คำพูดของศาสตราจารย์เคเซอร์ไม่ได้ทำให้ความสงสัยของเด็กชายกระจ่างชัดขึ้นเลย

“เขาตรวจสอบและยืนยันว่าไม่มีอันตรายแล้วเหรอ? หรือ… เขาจัดการกับอันตรายไปแล้ว?”

“ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงบอกว่าสถาบันสนับสนุนให้นักเรียนสำรวจด้วยตัวเอง…”

ดาร์กใส่การ์ดดอกสกุลเขากวางอ่อนลงในซองใส่การ์ด และรู้ว่าตัวเองอาจจะไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากศาสตราจารย์เคเซอร์ได้อีกต่อไป

‘แบบนี้ ถ้าฉันต้องการสืบต่อ ก็ทำได้แค่ไปคุยกับเวอร์เธอร์เท่านั้นสินะ’

‘เคอร์ฟิวเที่ยงคืน… คือคำเตือน’

‘โรเบิร์ตได้จ่ายราคาสำหรับการเดินเล่นตอนกลางคืนไปแล้ว’

‘อืม งั้นฉันควรทำยังไงต่อไปดีนะ?’

ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดาร์กก็กลับไปที่หอพักของบ้านขุนนาง

เขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ เพราะอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังมีบุตรแห่งวีรบุรุษอยู่

ดาร์กถึงกับสงสัยว่าเวอร์เธอร์มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับเรื่องนี้ และ [ความรักต้องห้าม] ก็เป็นข้อพิสูจน์ชั้นดี

แทนที่จะเสี่ยงถลำลึกเข้าไปมากกว่านั้น ดาร์กจึงตัดสินใจรอให้ความลับปรากฏออกมาเองดีกว่า

หรือไม่ก็เหยียบตามรอยเท้าบุตรแห่งวีรบุรุษ เตรียมผ้าเช็ดปาก มีดและส้อม จากนั้นค่อยเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงในจุดที่ปลอดภัย

สรุปคือ คืนนี้หลังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลยหากคิดจะลงมือ

เด็กชายจัดตารางการทดลองและเริ่มทำการทดลองของคืนนี้ก่อนกำหนด

การมี [สไลม์ขยะ] ตัวเดียวนับว่าเพียงพอแล้ว ดาร์กจึงไม่คิดลองใช้ [ประเภทพืช – คุณสมบัติหญ้า] อีกครั้ง แต่เขาทำการทดลองครั้งที่สองและครั้งที่สามตามวิธีการขัดเกลาขั้นพื้นฐานกับ [ประเภทนกและสัตว์ – คุณสมบัติหญ้า] แทน

การทดลองทั้งสองจบลงด้วยความล้มเหลว

ดังนั้นดาร์กจึงเปลี่ยนวิธีการของตัวเอง

เขาต้องการใช้วิธีการขัดเกลาขั้นพื้นฐานที่อธิบายไว้ในหนังสือเรียน ซึ่งเรียกว่า ‘วิธีการขัดเกลาแบบสุ่ม’

ความยากของวิธีการขัดเกลาแบบสุ่มนั้นค่อนข้างต่ำ แต่ก็ยังมีอัตราความสำเร็จค่อนข้างต่ำอีกเช่นกัน

ทว่าเมื่อจอมเวทจับทางความรู้ที่ว่าไม่ถูก ก็มักจะใช้วิธีนี้เพื่อค้นหาแนวคิดอื่นเช่นกัน

ดังนั้น ไม่ใช่แค่การทดลองที่ประสบความสำเร็จจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนได้ การทดลองที่ล้มเหลวก็ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนได้เช่นกัน

เขายังคงใช้น้ำผึ้งวิญญาณและน้ำสกัดกลีบสมอง

แต่วัตถุดิบต่อจากนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

‘วิธีการขัดเกลาแบบสุ่ม’ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนแค่ใส่วัตถุดิบจำนวนมากลงในหม้อใบใหญ่แล้วต้มให้เข้ากัน

โดยมีวงแหวนเวทมนตร์สองสามวงอยู่ตรงกลาง และทุกสิ่งที่เหลือหลังจากการต้มจะถูกขัดเกลาลงในการ์ดเวทมนตร์

