ถ้อยคำที่ดังก้องนั้นบ่งชี้ว่ามังกรเหมันต์ตัวนี้ไม่เพียงมีสติปัญญาสูงแต่ยังรับฟังเหตุผลและคงจะไม่ได้มีนิสัยดุร้าย เช่นนั้นพวกเขาทั้งหมดก็อาจจะพอมีความหวังอยู่บ้างหากจะใช้การเจรจาต่อรอง
เมื่อสิ้นวาจาของมังกรผู้สง่างาม ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็หันหน้ามองกัน นับเป็นเรื่องดีที่พวกเขาตกลงกันว่าจะยังไม่บุ่มบ่ามเปิดฉากโจมตีตั้งแต่เริ่มต้นแต่จะลองเลือกใช้วิธีการอันสันติก่อน
“ท่านมังกรเหมันต์ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเรามาที่ป่าเหมันต์แห่งนี้ก็เพื่อค้นหาผลเยือกมณี ไม่ทราบว่าท่านเคยพบเจอหรือรู้จักมันบ้างหรือไม่”
ปิงเสวียนเป็นผู้เอ่ยคำถาม ในฐานะผู้นำชั่วคราว เขาก็ควรจะออกหน้าเจรจาเอง ขณะที่เอ่ยวาจาใบหน้าคมคายดูสงบไม่หวั่นไหว แววตาลุ่มลึกคู่นั้นก็มั่นคงอย่างน่าเชื่อถือ บุรุษผู้ครอบครองอันดับที่หนึ่งแห่งทำเนียบนภาเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง
“ผลเยือกมณี ? มันคืออะไร ?”
เมื่อได้ยินคำถามของปิงเสวียน มังกรเหมันต์ก็นิ่งไปชั่วครู่คล้ายครุ่นคิดก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม เห็นได้ชัดว่ามันเองก็สงสัย ทว่าทันทีที่มังกรยักษ์เปิดปากกล่าวแรงกดดันอันเข้มข้นและหนักหน่วงก็พุ่งเข้าปะทะร่างนักเรียนทั้งหมด ซึ่งในครั้งนี้ความรุนแรงของแรงกดดันนั้นสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างเด่นชัด พวกเขารู้สึกว่าขยับตัวได้ยากลำบากแม้แต่จะหายใจพวกเขายังทำได้ยากอย่างยิ่ง
ในตอนนี้บุรุษผู้นำกองทัพชั่วคราวทราบดีว่านักเรียนทุกคนต่างหวาดกลัวจนขนหัวลุก อีกทั้งเมื่อดูจากท่าทีเช่นนั้นปิงเสวียนก็มั่นใจว่ามังกรตัวนี้ไม่ได้โกหก ผู้ทำหน้าที่บัญชาการกองกำลังนักเรียนแห่งโรงเรียนราชสำนักจึงตัดสินใจในทันใด เขาเหลือบมองสหายทั้งหลายก่อนจะหันกลับไปหามังกรผู้น่าเกรงขาม
“ในเมื่อท่านผู้อาวุโสมังกรไม่เคยได้ยินชื่อของผลไม้นี้ เช่นนั้นข้าผู้น้อยก็ไม่กล้ารบกวนท่านอีก พวกเราทั้งหมดคงต้องขอตัวก่อน ขอขอบคุณผู้อาวุโสที่ยอมสละเวลาตอบคำถามพวกเราและขออภัยเป็นอย่างสูงที่ข้าและสหายเข้ามารบกวน !”
ปิงเสวียนประกบฝ่ามือเข้ากับกำปั้นแล้วก้มหน้า เขาทำท่าทางแสดงความเคารพมังกรเหมันต์อย่างนอบน้อม ในเมื่อมังกรเหมันต์บอกว่าไม่รู้จักผลเยือกมณี เขาก็คิดว่าควรจะหาหนทางอื่นเพราะหากยังคงดึงดันอยู่ที่นี่ ไม่รีบออกห่างจากที่อยู่อาศัยของมังกรที่น่ากลัวตัวนี้ เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดอาจจะไม่เหลือโอกาสได้กลับออกไปอีกเลยก็เป็นได้
“ฮ่า ๆ ๆ มนุษย์ตัวน้อย ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วเหตุใดถึงรีบกลับนักเล่า เข้ามาจนถึงอาณาเขตของมังกรของข้า หากข้าปล่อยให้พวกเจ้ากลับไปง่าย ๆ เช่นนั้นต่อไปก็คงไม่มีผู้ใดเกรงกลัวเผ่าพันธุ์มังกรผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าอีกแน่ !”
