ไม่รอให้หม่าตงกล่าวจบ เย่หมิงก็พูดโพล่งออกมาอย่างไม่พอใจ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระให้มากนัก พูดมาเลยว่าใครเป็นผู้ชนะการประกวดราคา”
ในสายตาของเย่หมิง งานประกวดราคาครั้งนี้เขาก็แค่มาเข้าร่วมเท่านั้น
เพราะเขาไม่เชื่อว่า หม่าตงจะกล้าไม่ยกโครงการเขตอุตสาหกรรมให้เขา
หม่าตงไม่แม้แต่จะหันไปมองเย่หมิง เขาพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว “บริษัทที่ได้รับโครงการเขตอุตสาหกรรมตงไห่ครั้งนี้คือเฟิงเมิ่งกรุ๊ป!”
“พ่อคะ พวกเราชนะแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำประกาศของหม่าตง เย่เมิ่งเหยียนก็ร้องออกมาด้วยความตื้นตัน
“ใช่ๆๆ เฟิงเมิ่งกรุ๊ปของพวกเราชนะแล้ว!”
นาทีนั้น เย่ไห่ตื้นตันจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี
“หยางเฟิง ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราคงไม่ชนะ” เย่เมิ่งเหยียนมองหยางเฟิงด้วยความซาบซึ้ง
หยางเฟิงยิ้มพลางกล่าวว่า “เด็กโง่ มันเป็นเรื่องที่ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“เป็นไปไม่ได้!”
เย่หมิงลุกขึ้นยืนแล้วแผดเสียงลั่น
“หม่าตง แกต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ คนชนะการประกวดราคาจะเป็นเฟิงเมิ่งกรุ๊ปได้ยังไง เห็นชัดๆว่าต้องเป็นเย่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรา”
เย่หมิงจ้องหม่าตงด้วยดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาควบคุมเอาไว้ได้อยู่หมัดแล้ว
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า พูดดีๆ หม่าตงจะไม่ยอมฟัง จะต้องให้ใช้ไม้แข็ง เพราะเขาได้ยกโครงการเขตอุตสาหกรรมให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปไปเรียบร้อยแล้ว
มันไม่กลัวตายเลยหรือไง
เมื่อเห็นเย่หมิงที่มีสีหน้าอาฆาตแค้น หม่าตงก็เอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก “ผมไม่ได้เข้าใจอะไรผิดนะ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาคือเฟิงเมิ่งกรุ๊ป”
เขาเอ่ยตอบออกมาด้วยสีหน้าหมองหม่น “เย่หมิง แกคิดว่าการที่ส่งคนมาข่มขู่ฉันแล้วฉันจะกลัวแกงั้นหรือ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าแกอยากได้โครงการเขตอุตสาหกรรม แกคงได้แต่ฝันไปเท่านั้นแหละ”
“ไปตายซะ!”
สิ่งที่หม่าตงทำคือการดูถูกเขาต่อหน้าคนอื่น
ก่อนหน้านี้เขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้วว่า โครงการเขตอุตสาหกรรมจะต้องเป็นของตระกูลเย่
เพียงชั่วพริบตาเดียว กลับถูกหม่าตงตบหน้าอย่างแรง
นี่จะให้เย่หมิงอดทนไหวได้อย่างไร
“หม่าตง แกก่อเรื่องรนหาที่ตายเองนะ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแกก็แล้วกัน”
เย่หมิงพาพรรคพวกเดินเข้าไปหาหม่าตงด้วยสีหน้าเคียดแค้น
การมาตงไห่ครั้งนี้ เย่หมิงจะต้องได้โครงการเขตอุตสาหกรรมนี้กลับไปให้ได้
ถ้าเขาไม่ได้โครงการเขตอุตสาหกรรมกลับไป แล้วเขาจะไปรายงานกับเย้ห้าวว่าอะไร
หม่าตงคำรามสั่ง “ขวางพวกเขาไว้!”
ฟึ่บ!
สิ้นเสียงคำสั่ง บอดี้การ์ดนับร้อยคนก็มาล้อมเย่หมิงและพรรคพวกเอาไว้
เย่หมิงหันไปมองอย่างดูแคลน ก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง “ก็แค่พวกขยะกลุ่มหนึ่ง ไอ้หน้าบาก!”
สิ้นเสียง
ชายหน้าบากก็วิ่งออกมา
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
……
เกิดเสียงดังสนั่นติดต่อกัน
ชายหน้าบากวิ่งฝ่าเข้ากลุ่มไปราวกับสุนัขหมาป่า ไม่มีใครสามารถต้านทานเขาได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบนาที บอดี้การ์ดนับร้อยคนถูกต่อยกระเด็นกระจัดกระจาย
พลังของปรมาจารย์ไว่จิ้ง ไม่ว่าจำนวนคนจะเยอะแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานเขาได้
เมื่อสถานการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ คนทั้งหมดต่างพากันตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่า เย่หมิงที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาจะมีพลังที่แข็งแกร่งดุดันเช่นนี้
ชั่วพริบตาเดียว คนทั้งหมดพากันถอยหนีเพราะกลัวว่าจะติดกับดักไปด้วย
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็น
ว่าหม่าตงจะผ่านวิกฤตที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไปได้อย่างไร
เย่หมิงเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าหม่าตง แล้วกล่าวด้วยสีหน้ามืดหม่น “หม่าตง ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ทบทวนผลการประกวดราคาใหม่อีกครั้ง!”
หม่าตงกัดฟันตอบ “ฉันยืนยันคำเดิม ผู้ชนะการประกวดราคาคือเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ไม่มีทางจะมีผลเป็นอย่างอื่น”
“ไอ้หน้าบาก ถอนฟันของมันออกมาให้ฉันทุกซี่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าปากของมันจะแข็งขนาดนั้น”
เมื่อเห็นว่าหม่าตงไม่ยอมจำนนง่ายๆ ทำให้เย่หมิงยิ่งรู้สึกเกลียดเขาเข้ากระดูก
“ครับ!”