เพราะมีการระบุคุณสมบัติรวมไปถึงลักษณะและข้อกำหนดสำหรับวัตถุดิบบางอย่างไว้เท่านั้น แทนที่จะกำหนดวัตถุดิบให้ชัดเจนไปเลย จึงทำให้การกะปริมาณและกำหนดเวลาไม่ค่อยจะแม่นยำ นี่ยังรวมไปถึงการขัดเกลาวัตถุดิบที่มีองค์ประกอบสุ่มจำนวนมากตั้งแต่เริ่มทดลอง ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นคนเดียวกันและใช้วัตถุดิบเดียวกัน แต่ผลลัพธ์กลับอาจแตกต่างไปจากกันได้

มันถึงได้เรียกว่า ‘วิธีการขัดเกลาแบบสุ่ม’

ใช้เวลาไปสามสิบสองนาที ในที่สุดดาร์กก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการขัดเกลาการ์ดวิญญาณ

หลังจากที่เปิดใช้งานวงแหวนขัดเกลาเวทมนต์หมายเลข 1 แล้วเขาก็เริ่มใส่สิ่งต่าง ๆ เพิ่มเข้าไป

อย่างแรกเลย ขนแมว

จากนั้นก็ขนแมวอีกครั้ง

และสุดท้ายก็ยังเป็นขนแมว!

เพื่อให้แน่ใจในความบริสุทธิ์ของวัตถุดิบหลัก ดาร์กจึงไม่ได้เพิ่มสิ่งอื่นใดนอกจากขนแมวลงไป

เมื่อขนแมวเส้นสุดท้ายถูกดูดกลืนเข้าไป แสงของวงแหวนขัดเกลาเวทมนต์หมายเลข 1 ก็ค่อย ๆ บรรจบกัน และในที่สุดก็สงบลง

ดาร์กมองดูการ์ดเวทมนตร์บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง

กาวสีดำหนา ๆ ติดอยู่บนพื้นผิวของการ์ด มีกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นไหม้เล็กน้อย

เขาหยิบปากกาพลังเวทขึ้นมาแล้วเคาะมัน

ตู้ม!

ส่วนหนึ่งของกาวระเบิดออกทันใด

รัศมีเปลวไฟพลันพุ่งขึ้นแล้วแผ่ออกไปรอบด้านทันที

ดาร์กตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยคว้าผ้ากันไฟที่มุมโต๊ะมาปิดไว้

พรึ่บ! พรึ่บ!

ไฟดับลงทันทีหลังจากเกิดเสียงแตกสองครั้ง

เด็กชายดึงผ้ากันไฟกับส่วนที่เหนียวออก จากนั้นจึงค่อย ๆ ใช้มือจับมุมของการ์ดเวทมนตร์ด้วยแหนบ และดึงมันออกมาอย่างระมัดระวัง

ด้านหน้าของการ์ดเวทมนตร์ดำสนิท เห็นได้ชัดว่าเป็นความล้มเหลว

“ถึงจะล้มเหลว แต่ก็เห็นได้เลยว่ามันเป็นคุณสมบัติแสงไฟ”

“ว่าแต่ขนของหญ้าแมวมีคุณสมบัติแสงไฟได้ยังไง? หรือว่าอาจเป็น… พลังของดวงอาทิตย์?”

“เย่อหยิ่ง กับ พระอาทิตย์”

“นี่ไง… นี่แหละปัญหา!”

จู่ ๆ ดาร์กก็ตระหนักได้

ในการทดลองครั้งก่อน เขาใช้วิธีขัดเกลาขั้นพื้นฐานของคุณสมบัติหญ้ามาโดยตลอด แต่แท้จริงแล้ว คุณสมบัติของแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์นั้นเหมาะสมกับ [อัตตา] ที่สุด

หลังจากที่หญ้าแมวดูดซับ [อัตตา] คุณสมบัติของมันก็เริ่มเอนไปทางแสง

ในการขัดเกลาขนแมว เขาควรใช้วิธีการขัดเกลาขั้นพื้นฐาน [ประเภทพืช – คุณสมบัติแสง] หรือ [ประเภทนกและสัตว์ – คุณสมบัติแสง]!