เสียงหัวเราะของมังกรเหมันต์ก้องสะท้อน ทันใดนั้นเองแรงกดดันที่ออกมาจากร่างกายใหญ่โตก็ยกระดับความรุนแรงมากขึ้น แรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้าปะทะกับพันธมิตรแห่งยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งสิบเจ็ดกลุ่ม แรงกดดันนี้น่ากลัวจนทุกคนแทบไม่อาจขยับตัวได้
พวกเขาคาดการณ์ผิดไป ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรทรงปัญญาชนิดใดก็ล้วนไม่แตกต่าง ภาพลักษณ์เริ่มแรกไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกเบื้องลึกและพื้นฐานของจิตใจได้เลย มังกรเหมันต์ตัวนี้ไม่ใช่อสูรที่ใจดีแม้แต่น้อย แต่มันกลับเป็นอสูรที่กระหายเลือดน่าหวาดหวั่น ต้องทราบก่อนว่าในความเป็นจริง พื้นฐานนิสัยของสายพันธุ์มังกรในแดนหิมะอย่างมังกรเหมันต์ชนิดนี้คือตัวกระหายเลือดพันธุ์แท้ ในเมื่อจู่ ๆ ก็มีมนุษย์มากมายเอาร่างตัวเองมาสังเวยให้ถึงที่เช่นนี้ หากมันยอมปล่อยกลับไปง่าย ๆ มันก็คงจะเป็นมังกรเหมันต์พันธุ์ทางแล้ว
“ท่านมังกรเหมันต์ พวกเราไม่เคยคิดจะล่วงเกินท่านเลย เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้ด้วย ?”
ปิงเสวียนพยายามเจรจาต่อไปอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันเขาก็ลอบส่งสัญญาณให้สหายทุกคนปลดปล่อยสภาวะพลังออกมาเพื่อสลายแรงกดดันอันหน่วงหนักของมังกรและทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะพร้อมรับศึก
ทางด้านนักเรียนคนอื่น ๆ แม้ว่าในคราแรกพวกเขาจะกลัวจนขวัญผวา ทว่าเมื่อได้ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างที่ปิงเสวียนเจรจากับมังกรทำการสงบจิตใจลง อารมณ์ของพวกเขาก็มั่นคงขึ้นมาก ในตอนนี้ขวัญกำลังใจของกองทัพยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งแปดสิบห้าชีวิตที่กระเจิดกระเจิงไปดีมากขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน
“ฮ่า ๆ ๆ ที่นี่คืออาณาเขตของข้า ข้าอยากจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ข้าเองก็ไม่ได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์มานานแล้ว วันนี้มีมนุษย์สมัครใจเข้ามาหามากขนาดนี้ ข้าจะพลาดไปได้อย่างไร”
มังกรเหมันต์ยิ้มเยาะ จิตวิญญาณแห่งการเข่นฆ่าอันแสนอำมหิตพวยพุ่งออกมาจากร่างใหญ่ยักษ์ของมันอย่างไม่อาจปกปิด
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็คงต้องสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี !”
ปิงเสวียนประกาศยุติการเจรจา ยังไม่ทันสิ้นประโยคร่างกายของเขาก็หายวับไป บุรุษผู้อยู่ในอันดับสูงสุดของทำเนียบนภาพุ่งเข้าจู่โจมมังกรเหมันต์ในทันที
ฉินอวี้โม่และเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้ารอช้า ทุกคนลงมือโดยไม่ลังเล ยอดฝีมือแห่งโรงเรียนราชสำนักทั้งแปดสิบห้าคนต่างพุ่งเข้าโจมตีมังกรเหมันต์อย่างสุดกำลัง
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจเหมือนกันนี่ มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเจ้าแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าก็ยังกล้าโอหัง พวกเจ้าคงไม่เคยได้รับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลังมังกรมาก่อนสินะถึงได้บังอาจขนาดนี้ !”
มังกรเหมันต์เหยียดยิ้มชั่วร้ายพร้อมกับยืดกายใหญ่โตขึ้นอย่างช้า ๆ
ที่นี่คือที่ราบเล็ก ๆ ที่อยู่ระหว่างภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่สองลูก เมื่อมังกรเหมันต์ยืนขึ้น ขนาดอันมหึมาของมันก็ให้ความรู้สึกคล้ายเกิดภูเขาขนาดย่อม ๆ ขึ้นบนที่ราบ เงาของมังกรยักษ์ที่ทอดลงพื้นนำพาความมืดสลัวเข้ามาทันที เสมือนกับว่ามันสามารถบดบังดวงตะวันและท้องนภาได้จนมิด
“โร่วววววว !”
เสียงคำรามดังลั่น ขณะเดียวกันทุกสายตาก็มองเห็นว่ารอบตัวของมังกรเหมันต์ปรากฏเป็นม่านแสงเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่าง ซึ่งนั่นก็คือพลังที่เจ้ามังกรสร้างขึ้นป้องกันร่างกาย
ทันทีที่การโจมตีของเหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์สัมผัสกับม่านพลังของมังกรเหมันต์ พลังโจมตีเหล่านั้นก็สะท้อนกลับออกไปจนหมด ม่านพลังป้องกันของมังกรเหมันต์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่มีการโจมตีใดเข้าไปถึงตัวมันเลยแม้เพียงเศษเสี้ยว
“ฮ่า ๆ ๆ ยังอ่อนหัดนัก !”
มังกรเหมันต์หัวเราะก่อนที่ก้อนแสงจะปรากฏขึ้นภายในปากใหญ่โต พริบตาต่อมาก้อนแสงนั้นก็พุ่งตรงเข้าใส่ปิงเสวียน มังกรกระหายเลือดทราบดีว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ทว่าในเวลาเดียวกัน มันก็ตวัดกรงเล็บแหลมคมข้างหนึ่งเข้าใส่ฉินอวี้โม่และนักเรียนคนอื่น ๆ
สีหน้าของปิงเสวียนไม่มีความกลัวปรากฏให้เห็น พลันกระบี่ยาววาววับก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสอง บุรุษอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบนภาตวัดคมกระบี่ฟาดฟันเข้าใส่ก้อนแสงที่พุ่งมาหาอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เองก็ไร้ความเกรงกลัว แม้ศัตรูจะน่าหวาดหวั่นเพียงใด แต่ในเมื่อพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันสู้ก็จะไม่ตกเป็นรองโดยง่าย และด้วยจำนวนคนที่มากมายผลัดกันรับมือทำให้หลายคนหาจังหวะปลดปล่อยนภายุทธ์ออกมาได้ดั่งใจคิด การโจมตีที่รุนแรงจำนวนมากจึงพุ่งเข้าใส่มังกรเหมันต์อย่างต่อเนื่อง
เหล่านักเรียนไม่มีผู้ใดกล้าประมาท พวกเขาล้วนเรียกอสูรมายาออกมา ก่อนจะใช้ทักษะอสูรเสริมร่างเพื่อจู่โจมมังกรสุดกำลัง
— ตูม ตูม ตูม ! —
นภายุทธ์นับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ม่านพลังของมังกรจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณไม่หยุดยั้ง แม้จะแข็งแกร่งเพียงใดแต่เมื่อต้องปะทะกับการโจมตีตรงจุดเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่เว้นระยะเช่นนี้ ม่านพลังอันแสนทนทานของมังกรก็เริ่มเกิดช่องโหว่ ยอดฝีมือมนุษย์ที่มีร่างกายขนาดเล็ก เริ่มเล็ดลอดผ่านม่านพลังเข้าไปถึงร่างอสูรยักษ์ใหญ่ได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะผ่านม่านพลังป้องกันเข้าไปได้ แต่เกล็ดและหนังของมังกรเหมันต์ก็ทั้งหนาและแข็งแกร่งมาก และกระทั่งถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามังกรหนังหนาจะไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ กับการโจมตีแบบทุ่มสุดตัวของทุกคนเลย
“มังกรเหมันต์แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ !”
เยว่ชิงเฉิงอดอุทานออกมาไม่ได้ ในระหว่างนั้นนภายุทธ์ของเนี่ยหรูเฟิงก็พุ่งเข้าปะทะกับมังกรเหมันต์พอดี
“โอ๊ย !”
ดูเหมือนว่ามังกรเหมันต์จะได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว ครั้งนี้มันส่งเสียงร้องออกมาให้ได้ยิน
“เจ้าพวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ บังอาจมากที่ทำให้ร่างกายสง่างามของมังกรผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าเกิดบาดแผล !”
มังกรเหมันต์ตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล ก้อนแสงปรากฏขึ้นในปากของมันอีกครั้ง ครานี้เป้าหมายของมันคือเนี่ยหรูเฟิง
เนี่ยหรูเฟิงเพิ่งจะใช้นภายุทธ์ไปทำให้พลังยังไม่ฟื้นกลับมา เมื่อก้อนแสงพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เขาจึงไม่สามารถต่อต้านหรือหลบเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่จำเป็นต้องป้องกันมันด้วยตัวเองเพราะหลินซิวหยาที่อยู่ข้างกายได้เตรียมพร้อมรับมือไว้อยู่แล้ว
หลินซิวหยากำอาวุธในมือแน่น ในครั้งนี้เขาเลือกใช้ดาบใหญ่แทนขวานยักษ์ บุรุษผู้เชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิดรวบรวมพละกำลังรีดเค้นพลังมายาก่อนจะฟันเข้าไปยังก้อนแสงนั้นด้วยความเร็ว หลินซิวหยาตัดมันอย่างไม่ลังเล
— ตูม ! —
เสียงดังของการปะทะเกิดขึ้น ก้อนแสงของมังกรถูกดาบของหลินซิวหยาตัดขาดเป็นสองส่วน ทั้งสองส่วนนั้นกระเด็นไปอย่างไร้ทิศทางและชนปะทะกับภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ด้านข้างเกิดเป็นเสียงสนั่นหวั่นไหว
พริบตาต่อมา มังกรเหมันต์ก็ส่งเสียงร้องครวญคราง ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากนภายุทธ์ของจีหย่ง หลี่จิ้ง และเพ่ยหลงกระแทกเข้าใส่ร่างมังกรพร้อมกันทำให้มันได้รับความเสียหาย
ทว่ายังไม่ทันที่เจ้ายักษ์ใหญ่จะได้ตอบโต้ก็ถูกนภายุทธ์ของลั่วเฉินที่ตามมาติด ๆ พุ่งตรงเข้าปะทะเสียก่อน
ในเวลานี้ หากมองดูจากจุดที่ไกลออกไปจะพบว่าที่ราบเล็ก ๆ ในหุบเขาแห่งนั้นเต็มไปด้วยแสงสีเสียงอันงดงามตระการตาราวกับกำลังมีงานเทศกาลที่มีการจุดพลุเฉลิมฉลอง อย่างไรก็ตามบรรยากาศอันแท้จริงในพื้นที่กลับตึงเครียดอยู่ไม่น้อย เพราะแม้ว่ามังกรจะเริ่มบาดเจ็บแต่ก็ยังดูไม่มีความเสียหาย ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ทุกคนก็ไม่สามารถประมาทมันได้
“โร่ววววว !”
“เจ้าพวกมนุษย์โอหัง วันนี้ข้าจะต้องกินพวกเจ้าให้หมด จงยอมแพ้ แล้วกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในเลือดเนื้อของข้าซะ !”
มังกรกระหายเลือดส่งเสียงคำรามดังสนั่นอีกครั้ง พร้อมกันนั้นกลิ่นอายของมังกรเหมันต์ก็เข้มข้นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าซึ่งนั่นก็เป็นผลให้แรงกดดันอันมหาศาลหนักหน่วงขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรยักษ์จะเริ่มเลือดขึ้นหน้าแล้ว
แรงกดดันที่น่ากลัวของมันครั้งนี้ทำให้นักเรียนผู้มีระดับพลังต่ำหวาดกลัวจนแทบจะหมดกำลังใจต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นผลพวงจากความขวัญผวาถึงขีดสุดก็ทำให้พลังมายาในร่างกายของบางคนถูกผนึกเอาไว้ ไม่สามารถใช้มันออกมาได้อีกแล้ว
“ ฮ่า ๆ ๆ ฝันไปเถอะมังกรน้อย ! วันนี้พวกเราจะสับเจ้าเป็นแปดชิ้นและเอาไปย่างไฟกินซะเลย เนื้อมังกรเหนียว ๆ ของเจ้าคงจะเคี้ยวสนุกดีพิลึก แล้วเจ้าจะได้กลายมาเป็นเลือดเนื้อและกระดูกของเรา !”
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความน่าหวาดหวั่นก็ยังมีผู้ไม่เคยหวาดหวั่นจนเข้าขั้นบ้าระห่ำอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือสตรีงดงามจากตระกูลช่างหลอมอาวุธ
เยว่ชิงเฉิงหัวเราะออกมาแล้วกล่าวเย้ยหยันมังกรไปหนึ่งประโยค หลายคนที่ยังใช้พลังได้อยู่ก็ยังไม่หยุดมือ พวกเขาทั้งหมดยังคงโจมตีมังกรเหมันต์ไปอย่างต่อเนื่อง
— ปัง ! —
คนผู้หนึ่งที่อ่อนแอลงเพราะแรงกดดันของมังกรพลาดท่าถูกหางยักษ์ใหญ่ฟาดเข้าใส่จนกระเด็นและตกลงไปบนพื้น
— ปัง ! —
บุรุษอีกคนถูกกรงเล็บของมังกรโจมตีจนร่วงลงไปบนพื้นเช่นกัน ในตอนที่มังกรเหมันต์กำลังจะจู่โจมซ้ำอีกครั้งด้วยกรงเล็บข้างเดิม ร่างของฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าสหายและช่วยป้องกันการโจมตีของมังกรไว้ได้ทันการณ์
“รีบไปเร็วสิ !”
เมื่อเห็นคนผู้นั้นยังมัวแต่ทำสีหน้าโง่งมไม่รีบขยับตัว ฉินอวี้โม่ก็ตวาดเสียงดุ พร้อมกันนั้นคุณหนูสี่ตระกูลฉินก็ปลดปล่อยนภายุทธ์ใส่มังกรเหมันต์ในทันที
เมื่อได้ยินเสียงตวาดเตือนของฉินอวี้โม่ คนผู้นั้นก็ไม่กล้าจะโอ้เอ้อีก ร่างของเขาหายไปและปรากฏตัวอีกครั้งตรงจุดที่ห่างไกลจากระยะการโจมตีของมังกรเหมันต์
ที่คนผู้นั้นเอาแต่ลังเลและนิ่งอึ้งอยู่กับที่เนิ่นนานก็เป็นเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าฉินอวี้โม่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงอย่างไรเขาและนางก็ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกัน ระหว่างเขาและสตรีผู้นั้นมีเรื่องบาดหมางกันหลายครา การที่ถูกอีกฝ่ายช่วยชีวิตเอาไว้เช่นนี้ทำให้เขาตื่นตะลึงและทำตัวไม่ถูก
บุรุษที่เพิ่งรอดตายจากกรงเล็บมังกรผู้นี้ก็คือหวังรั่วจวิน นายน้อยแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร
ตอนที่ฉินอวี้โม่เห็นว่าหวังรั่วจวินกำลังจะถูกมังกรเหมันต์เล่นงานและอาจจะถึงตายได้นางก็ลังเลอยู่เล็กน้อย ทว่าในเสี้ยวลมหายใจต่อมาร่างบางก็รีบพุ่งเข้าไปช่วยเขาเอาไว้
แท้จริงแล้ว ด้วยนิสัยของคนอย่างฉินอวี้โม่จะไม่ใจอ่อนกับศัตรูหน้าไหน อย่างไรก็ตามหวังรั่วจวินผู้นี้แม้ว่าจะประกาศตัวว่าเป็นศัตรู คอยระรานนางเมื่อมีโอกาสแต่ก็ไม่ได้หมายจะเล่นงานนางให้ถึงตาย อีกทั้งนางก็ไม่ได้มีความอาฆาตใด ๆ กับเขา คุณชายไม่รู้จักโตผู้นี้เพียงแต่ปากอยู่ไม่สุขและชอบหาเรื่องผู้อื่นเท่านั้น แม้ว่าจะเกลียดกันมากแต่เพียงเท่านั้นก็ไม่นับว่าสมควรตาย
ที่สำคัญช่วงเวลาวิกฤตเช่นตอนนี้ในขณะที่ทั้งกองทัพกำลังต่อสู้ร่วมกันอยู่ นางไม่ควรเลือกข้างแบ่งมิตรแบ่งศัตรู ในเมื่อรักษาหนึ่งกำลังไว้ได้ย่อมดีกว่าสูญเสียหนึ่งกำลังไปก็ไม่ควรลังเล
“ขอบคุณเจ้ามาก”
หวังรั่วจวินพึมพำด้วยเสียงที่ไม่ดังนักก่อนจะเงียบนิ่งไปไม่กล่าวสิ่งใดอื่นอีก เขาเลือกพุ่งตรงไปยังอีกฝั่งหนึ่งของมังกรยักษ์เพื่อค้นหาจุดเหมาะสมในการโจมตีมังกรเหมันต์ต่อ
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และไม่ได้เอ่ยอะไรเช่นกัน นางหันไปเพ่งสมาธิกับการจู่โจมมังกรเหมันต์ดังเดิม
หลังจากสู้กันมาสักพัก ภายใต้การกระหน่ำโจมตีอย่างหนักและต่อเนื่องของจอมยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งโรงเรียนราชสำนักกว่าแปดสิบห้าชีวิต มังกรเหมันต์ก็เริ่มมีอาการบาดเจ็บที่เด่นชัดให้เห็นแล้ว
“โร่ววววววว~ !”
จู่ ๆ มังกรเหมันต์ก็ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด นี่เป็นเรื่องไม่ดีนักเพราะมันคือสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเจ้ามังกรพิโรธกำลังจะปลดปล่อยสุดยอดการโจมตี ! ขณะนี้ก้อนแสงขนาดยักษ์ที่สว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นในปากมหึมาของมังกรเหมันต์ และก้อนแสงนั้นก็กำลังขยายขนาดออกไปอย่างต่อเนื่อง
‘มันกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย นายหญิงรีบหยุดมันเร็ว !’
เสียงของมารยาดังขึ้นในห้วงจิตของฉินอวี้โม่ น้ำเสียงของอสูรสาวเต็มไปด้วยความกังวล
ฉินอวี้โม่ไม่กล้าชักช้า ความลังเลแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจอาจทำให้ทุกชีวิตต้องจบสิ้น อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดซัดเข้าใส่มังกรเหมันต์ในทันที
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่และสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลจากก้อนแสงมหึมาในปากมังกรเหมันต์ พวกเขาก็ไม่กล้ารอช้าเช่นกัน นักเรียนทั้งหมดปลดปล่อยสุดยอดการโจมตีของตัวเองเข้าใส่มังกรน้ำแข็งขนาดใหญ่อย่างว่องไว
การโจมตีอันรุนแรงนับไม่ถ้วนถล่มเข้าใส่มังกรเหมันต์ อย่างไรก็ตามครั้งนี้มังกรเหมันต์ดูจะไม่เกิดความเสียหายใด ๆ เพราะม่านพลังของมันฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์แล้ว การโจมตีของฝ่ายนักเรียนโรงเรียนราชสำนักทั้งหมดถูกปัดออกไปกระแทกเข้าใส่ภูเขาน้ำแข็งสูงเสียดฟ้าสองลูกที่อยู่ด้านข้าง
— ตูม ! —
— ตูม ! —
— ตูม ! —
เกิดเสียงดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ ในตอนนั้นเองที่นางเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง ดูเหมือนพวกนางจะหลงลืมบางสิ่งที่สำคัญมากไป
ในที่สุดท่าไม้ตายของมังกรเหมันต์ก็เกือบจะสมบูรณ์แล้ว ฉินอวี้โม่และยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งหลายสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจบรรยาย หรือนี่จะเรียกว่าเป็นความทรงพลังที่สามารถสั่นสะเทือนฟ้าดินได้ !
“ดูนั่น !”
ในตอนที่ฉินอวี้โม่เตรียมจะส่งเสียงเตือนให้ทุกคนรีบหลบ ทันใดนั้นก็มีคนบางคนชี้ไปยังจุดจุดหนึ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อมองไปยังจุดที่คนผู้นั้นชี้ ฉินอวี้โม่ก็เห็นภูเขาน้ำแข็งที่เคยตั้งตระหง่านอย่างสงบเงียบ จู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนจนคล้ายกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่กำลังคลุ้มคลั่ง
หิมะปริมาณมหาศาลบนภูเขาน้ำแข็งกำลังถล่มลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูง
“หิมะกำลังถล่มลงมา ทุกคนระวัง !”
ฉินอวี้โม่ส่งเสียงตะโกนเตือนสหายร่วมสถาบันทั้งหลาย พลันร่างบางก็รีบพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างไม่รีรอ
คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเสียงเตือนดังกล่าวก็ชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ในเสี้ยวลมหายใจถัดมา พวกเขาพุ่งขึ้นไปในอากาศโดยไม่รอช้าเช่นกัน
หิมะถล่มไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันเป็นภัยธรรมชาติที่โหดร้ายอย่างหนึ่ง ถ้าไม่สามารถหลบมันได้ทันกาลและถูกหิมะฝังกลบ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์มายาบรรพชนก็ใช่ว่าจะรอดชีวิตได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่สูงเสียดฟ้าถึงเพียงนี้ ไม่ต้องเสียเวลาคิดถึงปริมาณอันมหาศาลของหิมะเลยเพราะช่วงเวลาที่เหลือน้อยนิดเพียงเท่านี้ไม่ยังทราบว่าจะใช้หนีเอาตัวรอดได้พ้นหรือไม่
บัดนี้ฉินอวี้โม่รู้แล้วว่าตนพลาดเรื่องใดไป ทุกคนลืมนึกถึงภูเขาน้ำแข็งสองลูกที่ถูกหิมะปกคลุมไปเสียสนิท ต่างคนต่างก็โจมตีกันอย่างไม่ออมมือ และการโจมตีกว่าเจ็ดในสิบส่วนก็พุ่งเข้ากระแทกภูเขาทั้งสองด้าน แน่นอนว่าโอกาสที่หิมะจะถล่มลงมาก็มีสูงอยู่แล้ว
แม้ว่าความเร็วของทุกคนจะสูงส่ง ทว่ามวลหิมะมหาศาลนั้นก็ไม่ได้ช้าไปกว่ากัน แม้แต่ฉินอวี้โม่ที่รวดเร็วที่สุดก็ยังถูกหิมะจำนวนหนึ่งกระแทกเข้าใส่อยู่หลายครั้ง นางทะยานออกไปหาที่ยืนในจุดที่ปลอดภัยได้อย่างทุลักทุเล
ทว่าเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ นั้นมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่ามาก มีหลายคนที่ถูกหิมะจำนวนมากกระแทกเข้าใส่จนกระเด็นออกไป บางคนถูกก้อนหิมะที่จับตัวแน่นปะทะศีรษะจนแทบจะหมดสติ แต่เนื่องจากทุกคนเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งทำให้พอจะต้านทานหิมะเหล่านั้นได้ และนับว่าโชคดีมากที่ไม่มีผู้ใดเคราะห์ร้ายถูกดูดดึงให้หายเข้าไปอยู่ท่ามกลางสายธารหิมะอันรุนแรง
เพียงชั่วพริบตาเดียวความโกลาหลก็สิ้นสุดลง ในตอนนี้ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งหมดเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
หลังจากลงมายืนในจุดที่ปลอดภัยได้แล้ว ทุกสายตาก็มองเห็นเพียงพื้นหิมะว่างเปล่าขาวโพลน ที่ราบเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้กลายเป็นพื้นโล่ง ๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ระดับของพื้นสูงกว่าเดิมมาก ยิ่งไปกว่านั้นหิมะจำนวนมากมายที่เคยปกคลุมภูเขาน้ำแข็งทั้งสองข้างก็ไหลลงมาเกือบหมดทำให้ขนาดของมันดูจะเล็กลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ก้อนแสงสว่างเจิดจ้าของมังกรเหมันต์ก็ไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา แม้แต่ร่างกายขนาดใหญ่โตของอสูรเผ่าพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่งก็ยังถูกหิมะจำนวนมหาศาลฝันจนจมมิดไปทั้งตัว ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดมองเห็นตัวของมันเลย
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ ‘เจ้ามังกรที่น่าเกรงขามระดับนั้นจะมาตายง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ?’
และคำตอบก็คือไม่อย่างแน่นอน
เพราะไม่กี่อึดใจต่อมาทุกคนก็ได้ยินเสียงดังสนั่น หิมะที่กลายเป็นพื้นใหม่ของที่ราบระเบิดกระจายอย่างรุนแรง